ตอนที่ 1121 ผลงานชิ้นเอก โดย Ink Stone_Fantasy
“หาา…” ซิมบาดี้ทำหน้าเหยเกขึ้นมา ไม่ชอบฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์จากคนอื่น? ต่อให้เป็นเผ่าเล็กๆ คนส่วนใหญ่ก็รู้ถึงชื่อเสียงของชาวฟยอร์ดดี ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญในการล่องทะเลทุกคน แต่พวกเขาแทบทุกคนต่างเป็นพ่อค้ามาแต่กำเนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพวกที่มองผลประโยชน์เป็นอันดับแรกด้วย
ในเมืองไอรอนแซนด์มีเรื่องเล่าตลกๆ เกี่ยวกับชาวโมเกนที่ถูกหลอกอยู่ไม่ค่อย ชาวทะเลทุกคนต่างรู้ดีว่าต้องระมัดระวังอย่างมากเวลาที่พูดคุยกับคนฟยอร์ด และเรื่องที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือเรฟเวลรี่ก็ยิ่งเป็นการย้ำชัดในจุดนี้ เมื่อเจอกับคำพูดของอีกฝ่าย ซิมบาดี้ไม่คิดที่จะเชื่อเลยแม้แต่คำเดียว “พูดจบยัง? ข้ายังมีงานต้องทำอีก เจ้าไปหาคนอื่นเถอะ”
พอพูดจบซิมมาบี้ก็ส่งสายตาไปทางมอลลี่เพื่อบอกให้เธอตามมา
“เดี๋ยวๆ!” ริคส์รีบตะโกน “ไม่ได้ทำฟรีนะ ข้ายินดีจ่ายค่าจ้างเป็นเหรียญทอง ไม่ว่าสุดท้ายจะได้อะไรกลับมาหรือไม่!”
“ซิมบาดี้ เจ้าฟังเขาพูดให้จบก่อนสิ” มอลลี่คว้ามือของเขาไว้ “ข้าคิดว่าของที่เขาทำมันสุดยอดจริงๆ นะ ดูแล้วไม่เหมือนกับพวกคนหลอกลวงเลย”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่มาจากฝ่ามือของอีกฝ่าย ซิมบาดี้พลันรู้สึกใจเต้นขึ้นมา “แต่ว่า…”
“10 เหรียญทอง! ขอเพียงเจ้าบอกตำแหน่งให้ข้ารู้ ข้าจะให้เจ้า 10 เหรียญทอง!” น่าจะเป็นเพราะอยากจะพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้โกหก ริคส์จึงหยิบเงิน 1 เหรียญทองออกมาจากในกระเป๋า “นี่คือเงินมัดจำ! ถ้าเจ้าช่วยข้าจนจบงาน ข้ายินดีที่จะจ่ายให้เจ้าอีก 20 เหรียญทอง ว่ายังไง!”
ซิมบาดี้ตกตะลึงไปทันที การที่ทำให้ชาวฟยอร์ดยอมจ่ายเงินก่อนที่จะเห็นสินค้าได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้นเงินค่าจ้างรวม 30 เหรียญทอง? หลังคิดคำนวณในใจอยู่ครู่ เขาก็รู้ว่านี่มันเป็นเงินจำนวนมหาศาลแค่ไหน ถ้าทำงานกินเงินเดือนไปเรื่อยๆ เกรงว่าทำไปสิบปีก็ยังไม่ได้เงินเยอะเท่านี้เลย
“ข้าเองก็อยากจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เด็กๆ ในเผ่า…” มอลลี่กระพริบตาปริบๆ
เมื่อเจอกับการโจมตีจากสองด้านแบบนี้ ในที่สุดซิมบาดี้จึงยอมแพ้ “เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว แต่ถ้าเจ้ากล้าหลอกข้าล่ะก็….”
“พวกเจ้าไม่ต้องเสียอะไรเลยนะ” ริคส์ดีดเหรียญทองมาให้ซิมบาดี้ “แค่พูดไม่กี่ประโยคก็ได้ไปแล้ว 1 เหรียญทอง ไม่มีการค้าขายไหนจะคุ้มเท่านี้แล้ว”
ชาวฟยอร์ดนี่เก่งเรื่องโน้มน้าวใจคนจริงๆ ด้วย ซิมบาดี้รับเอาเงินที่ลอยมา “เจ้าอยากจะรู้อะไร? ทำไมมอลลี่ถึงมาอยู่กับเจ้าได้? ชื่อเสียงที่เจ้าว่ามันหมายถึงอะไร?”
“อันนี้ต้องเล่าตั้งแต่ต้น” ริคส์กระแอมเล็กน้อย “พวกเราเดินไปคุยไปดีไหม เรื่องแรกที่ข้าอยากถามก็คือ พวกเจ้าคิดยังไงกับทะเล?”
“คิดยังไง?” เขาลังเลเล็กน้อย “มารดาของสามเทพ สถานที่ที่ให้กำเนิดสรรพสิ่ง แล้วก็…เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”
“ข้าคิดว่ามันลึกลับ” มอลลี่พูดอย่างตื่นเต้น “ไม่มีใครรู้ว่ามันกว้างเท่าไร ลึกเท่าไร แม้แต่ดินแดนทางใต้สุดก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่เคยมีใครไปเหยียบเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นทะเล เกรงว่าต่อให้เป็นอีกพันปีข้างหน้าก็คงยังสำรวจไม่หมดล่ะมั้ง?”
“พวกเจ้าพูดถูก แต่ว่าสำหรับชาวฟยอร์ดแล้ว ทะเลนั้นเป็นเหมือนกับ….คลังสมบัติ” ริคส์พูดยิ้มๆ “ก้นทะเลมีสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วนนอนรออยู่ มีทั้งเงินทองเป็นลังๆ แล้วก็มีวัตถุโบราณที่หายสาบสูญไป…พวกมันไม่มีอะไรมาปกป้อง ได้แต่นอนรอให้พวกเราไปเก็บเท่านั้น การที่เราจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดังนั้นถ้าใครมีคลังสมบัติอันนี้ คนๆ นั้นก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก!”
“พูดง่ายๆ” ซิมบาดี้เบะปาก “ไม่มีอะไรป้องกันงั้นเหรอ? ทะเลก็คือโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสมบัติพวกนั้นนั่นแหละ เจ้าไม่ใช่ปลา แล้วจะลงไปใต้ทะเลได้ยังไง”
“ถูกต้อง นั่นแหละคือปัญหา!” น้ำเสียงของริคส์ฟังดูตื่นเต้น “คติประจำสมาคมของแปลกก็คือทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ครั้งนี้ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าสมาคมของแปลกนั้นไม่ใช่คนบ้า แล้วก็ไม่ใช่สมาคมของคนขี้ขลาด! ถึงแม้พวกข้าจะไม่ใช่นักสำรวจ แต่พวกข้าก็มีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าพวกเขา…ไม่สิ น่าจะมีประโยชน์มากกว่าพวกเขาด้วย!”
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเจ้า…”
“สิ่งประดิษย์ที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่ง” ริคส์เผยความลับออกมาอย่างตื่นเต้น “ข้าเรียกมันว่า ‘ชุดดำน้ำ’ ถ้ามีมัน มนุษย์เราก็จะดำลงไปในน้ำได้เป็นเวลานานเหมือนกับปลา!”
“อะไรนะ?” ซิมบาดี้พูดอย่างตกใจ
“ตอนที่ข้างมหอย ข้าเห็นพวกเขาดำอยู่ในน้ำเป็นเวลานานมาก นานเกินกว่าที่คนธรรมดาจะกลั้นหายใจได้” มอลลี่พูดเสริม “ข้าก็เลยเดินเข้าไปถามพวกเขาว่ากำลังทำอะไร”
นี่แท้มอลลี่เป็นคนเข้าไปหาพวกเขางั้นเหรอ…เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ตอนนั้นข้าเองก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่ากันว่าชาวทะเลทรายนั้นไม่ค่อยชอบทะเลซักเท่าไร” ริคส์พูดต่อ “หลายวันมานี้ข้าพยายามทำการทดสอบดำน้ำ ผลที่ออกมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มันจะต้องเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการจับปลาแน่นอน แล้วก็ทำให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการสำรวจแบบใหม่นี้ได้!”
“ในเมื่อสำเร็จแล้ว อย่างนั้นเจ้าจะมาหาข้าทำไมอีก?” ซิมบาดี้พยายามสะกดความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“แค่กๆ…คืออย่างนี้ คุณซิมบาดี้ สิ่งเดียวที่ชุดดำน้ำขาดอยู่ก็คือชื่อเสียง การประกาศมอบรางวัลของฝ่าบาทวิมเบิลดันครั้งนี้คือโอกาสที่ดีที่สุด ดังนั้นข้าจำเป็นต้องรีบหาสมบัติที่แท้จริงให้ได้ก่อนคนอื่นๆ แล้วก็ต้องเป็นสมบัติที่ทำให้ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลสนใจได้” วิคเตอร์กำหมัดแน่น “ถ้าข้าได้รับการอวยยศจากฝ่าบาทเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะมีคนจำนวนมากต่อแถวแย่งกันซื้อสิ่งประดิษฐ์ของข้าแน่นอน!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ริคส์พลันชะงักไปเล็กน้อย “แต่พวกข้าไม่รู้ว่าสมบัติซ่อนอยู่ตรงไหน ในประกาศของฝ่าบาทก็ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าต้องการของอะไร ในนั้นบอกเพียงว่าอะไรก็ตามที่ดูเหมือนของโบราณก็ได้ทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าของที่ทำให้ฝ่าบาทสนใจได้นั้นมีอยู่แค่ไม่เท่าไร พระองค์ไม่มีทางสนใจพวกของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่หามาได้จากหลุมทรายหรือปะการังแน่นอน ด้วยเหตุนี้พวกข้าจึงไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยได้แต่ไปดำน้ำหาตามชายฝั่ง แต่ในตอนนั้นเอง คุณหนูมอลลี่ก็ได้นำเอาแสงสว่างมาให้พวกข้า นางบอกว่าเจ้าเคยเห็นถ้ำแปลกๆ อยู่แห่งหนึ่ง ในตอนกลางคืนที่ไม่มีแสงจันทร์จะมองเห็นแสงสว่างมาจากใต้น้ำ ข้าก็เลยอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน!”
นี่ก็หมายความว่าเหตุผลหลักๆ ที่ชาวฟยอร์ดแห่กันมาที่นี่ก็คือชีค ซิมบาดี้คิดอย่างปวดหัว “ข้าก็แค่เจอมันโดยบังเอิญเท่านั้น มันอยู่ด้านล่างของหน้าผาแห่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นมีแต่ตอนที่น้ำลดถึงจะพอมองเห็นปากถ้ำได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ยังอยู่ลึกจากผิวน้ำทะเลอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ด้วยว่ามันลึกเท่าไร ด้านในมีอะไร บางทีมันอาจจะเป็นแค่ถ้ำธรรมดาก็ได้ ส่วนแสงนั้นก็มาจากแมงกะพรุนเท่านั้น”
“วางใจได้ ต่อให้หาอะไรไม่เจอ ข้าก็ยังจะจ่ายค่าจ้างให้เจ้าตามสัญญา” ริคส์ตอบ
ในขณะที่พูด ทั้งสามคนก็มาถึงหาดทรายที่ไม่มีคนแห่งหนึ่งด้านนอกท่าเรือ
แต่ว่าในเวลานี้ตรงหาดทรายกลับมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด
“คนพวกนี้คือกะลาสีเรือที่ข้าจ้างมา ไม่เกี่ยวกับการทดลอง หลักๆ แล้วพวกเขาทำงานเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป” ริคส์พูดแนะนำ “ผู้ช่วยที่แท้จริงของข้ามีอยู่แค่สองคนเท่านั้น อายมาคส์กับทอลแฮท พวกเขาเป็นทั้งผู้ช่วยข้า แล้วก็เป็นสมาชิกของสมาคมของแปลกด้วย”
เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ ด้วย…ซิมบาดีมองดูชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงกลุ่มคน สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่บนชุดพิเศษที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
มันมีหมวกโลหะขนาดใหญ่ ดูแล้วไม่เข้ากับขนาดของร่างกายเลย เสื้อกับกางเกงเหมือนจะเชื่อมต่อเป็นชุดเดียวกัน ดูแล้วเหมือนจะสวมใส่ค่อนข้างยากลำบาก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คือท่อสองเส้นที่ยื่นออกมาจากในหมวก พวกมันเหมือนกับหนวดที่อยู่บนหัวกุ้ง แต่ความยาวกลับยาวจนน่าตกใจ ปลายสุดของท่อเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องจักรสีดำขนาดใหญ่เครื่องหนึ่ง
ซิมบาดี้เคยเห็นเครื่องจักรแบบนี้บนเรือของเนเวอร์วินเทอร์ พวกลูกเรือเรียกมันว่าเครื่องจักรไอน้ำ
“นั่นคือ….”
“ถูกต้อง” ริคเตอร์พูดอย่างภาคภูมิใจ “มันคือ ‘ชุดดำน้ำ’ ผลงานชิ้นเอกของข้า!”
…………………………………………………………….