บัญชามังกรเดือด บทที่ 959 นายเป็นใคร
การแต่งงานของหวังตัวยวี่นั้น นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่กำหนดชะตากรรมของตงไห่เลยทีเดียว หวังเหมี่ยนพลันรู้สึกตัวเองกำลังผลักภาระการตัดสินใจออกไปอยู่ ทั้งยังไม่อาจเต็มใจที่จะแบกรับข้อกล่าวหาไปได้
ดังนั้น หากหวังตัวยวี่ยืนยันที่จะแต่งงานจริง ๆ ละก็ ก็ให้นางมาลงมือประทับตราเองเสีย
นี่คือความปรารถนาครั้งสุดท้ายของเขา
ในยามนี้ มันเหมือนว่าจะเป็นทางออกวิธีเดียวแล้ว แม้ว่าหวังเจี่ยนและคนอื่น ๆ จะมีใบหน้าที่เศร้าใจ ราวกับว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในความโศกเศร้าทว่า พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ราชาเปี้ยนพลันเอ่ยหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น
“เร็วเข้า หวังหลี รีบไปเชิญพี่สาวของนายมา!”
“ในเมื่อนางรอที่จะอดทนแต่งงานไม่ไหวแล้ว ก็ให้นางมาประทับตราด้วยตัวเองมันจึงจะมีความหมายมากกว่า”
หวังหลีพลันพยักหน้าพลางเอ่ยออกมาว่า “ก็ดีเหมือนกัน”
“ทุกท่านได้โปรดรอเดี๋ยว ผมจะไปเชิญพี่สาวของผมมาที่นี่เดี๋ยวนี้เอง!”
หวังพลี่พลันหันกลับไปและออกวิ่งไปด้วยความตื่นเต้น
ภายในห้องประชุมพลันตกสู่ความเงียบงันอีกครั้งถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอันใดออกมานั้น ทว่าทุกคนในกลุ่มของ หวังเหมี่ยนพลันมีสีหน้าแข้งค้าง พร้อมด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและผิดหวังออกมา
ในทางกลับกัน ทั้งราชาเปี้ยนและเซี่ยหมิง รวมไปถึงพรรคพวกของเขาต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาด้วยความยินดี
เบื้องหลังฝูงชนมากมายนั้น ฉินเทียนพลันขมวดคิ้วลงอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าผิดปกติตรงไหน
เป็นไปได้ไหมว่า หวังตัวยวี่รู้จักเซี่ยหมิงมาก่อน? มิเช่นนั้น ด้วยนิสัยของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอไม่น่าจะยินยอมแต่งงานง่าย ๆ
ในเวลานี้ ไป๋หลิงพลันเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ เฉียบ พลางเอ่ยเสียงเบา ๆ ออกมาว่า “พี่เทียน ฉันได้ค้นพบสิ่งสำคัญอะไรบางอย่างแล้ว”
หืม?
หัวใจของฉินเทียนพลันเต้นรัวไปในทันที พลางรีบร้อนเอ่ยออกมาเสียงต่ำว่า”อะไร?”
ไป๋หลิงพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พลางเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดละก็ เห็ดหลินจือเลือดพันปี จักต้องอยู่ที่นี่แน่”
“น่าจะอยู่ในตัวของราชาเปี้ยน ”
“จริงเหรอ?” ฉินเทียนพลันตกตะลึงออกมา จู่ ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ราชาเปี้ยนที่อยู่ห่างออกไปไกล ในขณะเดียวกัน นัยน์ตาของเขาพลันฉายประกายแวววาวขึ้นมา
หลังจากค้นหาอยู่นานในที่สุดฉันก็เข้าใกล้เป้าหมายจนได้ เขาอยากจะรีบเข้าไปคว้าเอาเห็ดหลินจือเลือดออกมาในทันที
ทว่า สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของเขาซับซ้อนยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ทนฝืนใจกับมันต่อไป
อย่างไรก็ตาม หวังตัวยวี่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้แล้วเรื่องนี้จะได้รับการตัดสินในเร็ว ๆ นี้เสียที เมื่อถึงเวลานั้น การที่เขาจะลอบไปเอาเห็ดหลินจือเลือดมาย่อมไม่สายเกินไปแน่
ตอนนี้ สิ่งที่เขามีความกังวลอีกอย่างหนึ่งก็คือหวังเหมี่ยน
จนถึงตอนนี้แล้ว หวังเหมี่ยนก็ยังไม่เจอตัวเขาเมื่อคิดไปถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตตอนที่อยู่ในเขตทางใต้นั้น ฉินเทียนพลันรู้สึกกังวลว่า หากหวังเหมี่ยนจำเขาได้เมื่อใด ย่อมเข้ามาขวางทางเขาเอาไว้แน่
เฮ้อ ช่างวุ่นวายอะไรอย่างนี้!
ในยามนี้แม้เพียงหนึ่งนาที ทว่าวันเวลากลับผ่านไปนายเสียจนน่าเบื่อ
ทันใดนั้น ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยมานานก็มาถึงเสียที หวังตัวยวี่เด็กสาวที่โหดเหี้ยมและเอาแต่ใจนั้น ยามที่เธอต้องการมาพบเจอคนรักของตนเธอพลันแต่งตัวประทินโฉมออกมามากมาย ทั้งยังไม่อยากจะออกมาเผยตัวเช่นนี้อีก
เมื่อเงยหน้ามองแดดเปรี้ยงบนท้องฟ้า นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
ยามที่ทุกคนไม่อาจทนรอไหว ในที่สุดก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาในระยะไกล
“คุณหนูใหญ่มาแล้ว!”
จากนั้น พลันเห็นทหารหญิงสองแถวทั้งยังดูองอาจกล้าหาญเดินนำขบวนเข้ามา
ภาพทิวทัศน์ที่แตกต่างกันเช่นนี้ ทำให้เอาทุกคนที่รอคอยพลันเกิดความประหลาดใจไปในทันที เหล่าทหารหญิงเหล่านี้ล้วนแต่สวมชุดเกาะอยู่ที่หน้าอกทั้งหมด!
ฉินเทียนพลันมีเส้นสีดำขีดผ่านบนใบหน้าของเขาไปในทันที ภายในใจของเขาพลันรู้ดีว่าคุณหนูหวังไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งยังรู้จักข่มขู่เจ้าบ่าวอีกด้วย
จู่ ๆ ฉินเทียนพลันรู้สึกเห็นอกเห็นใจเซี่ยหมิงเล็กน้อย แม้จะเป็นนายน้อยของตระกูลเซี่ยทางตอนเหนือ ทว่าการใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนนี้ในอนาคตคงไม่ง่ายเกินนัก
ด้วยบุคลิกของคุณหนูหวังแล้ว หากเผลอทำให้เธอขุ่นเคืองใจละก็ เธออาจยิงด้วยปืนกลในมือก็เป็นได้!
หวังตัวยวี่พลันแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ และค่อยๆ เดินมาพร้อมหวังหลี น้องชายของเธอที่คอยระวังทางให้
หญิงสาวอำมหิตผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด ในวันนี้กลับเห็นนางทาแป้งชาดและแต้มริมฝีปากเล็กน้อย
ด้วยลักษณะนิสัยที่หยิ่งผยองไม่เกรงกลัวผู้ใด และใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ นางในยามนี้ราวกับถูกแสดงแดดในยามเช้ากักขังเอาไว้ก็ไม่ปาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยรูปร่างของเธอที่สง่างามจนทำชวนผู้คนคิดใฝ่ฝันถึง
นางนับว่าเป็นสมบัติแห่งตงไห่อย่างแท้จริง
“ยินดีต้อนรับครับ คุณหนูใหญ่!”
บอดี้การ์ดทั้งสองฝั่งต่างก็ทยอยร้องขานและตอบโต้เสียงดังออกมา
ดูเหมือนว่าหวังตัวยวี่จะยึดมั่นในคุณธรรมของผู้หญิงมากนัก นางหาได้มีท่าทีไร้มารยาทไม่ พลางก้มหัวลง พร้อมกับหวังหลีที่พาเธอเดินมาที่กลางห้องประชุมอย่างช้า ๆ
หวังเหมี่ยนได้สั่งให้คนเพิ่มเก้าอี้ข้างกายเขาแล้ว
หวังตัวยวี่พลันนั่งลง พลางเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาว่า “ท่านลุง ฉันรู้ว่าพวกคุณทำเพื่อประโยชน์ของฉัน แต่ในคราวนี้ให้ฉันได้ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ไหม?”
“พวกท่านอย่าได้กังวลไป ถึงอย่างไรตงไห่ก็จะยังเป็นบ้านของฉันเสมอ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หวังเหมี่ยนทำได้เพียงถอนหายใจยาวออกมา พลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “เสี่ยวหวี่ ในสายตาของลุงนั้น เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของตงไห่นั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทว่าความสุขในชีวิตของหนูก็สำคัญมากเช่นกัน”
“ลุงยอมรับว่า คนอย่างคุณเซี่ยหายากมากนัก ในเมื่อหนูตั้งใจจะแต่งงานกับเขาแล้ว ลุงก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีก”
“ลุงขอให้หนูมีความสุข ทั้งลุงและผู้คนในตงไห่ จะคอยเป็นกำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดให้กับหนูเสมอ”
“พวกเราและตระกูลเซี่ยหาใช่ตระกูลธรรมดาไม่ เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หนูประทับตราลงบนเอกสารแผ่นนี้ได้เลย”
เขาดึงตราประทับสีทองของผู้นำเกาะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดในทะเลตงไห่ออกมา
เมื่อได้ยินว่าหวังเหมี่ยนเอ่ยชื่นชมเจ้าบ่าวในดวงใจของนางนั้น หวังตัวยวี่พลันรู้สึกเขินอายและมีความสุขยิ่งนัก
นางพลันถือตราประทับสีทองเอาไว้ในมือ พร้อมกับกำลังจะประทับตราลงไปในเอกสาร
ด้านล่างเวทีนั้น แววตาของเซี่ยหมิงพลันเต็มไปด้วยความปลื้มปีติมากมายไปในทันที ก่อนหน้านั้นเขาเองก็นึกตกใจไปแล้ว ทว่า เมื่อตอนนี้เขาได้มาเห็นตัวคนจริง ๆ ด้วยตาของเขาเองเช่นนี้ ทำเอาเขารู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังโบยบินออกไปไกล
ที่สำคัญกว่านั้นเขาไม่เคยพบกับหวังตัวยวี่มาก่อน อีกทั้งดูเหมือนว่าหวังตัวยวี่จะชอบเขามากจริง ๆ ด้วย
สิ่งนี้ทำให้เขาลำพองตัวเองเป็นอย่างมาก
“จินยีโหวไม่ต้องกังวลไปหลังจากที่คุณหนูแต่งเข้ากับตระกูลเซี่ยเมื่อใดนั้น เธอจะเป็นกลายสมบัติของตระกูล เซี่ยในทันที”
“ ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้รับความอับอายเลยแม้แต่น้อย”
เมื่อเห็นว่าหวังตัวยวี่กำลังจะได้รับตราประทับลงไปนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็กำลังจะกลายเป็นข้อยุติเซี่ยหมิงทั้งรู้สึกตื่นเต้นพลันหันไปแย้มยิ้มและพูดกับหวังเหมี่ยน
ในขณะเดียวกัน เขาก็แสดงถึงการได้ชัยในเรื่องราวครานี้อีกด้วย
หวังตัวยวี่พลันผงะไปครู่หนึ่ง พลันอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อเห็นนัยน์ตาของเซี่ยหมิงที่มองมาที่นางด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนั้น เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วลงด้วยความรู้สึกขยะแขยงภายในใจในทันที
“คุณเป็นใคร คุณมาจากตระกูลเซี่ยงั้นเหรอ?” หวังตัวยวี่พลันเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
หืม?
แม้ว่าเสียงของหวังตัวยวี่จะไม่ได้ดังมาก ทว่าก็ทำเอาผู้คนที่ได้ยินอดที่จะตกตะลึงไปไม่ได้
“ฉันมาจากตระกูลเซี่ย ฉันชื่อเซี่ยหมิง”
เซี่ยหมิงรีบเอยพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณพูดว่าอะไรนะ คุณคือเซี่ยหมิงใช่หรือไม่?”
“คนที่ขอฉันแต่งงาน…ก็คือคุณเหรอ?”
การแสดงออกของหวังตัวยวี่พลันเปลี่ยนไปในทันที
การแสดงออกของผู้คนที่เหลือ ก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
หวังเหมี่ยนพลันรู้สึกตัวก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหนู เขาคือเซี่ยหมิงจากตระกูลเซี่ย คนที่มาขอคุณหนูแต่งงานยังไงล่ะ”
“มีอะไรเหรอ คุณหนูมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
หวังตัวยวี่พลันลุกขึ้นยืนในทันที ใบหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปเร็วไว พูดออกมาอย่างตัวสั่นว่า “ฉันเข้าใจผิดไป!”
“ไม่ใช่คุณคนที่ฉันต้องการจะแต่งงานด้วยไม่ใช่คุณ!”
“ขอโทษด้วย!”
“คุณลุง หนูไม่อยากแต่งงานแล้ว หนูไม่ชอบเขาเหมือนกัน คุณลุงช่วยไล่เขาออกไปที!”
หวังตัวยวี่พลันพูดขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งหนี
…
เหตุการณ์ที่เกิดการพลิกผันในครั้งนี้ ดูเหนือความคาดหมายของทุกคนมากนัก! ที่แท้หวังตัวยวี่ที่รีบตอบตกลงงานแต่งงานอย่างมีความสุข นั่นเป็นเพราะคิดว่าชายในดวงใจของนางคือเซี่ยหมิง!
เหตุการณ์พลันเกิดการระเบิดออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยหมิงพลันแข็งค้างไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความอับอาย ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปลี่ยนเป็นสีตับหมูในทันที
“นายน้อย พวกเราถูกหลอกแล้ว”เจ้านกแร้งพลันเอ่ยข้างเขาออกมาอย่างเย็นชา
เซี่ยหมิงที่ได้สติกลับมานั้น พลันส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะรีบเคลื่อนตัวพุ่งเข้าไปหา หวังตัวยวี่ในทันที
เขาพลันเอามือคว้าข้อมือของหวังตัวยวี่เอาไว้ ก่อนจะกัดฟันพูดขึ้นมาว่า “เกิดอะไรขึ้นเธอต้องพูดออกมาให้ชัดเจนสิ!”