บทที่ 130 ฟ่าง

โรงงานผลิตไวน์แห่งนี้คือที่ๆจิวเย่ดูแลอยู่ เขาอาศัยอยู่ที่นี่ ชัดเจนเลยว่าเพราะมันมีค่ามากๆ เหนือสิ่งอื่นใด โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ห่างไกลจากความวุ่นวายและความแออัดในเมือง เปี่ยมไปด้วยความสงบประจบไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี

“เรามาถึงกันแล้วล่ะ” จิวเย่พูดขึ้นอย่างถ่อมตัวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ปิ้ว ปิ้วปิ้ว ปิ้วปิ้ว

ผุ้วิเศษแห่งความตายถือโทรศัพท์มือถือเล่นไปขณะที่ปากก็คาบซิการ์และไม้เท้าก็ประคองไว้ที่ใต้รักแร้

หน้ากากเหรอ?

ลืมมันไปแล้วล่ะ…

“อ๊ะ รอแปปนะ” ก่อนที่น้องชายจะไปเปิดประตู จิวเย่ก็รีบวิ่งออกไปเพื่อช่วย แต่ทว่าสายตาของผู้วิเศษแห่งความตายนั้นก็ไม่ได้ละออกจากโทรศัพท์เลย

ติ๊ง ติ๊ง

ฟังเสียงของเหรียญทอง ซิการ์ของผู้วิเศษแห่งความตายก็หลุดก่อนที่เขาจะใช้ทั้งร่างกายของเขานั้นสูดมันเข้าไป “เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”

แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “ชวง!”

จิวเย่คิดว่าตั้งแต่ที่ชายตรงหน้าเล่นไปบนรถเขาแล้ว ก็ดูเหมือนไม่คิดที่จะวางมือถือลงเลย เขานั่งพับเพียบอยู่ในนั้น และดูไม่เหมือนว่ากำลังถือโทรศัพท์อยู่ด้วย โอเค…

โดยเฉพาะเสียงปิ้วปิ้วปิ้วนั่น…เสียงของแอปเปิ้ล X ช่างดังเอาเสียมากๆ…หรือว่าเพราะทอง 8848 ของฉันมันดี

“ช่วยหยุดซักแปปนึงได้มั้ย?”

“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”

แปลเป็นทางการว่า “มีปลามากมายขนาดนี้ นายจะจ่ายไหวเหรอ?”

จิวเย่นั้นเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน และเขาสามารถจำแนกอารมณ์ของผู้วิเศษแห่งความตายได้ด้วยการแยกโทนเสียง และเขามั่นใจเลยว่าประโยคนั้นคือการตอบรับแน่ๆ!

ทั้งสองเข้าไปด้านในของโรงงานกลั่นไวน์ และในนั้น มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในห้องประชุมประจำโรงกลั่น ที่นั่นมีผู้ชายอยู่แล้ว 8 คนและผู้หญิงอีก 1 คนนั่งถัดจากพวกเขา ธีมชุดล้วนเป็นสูทและเสื้อคลุมเหมือนๆกัน จะมีก็แต่ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่ใส่ชุดดูจะเป็นนกยูงอยู่แล้ว เธอสวมผ้าซาตินสีมรกตที่มีลวดลายยาว กลิ่นหอมของยาสูบดอกไม้คละคลุ้งตลบอบอวลไปหมด ผ้าไหมบางสีเขียวทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้า นางฟ้าที่บินไม่ได้หรือนางฟ้าตัวน้อยๆอย่างแฟร์รี่

คนๆนี้มาจากฝ่ายเมฆา เจ้าสำนัก ซุนฟาง!

“พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่กันแน่เนี่ย!” ชายวัยกลางคนตะโกนด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่น คนๆนั้นคือ เจ้าแห่งสัมพันธมิตรแห่งสันนิบาตฝ่ายใต้ ไฮ่ไตซี่ ลูบที่หัวโล้นของเขาทำให้ดูดุร้ายไม่น้อยเลย

เจ้าแห่งพาวิลเลี่ยนแต่งตัวแปลกนิดหน่อย เขาสวมเสื้อยืดกางเกงตัวใหญ่ ที่คอคล้องโซ่สีทอง สวมแว่นกันแดดและหมวกแบบฮิปฮอป ใช่แล้ว เขาคือพวกฮิปฮอป

สองมือขยับตามจังหวะก่อนจะเริ่มแร็ป “เฮ่ โย่ว เจ้าไหมสีสาหร่ายเป็นไงมั่ง นี่คืออะไรโย่ว~ ผู้อาวุโสตายแล้ว โญ่ เย่~ ดูเหมือนจะเป็นเวลาแก้แค้นของนายแล้วนะโย่~”

“เห้ยๆ ฉันถามแกอยู่นะเว้ย!!!” ไฮ่ไตซี่กระโดดขึ้นมาเร็วพลัน

“ดูเหมือนว่าเจ้าแห่งสัมพันธมิตรจะโวยวายแล้วนะ” พี่สาวแห่งปรมาจารญ์หยังเชาเอ่ย

หวังต้าเป่า ผู้ที่กำลังตัดเล็บอยู่ก็พูดเสริมด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ท่านจะวิตกอะไรเล่า ฝ่ายเซ็นไม่ได้เอาคนตายมาเป็นผู้อาวุโสคนต่อไปเสียหน่อย แล้วถ้าเป็นใครซักคนล่ะ?”

เจ้าแห่งรถ เจ้าสำนักแห่งเซ็นนั้นหน้าเย็นไปหมด “หวังต้าเป่า! นี่มันหายนะแล้วนะ! ถึงแม้แกจะมีผู้หญิงของแก แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี!”

เขามองชายผู้มีท่าทีสง่าพูด “หวังก็พูดถูกหมดนี่นา ความจริงก็คือความจริง ที่ว่าอาวุโสทั้งสองนั้นตายแล้ว และที่วันนี้ฉันยังมีอารมณ์ที่จะมานั่งที่นี่ก็เพราะว่านับถือหรอกนะ”

ไฮ่ไต่ซี่โกรธสุดเหวี่ยงกับท่าทีของผู้ร่วมโต๊ะประชุมครั้งนี้ “เช่าซินหลัง ปากไม่ดีก็อย่าชักศึกเข้าบ้านดีกว่าน่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามแต่ แต่พ่อของเจ้ากำลังจะทำลายตระกูลเช่าด้วยตัวเอง!”

“นี่ยอมเปิดเผยความหยิ่งในตัวเองออกมาแล้วเหรอ!” เช่าซินหลังยังคงยิ้ม แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก

“เอาล่ะๆ พูดนิดพูดหน่อยก็จะตีกันตายแล้ว” ชื่อของเขาคือ อันอันเซิ่ง ด้วยแว่นที่ดูจะเห็นได้ทั่วไปมากๆ ทำให้เขาดูไม่โดดเด่นแต่ก็ถือว่าดูดีและดูฉลาดมากๆ

อันที่จริง ตัวเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปขวางนักหรอก เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าความแข็งแกร่งของแต่ละคนนั้นก็ไม่ได้ต่างกันมาก ส่วนใหญ่ก็เอาแต่ทำตัวเล่นๆหรือไม่ก็ไม่สนใจอะไรเลย

เหนืออื่นใด การต่อสู้ไม่ใช่ผลประโยชน์ของชัยชนะ แล้วการต่อสู้คืออะไรกันล่ะ?

ไฮ่ไต่ซี่พูดด้วยความโกรธ “ถ้าแกอยากให้ฉันพูด เราก็ต้องมาช่วยกันประณามมัน!”

“เห้ยๆ ทะลึ่งแล้ว ข้ายังไม่ตาย ตาแก่” พาวิลเลี่ยนลอร์ดผู้ที่ไม่มีแขนยกมือขึ้นทำกากบาท

ไฮ่ไต่ซี่เกือบจะไม่ต้องไอเป็นเลือดแล้ว “ฉันจะฆ่าแกวันนี้เลย!”

“งั้นก็เข้ามาเลย”

พี่สาวแห่งปรมาจารญ์หยางเชาจับไฮ่ไต่ซี่ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเอาไว้ทัน “จงเยือกเย็นดั่งสมุทรกว้าง เจ้าแห่งสัมพันธมิตร อย่าตื่นตระหนก! เจ้าสำนักท่านนี้เองก็เศร้าอยู่เหมือนกัน ทำตัวให้ชินไว้จะดีกว่า”

ไฮ่ไต่ซี่หน้าเซ็ง

ฉันเห็นว่า หยางเชาไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนหมวกไปใส่แว่นกัดแดดได้ที่ไหน “ปัญหาแก้มโยโย่”

ไกเจิงตอบสนองทันที “เฮ้ พี่ชายนี่เจ๋งไปเลยแฮะ มีดเนี่ยไม่เลวเลย”

“ฉันจะฆ่าไอ้เวรพวกนี้วันนี้เลย ไอ้แม่เยอะ!!” พลังงานอันร้อนแรงปะทุขึ้นมาจากไฮ่ไต่ซี่

จะให้ไกเจิงและ หยางเชาไม่ทำตัวหยิ่งได้เหรอ? ถึงจะออกไปหาผู้อาวุโส แต่ทั้งสองก็ตายไม่ก็บาดเจ็บอยู่ดี แล้วดูพวกเราสิ ออกมาโดยไม่มีแผลอะไรเลย ถ้าให้พูดก็คง น้องชายน่ะน่ะไม่มีสมอง นายท่านคนนี้เองก็คงไม่ได้ดีเด่นไปกว่าตัวน้องเองซักเท่าไหร่หรอก

สำนักเซ็นที่แห้งเฉา เจ้าสำนัก คาร์ลอร์ด พูดด้วยความสงบเยือกเย็น “เชื่อฉันสิ!”

หวังต้าเป่า เช่าซินหลัง จี้อันเซิน และกวนเที่ยนโร้ด ผู้ที่ไม่เคยกรน มองไปยังพวกเขาถึง 4 ครั้งแต่ก็ยังไม่ได้แผนอะไร

สำหรับพวกเขา คนเหล่านี้สามารถนับเป็น โลกแห่งวัฒนธรรมก็ได้ ส่วนความสัมพันธ์นั้นก็แบ่งแยกกันออกไป

“พอ!” เจ้าสำนักหยุนพูดแล้วมองหาน้ำเย็น

งดงาม ใบหน้านี้ยังคงเหมาะสมอยู่เสมอ

เจ้าแห่งรถหายใจช้าๆ จิตสังหารค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ถ้านายยังไม่ยอมตามหาเจ้าสำนักมาอธิษฐานเผื่อนายล่ะก็นะ เจ้าสำนักนี้จะเปลี่ยนนายให้กลายเป็นน้ำเหลวๆวันนี้เลย!”

“ใช่! ตามที่เจ้าสำนักพูด เจ้าแห่งสัมพันธมิตรคนนี้ไม่ใช่ยากเกินไปสำหรับเด็กๆอย่างแกทั้ง 2 คน” ไฮไต่ซี่อารมณ์เปลี่ยน ถ้านี่เป็นแค่ชายร่างโตหัวรุนแรงเช่นนั้นนี่ก็คือเด็กที่อบอุ่น

ความงดงามแห่งฟากเหนือนั้นคือความบริสุทธิ์ดุจสีขาวและความสงสาร

สองความงามแห่งฟ่างฮั่วไม่ได้มาที่นี่

ไฮ่ไต่ซี่ และ เจ้อชี่ชวนเพียงแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีหน้า

และไกเจิง กับ หยางเชาเองก็ดูงดงามแบบมีเล่ห์เหลี่ยม ความงามพวกนั้นต่างฝ่ายต่างดึงดูดแต่ละคนในทางเดียวกัน หรือจะโดนซุบซิบนินทา ก็รู้แหละว่าเจ้าสำนักนั้นปัจจุบันติดเพลงฮิปฮ็อปขนาดไหน ตั้งอกตั้งใจฟังเสียจริงนะ

“เรื่องที่จะคุยวันนี้ก็คือ เราจะปกป้องเทพบรรพกาลและจะให้เป็นเทพบรรพกาลต่อไปได้อย่างไร!” น้ำเสียงของฟ่างนั้นนุ่มนวลและฟังดูสบาย

เช่าซินหลังจับเส้นผม “ท่านเจ้าสำนักฟ่าง ผู้อาวุโสซิงของเธอ ยังโอเคหรือเปล่า?”

“ตระกูลเช่านี่ดูจะเป็นกังวลกันสำนักนี้จังเลยนะ” น้ำเสียงของฟ่างแสดงออกถึงความโกรธเล็กน้อย

เชี่ยนมองและกรอกตา “ฉันได้ยินมาว่าผู้อาวุโสซิงตายและกำลังถูกส่งกลับเมื่อวานนี้ ได้ยินข่าวนี้บ้างไหม?”

“ผู้อาวุโสซิงเสียสละตัวเองเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้าสำนักประจำสำนักที่น่ารังเกียจนี้ก็ยังรายงานตามธรรมชาติ” ฟ่างเริ่มโกรธขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

“พูดได้ดี!”

“แก้แค้นและเกลียดชัง!”

ไฮ่ไต่ซี่และ จี่ชี่ซวนพูดพร้อมกัน

เช่าซินหลังหัวเราะเบาๆ “เมื่อพวกนายรอจิวเย่ เผื่อว่าเขาจะมากับใครซักคน ฉันก็มองไปยังการแก้แค้นของพวกนายแล้ว”

หวังต้าเป่าถอนรองเท้าออก ตามด้วยถุงเท้าและเริ่มตัดเล็บนิ้วโป้งต่อ เป็นการเคลื่อนไหวที่น่ากลัวยิ่งนัก!

“ท่านเจ้าสำนักฟ่าง เธอจะคิดแต่เรื่องแก้แค้นมากไปแล้วนะ ช่วยคิดทบทวนให้ดีเถอะว่าแบบนี้มันถูกแล้วหรือเปล่า” ไกรู้สึกว่าความเกลียดชังนี้จะไม่ส่งผลดีออกมาแน่ ผู้อาวุโสกลับมาเมื่อวาน และรายงานถึงสถานการณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัจจุบัน แต่เขาก็ฟังไปถึงเสียงในหัวใจ

จากในที่ที่กำลังพูดกันอยู่ เสียงเบาๆเล็กๆก็ดังเข้ามาในหูทุกคน

ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว

เขตก่อสร้างกำลังเคลื่อนอิฐ และมันน่าอึดอัดมาก…ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันมันกลายเป็นโพรงออกมาเลย