บทที่ 2395 นี่คือขีดจำกัดของเธอ / บทที่ 2396 ใครเล่นงานใครกันแน่

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2395 นี่คือขีดจำกัดของเธอ

กู้ซีจิ่วก็ไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ยัดยาแก้พิษเม็ดหนึ่งใส่ปากเขา

หวาเฉียนจวิ้นกลืนลงคอไป

ตอนนี้กู้ซีจิ่วย่อมไม่มีเวลาพอจะรักษาเขา

ขณะที่เธอกำลังจะพาเขาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง หวาเฉียนจวิ้นก็ฉวยมุมชุดเธอเธอไว้

“แม่นางกู้!”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

“เจ้ามีอะไรจะพูดรึ?”

เห็นแก่ที่เขาเสี่ยงชีวิตมาช่วยเธอ กู้ซีจิ่วจึงพูดจากับเขาอย่างมีไมตรียิ่งนัก

หวาเฉียนจวิ้นชะงักไปครู่หนึ่ง คล้ายยากจะเอ่ยอยู่บ้าง แต่ยังคงกล่าวออกมา

“ข้ารู้ว่าองค์หญิงของพวกเรา…ผิดต่อท่าน แต่นาง…นางก็น่าสงสารเหมือนกัน…หาก…หากมีเรื่องที่ล่วงเกินไป ขอร้องให้ท่านปล่อยนางไปสักครั้ง”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วนิดๆ

“ที่ครั้งนี้เจ้าเสี่ยงชีวิตมาช่วยข้าก็เพื่อขอความเมตตาให้นางหรือ?”

หวาเฉียนจวิ้นหลุบตาลงแล้ว

“แม่นางกู้โปรดเติมเต็มความปรารถนาให้ด้วย”

กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างเฉยเมย

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าต่อให้เมื่อกี้เจ้าไม่เข้ามาช่วยข้า ข้าก็หลบได้อยู่แล้ว?”

หวาเฉียนจวิ้นเงียบงันไป

เขาก้มหน้า หลังจากเขาเข้ามาขวางการโจมตีให้กู้ซีจิ่วก็มองออกจริงๆ เขาเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์แล้ว

ดูเหมือนแม่นางกู้ผู้นี้จะไม่ซึ้งในน้ำใจเลย…

เขากล่าวอย่างโศกหมอง

“อะ…เอาเถอะ ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูด…”

กู้ซีจิ่วมองเขา

“ถึงแม้เจ้าจะเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ไปแล้ว แต่เมื่อกี้ก็ต้องการช่วยเหลือข้าจริงๆ น้ำใจในส่วนนี้ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้ารับไว้แล้ว เงื่อนไขของเจ้า ข้าขอรับปากได้ครึ่งเดียว ขอเพียงวันหน้านางไม่มาหาเรื่องข้าก่อน ข้าก็จะไม่สร้างความลำบากให้นางอีก”

นี่คือขีดจำกัดของเธอ และเป็นการอ่อนข้อมากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้แล้ว

หวาเฉียนจวิ้นถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ขอบ…ขอบคุณมาก…”

เขามองออกว่าระหว่างกู้ซีจิ่วกับอวิ๋นชิงหลัวมีความบาดหมางที่ใหญ่หลวงยิ่งนักกันอยู่ ช่วงที่ร่วมมือกันอยู่ในขณะนี้ กู้ซีจิ่วช่วยเหลืออวิ๋นชิงหลัวเพียงเพราะเป็นเพื่อนร่วมงานของนาง และอาจเป็นเพราะเห็นแก่หน้าขององค์ราชันด้วย

แต่ความบาดหมางนี้ยังมิได้คลี่คลายลง ด้วยนิสัยของแม่นางกู้แล้ว วันหน้านางจะต้องเอาเรื่องอวิ๋นชิงหลัวแน่

ยามนี้นางเอ่ยออกมาเช่นนี้หวาเฉียนจวิ้นก็โล่งใจแล้ว

เขาจะหาทางไม่ให้อวิ๋นชิงหลัวไปหาเรื่องกู้ซีจิ่วอีก หากเป็นไปได้ เขาจะกราบทูลต่อองค์ราชัน พาอวิ๋นชิงหลัวจากไป…

ยากนักกว่าเขาจะชอบใครสักคน ย่อมอยากคิดหาทางคุ้มครองนางให้ปลอดภัย

ขณะที่พูดคุยกันอยู่ กู้ซีจิ่วก็ได้ทำแผลให้เขาอย่างง่ายๆ แล้ว ตอนนี้เธอไม่มีเวลาพอจะถอนพิษให้เขาอย่างละเอียด

โชคดีที่พิษนี้มิใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ มีคนที่รู้วิธีอยู่แล้วจึงเคลื่อนย้ายไปหาพวกองครักษ์จิน มอบตัวเขาให้องครักษ์จิน

“ขับโลหิตพิษของเขาออกมาแล้วทายาให้เขา”

บอกวิธีแก้ไขไปอย่างรวดเร็ว พลางยื่นยาขวดหนึ่งให้เขาด้วย

องครักษ์จินย่อมไม่กล้าชักช้า รีบช่วยเหลือสหายทันที

กู้ซีจิ่วหันไปมองสนามรบแวบหนึ่ง ในสนามรบเหลือเพียงสองคน ตี้ฝูอีและจู๋ตู๋ชิง สองคนคุ้มกันสี่ตำแหน่งและต่อสู้โรมรันกับจระเข้ยักษ์ตัวนั้นไปด้วย หินทรายปลิวว่อน

หลังจากสัตว์ร้ายตัวนั้นคุ้มคลั่งขึ้นมาความสามารถก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!

ตี้ฝูอีและจู๋ตู๋ชิงอาศัยพึ่งพาค่ายกลจึงสามารถควบคุมมันไว้ได้…

แรงกดดันมหาศาลโถมทับร่างของคนทั้งสอง!

คุณชายไผ่ขจีที่สง่างามอยู่เสมอผมรุ่ยร่ายยุ่งเหยิง อาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง ราวกับถูกคนจับถูไถไปกับพื้นหลายสิบรอบ เกือบจะดูไม่ได้แล้ว

ส่วนตี้ฝูอียังพอต้านรับได้อยู่ และพละกำลังส่วนใหญ่ที่ควบคุมจระเข้เอาไว้ก็มาจากเขา…

เขาคล้ายว่าจะไม่ร้อนรนเลย ดูเหมือนจะถูกบีบคั้นอย่างหนัก ทว่าตั้งแต่จนจบมิได้ทำให้ค่ายกลวุ่นวายเลย

โชคดีที่ศิลาพวกนั้นได้รับการปลุกเสกแล้ว ศิลาเหล่านั้นและต้นไผ่ล้วนมิได้ลดน้อยลง ซ้ำยังเพิ่มขึ้นด้วย!

คุณชายไผ่ขจีปลูกต้นไผ่ ติดตั้งกลไกเพิ่ม ส่วนตี้ฝูอีก็นำอาวุธวิเศษออกมาจากตัวอย่างไม่ขาดสาย ไม่เพียงแต่ค่อยๆ ซ่อมเสริมเติมเต็มศิลาที่ถูกทำลายไปได้เท่านั้น ยังเพิ่มคุณสมบัติอย่างอื่นเข้ามาด้วย…

————————————————————————————-

บทที่ 2396 ใครเล่นงานใครกันแน่

กู้ซีจิ่วยังคงฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เธอรู้สึกได้รางๆ ว่าดูเหมือนตี้ฝูอีกำลังรออะไรอยู่ และอาจจะรอโอกาสอันใดอยู่

แต่สุดท้ายแล้วรออะไรอยู่นั้น เธอก็ยังมองไม่ออกไปชั่วขณะจริงๆ

เธอเองก็คร้านจะถาม จึงรักษาตัวแหน่งของตัวเองเอาไว้เท่านั้น พยายามลดแรงกดดันของสองคนนั้นให้น้อยลง

ส่วนอวิ๋นชิงหลัว นางนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้นตลอด ตัวคนราวกับเข้าสู่ห้วงสมาธิไปแล้ว แต่ดวงหน้าเฉิดฉันยังเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดอยู่ ทำให้พวกองครักษ์จินค่อนข้างเป็นกังวล

โชคดีที่จระเข้ตัวนั้นไม่โผเข้ามาหานางอีกแล้ว

จึงปลอดภัยได้ชั่วคราว นี่ทำให้องครักษ์จินสามารถทุ่มสมาธิรักษาให้หวาเฉียนจวิ้นได้

ยาของกู้ซีจิ่วยังคงมีประสิทธิภาพยิ่งนัก ผ่านไปไม่นาน พิษในร่างหวาเฉียนจวิ้นก็ถูกขับออกไปพอสมควรแล้ว สามารถลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองได้แล้ว

เดิมทีองครักษ์คิดจะไปเข้าร่วมการต่อสู้อีก แต่พอนึกถึงคำสั่งของตี้ฝูอี เขาก็ไม่กล้าผลีผลามแล้ว

เพียงมองไปทางสนามรบอยู่บ่อยครั้ง เร้าใจนัก

ขณะที่เขากำลังมองอย่างเคลิบเคลิ้มเหม่อลอย พลันได้ยินอวิ๋นชิงหลัวที่อยู่ข้างกายครางเสียงแผ่ว และกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง!

ทำให้องครักษ์จินและองครักษ์หวาเฉียนจวิ้นตกใจยิ่งนัก!

แทบจะในเวลาเดียวกันนี้ ตี้ฝูอีที่กำลังต่อสู้อยู่ในค่ายกลจู่ๆ ก็เหินทะยานเข้ามากะทันหัน!

สะบัดแขนเสื้อพรึบ สายลมจากแขนเสื้อดุจคมมีด ฟาดฟันใส่อวิ๋นชิงหลัว!

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ผู้ใดก็คาดไม่ถึง! หวาเฉียนจวิ้นกระโจนเข้ามาทันที

“องค์ราชัน ลงมือไว้ไมตรีด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

เขาตะโกนยังไม่ทันจบดี ลำแสงสีรุ้งจากแขนเสื้อตี้ฝูอีก็ครอบคลุมทั้งร่างของอวิ๋นชิงหลัวไว้แล้ว…

ลำแสงสีรุ้งนี้มาเร็วไปเร็ว หายวับไปในพริบตา

ได้ยินอวิ๋นชิงหลัวที่ถูกลำแสงครอบคลุมกรีดร้องออกมาเพียงครึ่งเสียงเท่านั้น พอลำแสงสลายไป อวิ๋นชิงหลัวก็ล้มลงอยู่บนพื้นแล้ว

หวาเฉียนจวิ้นมือเท้าสั่นเทา ขณะที่กำลังจะเข้าไปดูว่านางเป็นอย่างไรบ้าง พลันได้ยินเสียงจระเข้ตัวนั้นแผดร้องขึ้นมาเช่นกัน ทรุดลงบนพื้นจนเกิดเสียงดังตูม ราวกับถูกคนเลาะกระดูกออกก็มิปาน ชักกระตุกอยู่บนพื้นพักหนึ่ง ร่างกายหดเล็กลงมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…

ผิวกายที่แดงฉานดุจโลหิตค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีฉูดฉาด ไม่ต่างจากจระเข้วงแหวนเงินตัวอื่นๆ มีเพียงส่วนหัวที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย

หลังจากมันดิ้นพล่านอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก็แน่นิ่งไป หมดลมไปต่อหน้า

ตี้ฝูอีพลันเหินกาย ร่อนลงบนร่างจระเข้ตัวนั้น แทงกระบี่ผ่าทรวงอกมัน ล้วงหัวใจดวงหนึ่งออกมา ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ได้มาแล้ว!”

….

หัวใจดวงนั้นเป็นสีแดงสด น่าแปลกที่บนหัวใจมีร่องที่บุ๋มลงไปเล็กน้อยอยู่ร่องหนึ่ง เหมือนเคยมีบางสิ่งฝังตัวอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว…

“ยกให้เจ้า เอาไปหลอมโอสถซะ”

ตี้ฝูอียื่นหัวใจดวงนั้นไปเบื้องหน้ากู้ซีจิ่วทันที

กู้ซีจิ่วก็โล่งอกเช่นกัน รับหัวใจดวงนั้นไป

“ขอบคุณมาก”

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร

เหมือนเขาอยากจะยั่วโมโหอะไรเธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกมา เอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า

“นำสิ่งนี้ไปหลอมโอสถในช่วงที่สดใหม่จะได้ผลดีที่สุด เจ้ารีบไปตั้งเตาหลอมโอสถเถอะ”

กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะโอ้เอ้แล้ว อย่างไรเสียที่เหลือก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทุกอย่างครบครันขาดเพียงหัวใจจระเข้…

….

กู้ซีจิ่วไปหลอมโอสถแล้ว

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ตรวจอาการองค์หญิงหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ นางท่าไม่ดีแล้ว…”

หวาเฉียนจวิ้นร่ำร้องขึ้นมา เสียงแทบจะหลงแล้ว

ตี้ฝูอีหันหลังไป ค่อยๆ ก้าวไปหยุดข้างกายอวิ๋นชิงหลัว หลุบตามองนางที่กองอยู่บนพื้นครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมยประโยคเดียวว่า

“กรรมคืนสนองแล้ว!”

ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง อวิ๋นชิงหลัวที่อยู่บนพื้นกลิ้งออกไป เผยให้เห็นสิ่งที่ถูกร่างของนางทับไว้

นั่นคือหนอนสีโลหิตตัวหนึ่ง รูปร่างของหนอนตัวนั้นคล้ายช้อนคันหนึ่ง ขนาดเท่าเม็ดกระดุม กำลังกัดแทะบางสิ่งที่อยู่ตรงนั้น…

นั่นคือหัวใจดวงหนึ่ง!

หัวใจดวงนั้นไม่ใหญ่ มีขนาดครึ่งหนึ่งของหัวใจคนทั่วไปเท่านั้น ตอนนี้หัวใจดวงนั้นถูกกัดแทะจนโบ๋เป็นรูใหญ่แล้ว…

อวิ๋นชิงหลัวคล้ายจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง ขดตัวจนกลมเป็นลูกบอล