เซียวอวี๋ไม่ล่วงรู้ความคิดของเฟอร์กูสัน เขาเพียงแค่คิดว่าเฟอร์กุสันเป็นคนพูดน้อย เนื่องด้วยการนำนำของเซียวอวี๋ นักผจญจำนวนมากจึงยอมละความสนใจจากแน็กแรมและมุ่งหน้าไปยังอัลคีราฟ มีหัวเรือใหญ่อย่างเซียวอวี๋คอยนำ บางทีพวกเขาเองก็อาจจะได้โชคลาภบางส่วน กล่าวกันว่าลอร์ดผู้นี้ชื่นชอบการเสาะหาสมบัติ ทั้งยังได้รับสมบัติกองโตกลับมาแทบทุกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ลือกันว่าเหล่าสมุนบริวารข้างกายของเขาล้วนแต่เป็นตัวตนชั้นตำนานจากยุคอดีตกาล แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องคุ้นเคยกับสมบัติโบราณต่างๆ ข่าวลือมากมายแพร่กระจายไปในหมู่นักผจญภัย นักผจญภัยนั้นชื่นชอบข่าวลืออยู่แล้ว พวกเขามักมีความอยากรู้อยากเห็น เซียวอวี๋นั้นมีภาพลักษณ์เป็นอันธพาลในสายตาของผู้คนทั่วไป แต่พวกเขาที่ติดตามเซียวอวี๋นั้นก็เพราะสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของเขา ในทวีปแห่งนี้ ทั่วทุกที่ล้วนมีแต่ภัยอันตราย หากต้องการจะปกป้องตนเอง มันก็จำเป็นที่จะต้องมีคนหนุนหลัง ฝูงชนต่างมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิเมฆาตะวันออก เนื่องเพราะจำนวนคนที่มีมากเกินไป แน่นอนว่าความเร็วย่อมต้องลดลงตาม ตอนแรกเซียวอวี๋คิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดผลถึงเพียงนี้ เขาก็เพียงแค่ยกอ้างชื่อของพวกธีโอดอร์ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม จดหมายที่ได้ในวันนี้ทำให้เซียวอวี๋ต้องเร่งฝีเท้าขึ้น จดหมายฉบับนี้มาจากโถวปาหง ในนั้นกล่าวว่าสถานการณ์ที่อัลคีราฟเมฆากำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ ตอนนี้พวกเซิกได้รุกคืบยึดครองดินแดนจักรวรรดิเมฆาไปกว่าหนึ่งในสามแล้ว ผู้คนต่างล้มตายกันอย่างสาหัส โถวปาหงจึงชะลอการเข้าปะทะและสั่งให้ก่อกำแพงสูงตามเมืองต่างๆเพื่อต้านทานการโจมตีของพวกเซิก เมื่ออ่านจนจบ สีหน้าของเซียวอวี๋มืดครึ้มลง ตามรายงานที่ได้รับเมื่อไม่กี่วันก่อน จดหมายเพียงบอกว่าพวกเซิกเพิ่งปรากฏตัวและเกิดความเสียหายบางส่วนเท่านั้น แต่เพียงไม่กี่วันถัดมา สถานการณ์กลับถูกผลักดันมาถึงขั้นนี้ นี่น่ากลัวนัก หากว่าล้่ช้า เกรงว่าเวลานั้นคงไม่มีจักรวรรดิเมฆาแล้ว เมื่อจักรวรรดิเมฆาล้มลง คราวต่อไปก็เป็นตาของดินแดนไลอ้อนแล้ว นี่เรียกว่าริมฝีปากกับฟัน เซียวอวี๋ชัดแจ้งในเหตุผลข้อนี้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้จักรวรรดิเมฆาล้มลงไม่ได้เด็ดขาด เซียวอวี๋สั่งให้เร่งเดินทาง ขณะเดียวกันก็ขบคิดถึงสาเหตุที่จู่ๆอัลคีราฟก็ปรากฏออกมา ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจใดหรือไม่ สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกองกำลังชั่วร้ายนั้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกมัน แม้พวกเขาจะพยายามเร่งเดินทางสุดฝีเท้า กระนั้นหนทางกลับไม่ใกล้เลย พวกเขาต้องใช้อีกราวสี่วันจึงจะไปถึงจุดปะทะแนวหน้ากับพวกเซิก เวลานี้โถวปาหงไม่ได้อยู่ภายในเมืองอู่เหอ แต่เขากลับเดินทางไปที่แนวหน้าเพื่อบัญชาการด้วยตนเอง เพราะเขาตระหนักดีว่า หากไม่อาจควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ถึงตอนนั้น ทั้งกองหนุนของเซียวอวี๋และจักรวรรดิเมฆาอาจจบสิ้นไปพร้อมกัน เมื่อเซียวอวี๋เดินทางมาถึง แม้ก่อนมาจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องตกตะลึง เมื่อได้ก้าวขึ้นไปบนกำแพงและทอดมองฝูงเซิกที่ดำพรืดสุดลูกหูลูกตาแล้ว ในใจก็หนักอึ้งดั่งโดนหินกดทับ มากเหลือเกิน พวกมันมีมากมายนัก…. โถวปาหงสั่งให้ก่อกำแพงชั้นแล้วชั้นเล่า ทุกครั้งที่พวกเซิกบุกทะลวงผ่านมาได้ พวกเขาก็จำต้องถอยร่นไม่หยุด หากไม่มีกำแพงสูงคอยสกัดกั้น ต่อหน้าจำนวนอันน่าสะพรึงของพวกมันแล้ว เกรงว่าชะตากรรมของพวกเขามีเพียงถูกกลืนกินในพริบตา วิธีการก่อกำแพงนี้ถูกคิดค้นโดยเซียวอวี๋ขณะที่ช่วยเขาป้องกันเมืองอู่เหอเมื่อครั้งนั้น วิธีการนี้ทำให้พวกเขาสามารถต้านทานพวกเซิกไว้ได้ โถวปาหงไม่ได้ออกมาต้อนรับเซียวอวี๋ด้วยตนเอง หากแต่อยู่บนกำแพงคอยเฝ้าคุมเชิงดูสถานการณ์ เขารอคอยเซียวอวี๋มาสามวันสามคืนแล้ว วินาทีที่ได้พบเห็นเซียวอวี๋ โถวปาหงก็เผยยิ้มยินดีพลางกล่าวว่า “ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” คำพูดเพียงไม่กี่คำหากแต่สามารถบ่งบอกบรรยายาหลายสิ่ง แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยยากตลอดหลายวันมานี้ของโถวปาหง แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการให้เซียวอวี๋มาอยู่ที่นี่มากเพียงใด และแสดงให้เห็นว่าเขาตั้งความหวังไว้กับเซียวอวี๋สุงเพียงใด มันยังแสดงถึงความเชื่อใจที่เขามีต่อเซียวอวี๋ เซียวอวี๋สบกับดวงตาที่แดงก่ำของโถวปาหง เขายิ้มก่อนที่จะยกมือตบลงบนบ่าของอีกฝ่าย “อืม ไปพักเถอะ ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของข้าเอง” โถวปาหงพยักหน้า จากนั้นจึงหันไปสั่งต่อผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง “คำสั่งของเซียวอวี๋คือคำสั่งของข้า” จากนั้นจึงลงจากกำแพงไป “พี่เซียวอวี๋!” ในเวลานั้นเอง เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น เมื่อเซียวอวี๋หันมองไปตามเสียง เขาก็เห็นบุรุษหนุ่มร่างกำยำผู้หนึ่ง คิ้วดกเข้มขับรับกับใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่าย “ฉินเช่อ?” เซียวอวี๋ตาเป็นประกายขณะที่คิดในใจว่าอีกฝ่ายเติบโตขึ้นมากนัก “อืม” ฉินเช่อที่เซียวอวี๋เห็นดูแทบไม่ต่างจากตอนที่จากมาสักเท่าไร แต่มาตอนนี้เขากลับกลายเป็นผู้บัญชาการที่น่าเกรงขามไปแล้ว ฉินเช่อยังคงเป็นฉินเช่อ แต่ผู้ใดก็มองออกว่าตอนนี้จิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นมาก เซียวอวี๋ทราบแล้วว่าตนคิดไม่ผิดจริงๆ ฉินเช่อนับเป็นพันธุ์ชั้นยอด เจ้าหนูในตอนนั้นมาตอนนี้กลายเ็นผู้ช่วยอันเข้มแข็งของเขาแล้ว “ยอดเยี่ยมมาก” เซียวอวี๋ยิ้มก่อนจะกล่าวเพียงสามคำ กับฉินเช่อ ไม่จำเป็นต้องใช้วาจามากมาย “อืม” ฉินเช่อทำท่าจะกล่าวอะไร แต่ก็ไม่ได้กล่าวออกมา ฉินเข่อไม่ใช่เด็กช่างพูด หากแต่ถ่อมตน มั่นคง และแตกต่างจากเซียวอวี๋อย่างสิ้นเชิง “เขาก็คือฉินเช่อ?” ในเวลานั้น นิโคลัสก็ก้าวออกมาพิจารณาดูฉินเช่อ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม เรื่องราวที่เกิดขึ้นในจักรวรรเมฆาย่อมไม่อาจหลบรอดสายตาของนิโคลัสไปได้ ทั้งยังกระจ่างเป็นอย่างดี ดังนั้นตัวเขาจึงชื่มชนฉินเช่อที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เหล่าฮีโร่ที่อัญเชิญมาดูไร้วึ่งหนทาง แต่กับฉินเช่อนั้นยังพอมีหวัง แม่ทัพเช่นนี้นับว่าหาตัวจับยากอย่างแท้จริง “ถูกต้อง แต่เลิกหวังเกี่ยวกับเขาไปได้เลย ข้าไม่อนุญาต” คลุกคลีกันมานาน มีหรือจะไม่ทราบความคิดของอีกฝ่าย? “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีใด ข้าเพียงชื่นชมน้องชายผู้นี้ รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น มานี่สิ ข้ามีดาบมนตราที่เรียกว่าเกล็ดมังกรอยู่ ข้าขอมอบมันให้เจ้า” จากนั้นนิโคลัสก็นับของออกมาจากแหวนมิติ มันเป็นดาบมือเดียวที่เซียวอวี๋คุ้นเคยยิ่ง “มารดามันเถอะ นี่มันดาบเกล็ดมังกร ฉินเช่อ เจ้ายังไม่รีบขอบคุณพี่ชายนิโคลัสอีก!?” เมื่อมีของขวัญส่งมอบถึงหน้าประตูบ้าน มีหรือที่เซียวอวี๋จะไม่รับไว้? เขารีบบอกฉินเช่อให้รีบเก็บดาบกลับมา เดิมฉินเช่อนั้นมีดาบดีอยู่หลายเล่มที่ได้มาจากเซียวอวี๋ กระนั้นคุณภาพของพวกมันก็ไม่อาจเทียบได้กับดาบเกล็ดมังกรเล่มนี้ เมื่อนิโคลัสมอบให้มา มีหรือที่เขาจะไม่รับไว้ หลังได้รับการกระตุ้นจากเซียวอวี๋ ฉินเช่อก็รับดาบเกล็ดมังกรมาถือไว้อย่างโง่งม จากนั้นจึงกล่าวว่า “ขอบคุณท่านนิโคลัส” หากมองแต่เพียงภายนอก ผู้ใดจะทราบเล่าว่าคนผู้นี้จะคือฉินเช่อผู้มีชื่อเสียงสะท้านสะเทือนผู้นั้น? ในสายตาของชาวจักรวรรดิเมฆา หรือแม้กระทั่งชาวพยัคฆ์เมฆาจำนวนมาก ฉินเช่อจะต้องร่างสูงใหญ่ ทั้งยังชั่วร้ายราวปีศาจ มิเช่นนั้นเขาจะมีชื่อเสียงดุจฟ้าร้องดังกรอกหูเช่นนั้นได้หรือ? อย่างไรก็ตาม ลักษณะของฉินเช่อตอนนี้ดูราวกับชายหนุ่มจากชนบท สภาพไม่คล้ายแม่ทัพผู้กรำศึกอย่างโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย ในตอนนั้น เสียงกลองศึกพลันดังขึ้น กองทัพพวกเซิกที่หยุดนิ่งมาตลอดพลันส่งเสียงแปลกๆออกมา จากนั้นพวกมันจึงเคลื่อนที่มาทางกำแพงเมือง “พี่เซียวอวี๋ ขอคำสั่งด้วย” ฉินเช่อมองดูกองทัพเซิกที่เคลื่อนเข้ามาพลางร้องขอคำสั่ง “ยังจะมีคำสั่งใดอีก? ทั้งหมดเตรียมต่อสู้! พลราบขึ้นหน้า พลธนูแนวหลัง! ทัพอากาศประจำการด้านบน! ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะตีฝ่าพวกเราได้!” เซียวอวี๋ยังคงแข็งกร้าว เขาโบกมือต่อเหล่าทัพทางด้านหลัง ไพร่พลพลันเคลื่อนพลขึ้นสู่กำแพงและประจำตำแหน่งเตรียมสู้ศึก……