นี่คือวงล้อแห่งการต่อสู้ที่สามารถสยบลูกผสมได้อย่างสมบูรณ์แบบเขี้ยวหมาป่าเป็นทีมที่รู้เวลาอย่างดี จึงสามารถควบคุมจังหวะการต่อสู้ได้อย่างสิ้นเชิง
กลุ่มลูกผสมกลุ่มแรกที่มาถึงก่อนได้ถูกฆ่าล้างอย่างหมดสิ้นและไม่ทันรอให้เหล่าทหารเขี้ยวหมาป่าได้พักหายใจหายคอหลังจากที่ลูกผสมกลุ่มแรกตายไปลูกผสมกลุ่มที่เหลือก็มาถึงตามเวลาที่ชูฮันคาดไว้ทันที
พูดได้ว่าเขี้ยวหมาป่าสามารถจูงจมูกลูกผสมได้อย่างสิ้นเชิง!
นี้เองก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำหรับกลยุทธ์การหันเหความสนใจที่ชูฮันสร้างขึ้นมาเมื่อครั้งในสงครามเมืองแห่งความตายหลังจากกำจัดปัจจัยเรื่องปริมาณกำลังพลออกไปได้ ความกดดันก็จะตกไปอยู่ที่เวลาที่มีอย่างจำกัดและอัตราชัยชนะที่จะต้องพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอดีตด้วยการประสบการณ์การฝึกฝนอย่างเข้มข้นทำให้แม้ว่าจะไม่มีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ แต่ทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยังมีความสามารถที่จะควบคุมทั้งสนามรบให้อยู่ในมือได้
ดังนั้นเมื่อการต่อสู้จบลงมันก็มีคนเสียชีวิตไม่เกินสองคนจากจำนวนทหารทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบคนที่เข้าร่วมการต่อสู้!
และนี้คือทีมลูกผสมทั้งหมด150 ตัว โดยมีลูกผสมระยะ 7 เป็นผู้นำซึ่งมีระยะสูงสุดในทีมคอยสั่งการ และภายใต้แรงกดดันของซูเฟิงซึ่งคือวิวัฒนาการระยะ 7 ที่แสนจะทรงพลังทำให้ลูกผสมระยะ 7 ต้องเจอกับความยากลำบาก ไม่ต้องพูดถึงการหนีไปขอความช่วยเหลืออะไรเลย แม้แต่จะไม่ให้โดนอัดจนช้ำยังเป็นไปไม่ได้
ทั้งกระบวนการต่อสู้ทั้งหมดน่าตะลึงจนสะเทือนโลกป่าโดยรอบโดนทำลายจนไม่เหลือซาก บริเวณพื้นดินโดยรอบเองก็นองไปด้วยเลือดและเศษชิ้นส่วนมากมายเปรอะเปื้อนต้นไม้ดอกไม้ทั้งหลายไปหมด
ลูกผสมระยะ7 ยิ่งช็อคหนักขึ้นไปเรื่อยๆ มันค่อยๆเริ่มสูญเสียความั่นใจภายใต้การบุกโจมตีของซูเฟิง ยิ่งประกอบกับการที่ซูเฟิงดูเหมือนควบคุมการต่อสู้เอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่ม ยิ่งครั้งนี้ซูเฟิงที่ได้ต่อสู้ตัวต่อตัวกับลูกผสมระยะ 7 ความมั่นใจและความกล้าในตัวซูเฟิงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจนในที่สุด ปลายดาบของปืนด้ามยาวของซูเฟิงก็ตัดหัวของลูกผสมจนขาด!
และวินาทีที่ลูกผสมระยะ7 ตอนก็เป็นเวลาเดียวกับที่การต่อสู้ครั้งที่สองได้สิ้นสุดลงพอดี
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ซึ่งเหนือความคาดหมายที่ชูฮันตั้งไว้ด้วยซ้ำ!
”เลือกสนามรบต่อไปเลยมั้ย?”หลังจากการต่อสู้จบลง ซูเฟิงยังคงตื่นเต้นไม่หายเอ่ยถามชูฮัน
เพราะหลังจากได้ต่อสู้กับลูกผสมระยะ7 ไป ซูเฟิงก็พบว่าการควบคุมพลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาพอสมควรเลย และตอนนี้สนามพลังงานของเขาก็ค่อยๆมั่นคงขึ้นจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว
ความแข็งแกร่งของการเชื่อมต่อกันของพลังงานก็ขยายมากขึ้นความเข้าใจของการมีอยู่และการดับไปทำให้ซูเฟิงเข้าใจทั้งสองโลกได้อย่างชัดเจน!
ตอนนี้ซูเฟิงกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นของเกมที่แท้จริงแล้ว!
”เลือกอะไรล่ะ!”ชูฮันยังคงโมโหไม่หาย “ลูกผสมสามร้อยตัวตายแล้วก็จริง แต่มันยังมีลูกผสมเหลืออีกสี่ร้อยตัวให้เราจัดการ!”
การที่ทุกคนหายไปกับสายลมแบบนี้ยังไงพวกลูกผสมก็ต้องเกิดข้อสงสัยและขณะนี้กลุ่มลูกผสมสี่ร้อยตัวก็คงเจอกับทางแยกแล้ว ซึ่งป่านนี้พวกมันคงน่าจะแบ่งเป็นสองทีมเพื่อแยกไคนละเส้นทางแล้ว
ดังนั้นในเวลานี้ชูฮันจึงพาทีมฉวยโอกาสตรงนี้มุ่งหน้าไปดักซุ่มรอโจมตี เพราะว่าโอกาสที่จะทำลายลูกผสมทั้งหมดสี่ร้อยตัวพร้อมกันในที่เดียวมันค่อนข้างยากเกินกว่าจะสำเร็จได้
และกุญแจสำคัญของปัญหานี้ก็คืออู๋หลิงฉิงชูฮันเองก็ไม่รู้ว่าหลูปิงเซ่อ หวังไคและต้าฉิงจะสามารถล่ออู๋หลิงฉิงออกไปจากภูเขานี้ได้สำเร็จหรือไม่?
———————
ขณะนี้อู๋หลิงฉิงซึ่งเดินไล่มาเรื่อยๆตามแนวป่าและห่างไกลออกมาจากตำแหน่งชูฮันมากขึ้นเรื่อยๆโดยหวังว่ากว่าอู๋หลิงฉิงจะสังเกตถึงความผิดปกติ ป่านนั้นลูกผสมทั้งเจ็ดร้อยตัวน่าจะตายไปหมดแล้ว
หลูปิงเซ่อคอยแอบตามอู๋หลิงฉิงที่ตกอยู่ในภวังค์มาตลอดทางระยะห่างมันใกล้มากจนไม่สามารถเข้าไปใกล้กว่านี้ได้อีกแล้ว
ไม่นานก่อนหน้านี้อู๋หลิงฉิงเดินออกมาจากป่าลึกโดยไม่ทิ้งร่อยรองใดๆไว้เลยสักนิด เพราะว่าทันทีที่อู๋หลิงฉิงก้าวเท้าออกจากป่าลึก เศษกิ่งไม้ทั้งหลายที่อู๋หลิงฉิงทิ้งไว้ตลอดทางเพื่อเป็นสัญญาณนั้นได้ถูกต้าฉิงและหวังไคคอยตามเก็บหมดจนเกลี้ยง ทำให้คำใบ้บอกทางของอู๋หลิงฉิงหายวับและไม่มีทางที่เธอจะกลับไปยังเส้นทางเดิมได้แน่ๆ
ดังนั้นถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้นคาดว่าแผนการทั้งหมดของชูฮันน่าจะสมบูรณ์แบบ
น่าสงสารที่เรื่องเลวร้ายที่สุดกำลังเกิดขึ้น!
ในจังหวะที่อู๋หลิงฉิงออกมาจากป่าลึกทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ เธอมองไปยังต้นไม่ทั้งหลายรอบๆที่ดูแปลกหูแปลกตาไปและทันใดนั้นเธอเห็นว่าทุกอย่างรอบๆมันแตกต่างไปจากที่เธอเจอก่อนหน้านี้อย่างส้นเชิง
ขณะที่ความเป็นเหตุและผลของอู๋หลิงฉิงค่อยๆกลับคืนมาจู่ๆเธอก็รู้สึกแน่นที่หน้าอก “ทำไมฉันดึงได้เดินหลงมานานได้ขนาดนี้?”
แย่แล้วถ้าสมมติว่ามีสัตว์ประหลาดพาตัวเด็กทารกไปจริงๆแม้แต่เงาก็คงจะไม่ได้เห็นอีก และที่เธอเห็นมันก็มีแค่กลิ่นเลือดจากเศษผ้าและเสียงร้องที่ดังเป็นระยะ
ถ้ามันเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆมันเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีโดยไม่กินเด็กทารกเข้าไปทันที!
เพราะงั้นเสียงร้องที่ดังเป็นระยะจึงน่าสงสัยอย่างมาก!
อู๋หลิงฉิงรู้ได้ทันทีว่าเธอตกหลุมพรางเข้าให้แล้วแต่เมื่ออู๋หลิงฉิงหันกลับไปมองด้านหลังก็เกิดคำถามขึ้นมา สัญลักษณ์ที่เธอทิ้งไว้เรื่อยๆเพื่อบอกทางหายไปไหนหมด?
”อั่ก!”จู่ๆอู๋หลิงฉิงก็กำลังหายใจไม่ออก
เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังฉวยโอกาสจากข้อบกพร่องของเธอและฝ่ายนั้นจะต้องรู้เรื่องปัญหาทางจิตเกี่ยวกับเด็กทารกผู้หญิงของเธอเป็นอย่างดีเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอได้ยินหรือได้เห็นเด็กทารกผู้หญิงร้องขึ้นมา เธอจะขาดสติและตกอยู่ในภวังค์ทันที ลืมทุกๆอย่าง
ท้ายที่สุดบนทางเดินแห่งชีวิตเธอก็เลือกที่จะกินลูกน้อยของเธอเพื่อความอยู่รอด
”ใคร?”แววตาของอู๋หลิงฉิงแวววับด้วยความดุดัน
เธอรู้ดีว่าชูฮันและคนอื่นๆไม่มีทางรู้ความลับนี้ของเธอได้เพราะฉะนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…ในหมู่ลูกผสมมีไส้ศึกอยู่!
เรื่องนี้จำเป็นต้องนำขึ้นรายงานต่อท่านมู๋เย๋ให้เร็วที่สุดลูกผสมกับมนุษย์ไม่มีทางปรองดองกันได้และพวกเขาก็ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีลูกผสมเป็นกบฎเลย แต่แล้วประเด็นนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของอู๋หลิงฉิงอย่างไม่อาจมองข้ามไปได้
ทันทีที่การต่อสู้ครั้งนี้จบลงมันคงถึงเวลาทำความสะอาดทั้งเมืองหยินให้ราบคาบ!
และแทบจะทันทีที่ทันใดอู๋หลิงฉิงหมุนตัวและพุ่งตัวออกไปทันที!
หวังไคอยู่บนหลังของต้าฉิงเองก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีมันเห็นว่าอู๋หลิงฉิงพบถึงความผิดปกติและรู้ตัวแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อู๋หลิงฉิงกลับไปได้ ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของทุกๆคนก็จะสูญเปล่าทันที
และตอนนี้ต้าฉิงก็ยังไล่เก็บกิ่งไม้ทางด้านหลังที่เหลือไม่ครบเลยดังนั้นถ้าอู๋หลิงฉิงกลับไปถึงตรงนั้น อู๋หลิงฉิงจะต้องเจอเส้นทางเดิมและสามารถกลับไปหากลุ่มลูกผสมได้ทันที
เมื่อเห็นว่าอู๋หลิงฉิงเมินเฉยต่อเสียงร้องของเด็กทารกที่ยังคงดังอยู่หวังไคก็เริ่มลนลาน ทันใดนั้นมันก็รีบเปลี่ยนแผนและสั่งให้ต้าฉิงพาบินกลับไปด้านหลังเพื่อไล่เก็บกิ่งไม้ตามทางอย่างเร็วที่สุดก่อนที่อู๋หลิงฉิงจะมาเจอ อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยเพิ่มเวลาให้ชูฮันได้บ้าง
หลูปิงเซ่อที่ขณะนี้รับรู้ได้แล้วว่าแผนการที่จะดึงอู๋หลิงฉิงเอาไว้ได้ล้มเหลวไปแล้วก็ไม่คิดรอให้เวลาสูญเปล่าเขารีบคิดแผนการรับมือใหม่ขึ้นมาทันที…
”แม่ง!ทางเดินขึ้นมาลำบากชะมัด!” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาไม่ไกลออกไป ตามมาด้วยกลุ่มคนที่เดินเป็นจังหวะฝีเท้าเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง
”เสียงนี่มัน?!”หลูปิงเซ่อตกใจค้าง ทันใดนั้นก็รีบเพ่งสายตามองผ่านหญ้าสูงทึบทั้งหลายที่บังตาอยู่
และตอนนั้นเองหลูปิงเซ่อก็ได้เห็นภาพกลุ่มทหาร500 คนที่เนื้อตัวมอมแมม เปื้อนดินโคลนเต็มไปหมด เสื้อผ้าขาดวิ่น สภาพทุกคนดูซอมซ่ออย่างมาก
ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง!
พวกนี้คือกลุ่มทหาร500 คนที่ล่วงหน้ามาก่อนพวกที่เหลือเพื่อตามมาสมทบกับชูฮันก่อนโดยมีเฉินช่าวเย่เป็นคนนำ!