ตอนที่ 2703 แปดสิบปี

คำพูดของซือเฟิงนั้นเป็นเหมือนกับหยดน้ำที่ตกลงไปในมหาสมุทรอันเงียบสงัด และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถก่อให้เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถก่อให้เกิดระลอกคลื่นที่กระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้

ทันทีที่ซือเฟิงพูดคำถามของเขาจบ ความประหลาดใจก็ปรากฎขึ้นในดวงตาที่สงบ
ของอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรว

แต่ความประหลาดใจนี้ก็ไม่ได้มีทั้งความตื่นเต้นหรือความสุข และพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนพวกเขาเจอคนที่เข้าใจพวกเขาเช่นกัน

พวกเขาเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น

และพวกเขาก็สงสัยว่าทำไมซือเฟิงถึงรู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตามในไม่ช้าความประหลาดใจของพวกเขาก็หายไป และความมืดกับความสงบก็กลับมาสู่ดวงตาของพวกเขา

หลังจากนั้นอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวก็สบตากัน จากนั้นอควาโรสก็หันไปหาซือเฟิง และรอยยิ้มที่ดูไม่แยแสก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าสวยงามของเธอ

“แน่นอนเลยว่าไม่มีอะไรที่สามารถเล็ดรอดสายสายตาหัวหน้ากิลไปได้จริงๆ เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเราอาศัยอยู่ในโลกนั้นนานแค่ไหนกัน”

“อย่างไรก็ตามจากการคำณวนของเรา มันน่าจะเป็นเวลาประมาณแปดสิบปี”

“แปดสิบปี ?!”

ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเมื่อเขาได้รับคำตอบ ตอนนี้แม้แต่จิตใจของเขาก็ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เขาได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวจะอาศัยอยู่ในโลกพิเศษนั้นเป็นระยะเวลานานไว้แล้ว ซึ่งเขาก็ได้คิดไว้แล้วว่ามันน่าจะสักประมาณหนึ่งถึงสองทศวรรษ

แต่แปดสิบปี ….
หลายคนนั้นมีชีวิตอยู่เพียงแปดสิบปีเท่านั้นในช่วงชีวิตของพวกเขา ในขณะเดียวกันอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรว กับใช้เวลาแปดสิบปีในการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งทุกวัน แค่คิดเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็หนาวเหน็บแล้ว

ใช้เวลาแปดสิบปีในการอยู่คนเดียว …. แค่ความเหงาเดียวดายมันก็ยากที่จะจินตนาการแล้ว หากเป็นคนทั่วไป พวกเขาจะเป็นบ้าไปแล้วแน่นอน

อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของอควาโรสกับสงบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ซึ่งมันราวกับว่าเธอกำลังพูดถึงปัญหาของคนอื่น

“แปดสิบปี ….” อารมณ์ที่ซับซ้อนนั้นมันเข้ามาอยู่เต็มไปหมดในดวงตาของซือเฟิง ในขณะที่เขามองไปยังอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวอย่างเงียบๆ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเธอสองคนให้ความรู้สึกเหมือนสัตว์ประหลาด”

ในขณะที่ซือเฟิงมองไปยังอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวตอนนี้ เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าทั้งสองนั้นไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

หลังจากฟังคำอธิบายของอควาโรสแล้ว เขาก็ได้เข้าใจทุกอย่าง

หากทั้งสองคนต้องใช้เวลาแปดสิบปีในการเข่นฆ่าและต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าพวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้วในเรื่องประสบการณ์การต่อสู้ และเมื่อเทียบกับเขาแล้วประสบการณ์การต่อสู้นับสิบปีในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงใน God domain นั้นจัดว่าไม่มีอะไรเลย นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งสองคนนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้

ในเวลานี้ในแง่ของพลังการต่อสู้ เขาน่าจะจัดเป็นเด็กทารกเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรว

และการที่เด็กทารกพยายามจะมองผ่านมาตราฐานของผู้ใหญ่นั้นมันก็เป็นเพียงเรื่องตลก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวนั้นก็จัดว่าเป็นผู้ใหญ่เลย แม้แต่ในหมู่สุดยอดปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้

สถานการณ์นี้ทำให้ว์อเฟิงพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกเสียใจหรือมีความสุขดี

“หัวหน้ากิล มู่ฉินจากฟรอสต์ฮีฟเว่นพึ่งจะติดต่อเรามา” ในขณะที่ซือเฟิงกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมาย เหลียงจิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็พูดขึ้น “มู่ฉินต้องการให้สภาสิบแปดปีกไปรวมตัวกันที่เมืองหลวงของจักรวรรดิมังกรไฟ เธอบอกว่าเราได้รับอนุญาติให้นำคนไปได้ไม่เกินยี่สิบคน”

“ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกเขาก็พร้อมแล้วสินะ ….” ซือเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจเป็นพิเศากับข่าวนี้ เพราะท้ายที่สุดต้วนฮันซานได้บอกเขาแล้วว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะดำเนินในไม่ช้านี้ “เธอได้บอกแผนมาไหม ?”

“เธอบอกมาแล้ว …” เหลียงจิงพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองเล็กน้อย “หัวหน้ากิล เราจะเข้าร่วมปฎิบัติการครั้งนี้ของฟรอสต์ฮีฟเว่นจริงๆงั้นหรอ ?”

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ไม่อยากเช่นกัน อย่างไรก็ตามข้อเสนอของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมันน่าดึงดูดเกินกว่าที่จะปฎิเสธได้” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น

สามช่องในการจะเข้าสู่ Upper Zone นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถเจอได้ทุกวัน และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังจะต้องกระโจนเข้าใส่สิ่งนี้

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่า Upper Zone นั้นมีประโยชน์ที่เขาต้องการอยู่ด้วย

ในขณะที่เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสอาจจะได้รับประสบการณ์ในการต่อมาถึงแปดสิบปีในโลกพิเศษ และได้รับมาตราการต่อสู้ในระดับที่น่ากลัวมา แต่ผลประโยชน์เหล่านี้มันก็มาพร้อมกับข้อเสียอย่างมากเช่นกัน

บนพื้นผิวมันดูเหมือนว่าทั้งสองอาศัยอยู่ในโลกพิเศษนั้นมาแปดสิบปี อย่างไรก็ตามมันผ่านไปแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นในโลกแห่งความจริง

ซึ่งทันทีที่ทั้งสองออกมาจากโลกพิเศษ ความทรงจำตลอดแปดสิบปีนั้นก็ได้ถูกดาวโหลดเข้าสู่สมองของพวกเขา ซึ่งมันเป็นภาระที่ไม่อาจจะจินตนาการได้ทั้งในสมองและร่างกายของพวกเขา

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง ผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในโลกพิเศษเป็นเวลาสองถึงสามปีจะค่อยๆมีปัญหากับร่างกายหลังจากที่พวกเขากลับมา และในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นอัมพาตและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นเลยกว่าพวกเขาจะหายดี เพราะท้ายที่สุดการย่อยความทรงจำทั้งหมดนี้ มันต้องใช้พลังใจอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย

ในขณะเดียวกันทั้งเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสก็อาศัยอยู่ในโลกพิเศษนั้นมาถึงแปดสิบปีแล้ว มันจึงทำให้ซือเฟิงไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่าพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาณจากเรื่องนี้มากแค่ไหน

ซึ่งเพื่อความปลอดภัยของทั้งสอง เขาจำเป็นจะต้องพาทั้งสองไปที่ Upper Zone ให้ได้

แม้ว่าสารอาหารเหลวระดับ S จะให้ผลในการฟื้นฟูร่างกายที่ดีเยี่ยม แต่มันก็ช่วยในการรักษาสมองและจิตวิญญาณของผู้เล่นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันจะมีเพียงแต่ยาสำหรับฟื้นฟูสมองและจิตวิญญาณเท่านั้นที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้

และจากยาทั้งหมดที่ซือเฟิงรู้จัก แม้แต่โพชั่นแห่งชีวิตก็ไม่ได้ช่วยในการฟื้นฟูจิตวิญญาณมากนัก สิ่งที่โพชั่นแห่งชีวิตทำได้อย่างมากที่สุดก็คือการฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางจิตใจที่บกพร่องไปตามปกติ และมันจะใช้แทบไม่ได้ผลเลย หากสมองถูกใช้งานอย่างหนักเกินไปแบบนี้

ดังนั้นทางออกเดียวที่ซือเฟิงคิดได้ตอนนี้คือ Upper Zone

Upper Zone นั้นเป็นพื้นที่พิเศษที่บริษัทกรีดก๊อดสร้างขึ้น ซึ่งมันมีสิ่งที่เขาไม่รู้จักมากมายอยู่ภายใน ในความเป็นจริงสารอาหารเหลวระดับ S และโพชั่นแห่งชีวิตที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดปกติตอนนี้ มันก็เป็นเพียงแค่ของล้าสมัยที่บริษัทกรีนก๊อดผลิตขึ้น

“หัวหน้ากิล ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมีความทะเยอทะยานมากเกินไป” เหลียงจิงแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา “ถ้าเราไม่ระวังเรื่องนี้ สภาสิบแปดปีกอาจจะพินาศได้เลย”

“พวกเขาวางแผนจะทำอะไรกัน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย

“เป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้คือการเป็นหนึ่งในสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain !!!” เหลียงจิงกล่าว

สิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain นั้นไม่ใช่ชื่อที่ถูกสุ่มสร้างขึ้นโดยผู้เล่น
แต่นี่มันเป็นชื่อที่ถูกมอบให้กับสิบสองกิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากวิหารเทพสงคราม !!!

กิลที่กลายเป็นสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain นั้นจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายในทวีปหลัก แถมพวกเขาจะสามารถควบคุมจักรวรรดิบางส่วนที่เป็นฐานที่มั่นของพวกเขาได้ด้วย และจักรวรรดินั้นก็จะต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขา

การได้รับการนับถือจากจักรวรรดิทั้งจักรวรร !!!

เพียงประเด็นนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กิลที่ได้รับตำแหน่งไปนำหน้ามหาอำนาจอื่นๆได้ ซึ่งมันก็อาจกล่าวได้ว่าตำแหน่งสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain นั้นเป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆต้องมาเข้าร่วมแข่งขันกันแน่นอน

อย่างไรก็ตามการแข่งขันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กิลจะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขต่างๆเพื่อให้มีคุณสมบัติ

ประการแรกกิลจะต้องเป็นหนึ่งในกิลที่ได้รับการยอมรับว่ามาแรงมากๆ และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นการแข่งขันครั้งแรกที่รวบรวมมหาอำนาจทั่วทั้ง God domain เข้ามา สำหรับตำแหน่งทั้งหมดนั้นวิหารเทพสงครามจึงประกาศว่ามันมีว่างแค่หกตำแหน่งเท่านั้น

ดังนั้นสำหรับปีนี้เท่านั้นที่ผู้เล่นจากกิลจะสามารถแข่งขันกันเพื่อชิงที่ว่างที่มีแค่หกที่ได้ ตราบเท่าที่พวกเขามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการเข้าร่วมการแข่งขัน

และเนื่องจากพื้นฐานที่ยังไม่ดีพอของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงจึงไม่ได้คิดจะนำกิลของเขาเข้าร่วมการแข่งขัน

มันมีเงื่อนไขสี่ประการที่จำเป็นต้องมี หากคิดจะเข้าการแข่งขัน

หนึ่ง : ส่งคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สองพันชิ้นไปที่วิหารเทพสงคราม

สอง : มีสถานที่พักกิลในเมืองหลวงของอาณาจักรอย่างน้อยห้าสิบอาณาจักร หรือไม่ก็ในสิบสองจักรวรรดิ ในขณะเดียวกันกิลที่ลงทะเบียนเข้าร่วมแข่งก็จะต้องมีสถานะเป็นกิลระดับสี่ดาวด้วย
สาม : มีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนในกิล

สี่ : มีเมืองกิลอยู่สามสิบเมืองหรือมากกว่านั้นภายใต้ชื่อกิล

ซึ่งเงื่อนไขทั้งสี่นั้นมันจัดว่าโหดเหี้ยมมากๆ และมันก็จะมีเพียงมหาอำนาจต่างๆที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมได้

และตามข้อมูลที่สภาสิบแปดปีกได้รับมาจากศาลาลับ มันก็มีกิลชั้นยอดมากกว่าสิบห้ากิลเข้าร่วม นี่ยังไม่ได้นับรวมพวกซุเปอร์กิลอีก ซึ่งทุกกิลนั้นล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกเกมเสมือนจริง

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฟรอสต์ฮีฟเว่นถึงได้เสนอราคาให้เราสูงขนาดนี้ …” ซือเฟิงเริ่มตระหนักถึงเรื่องราวทั้งหมดทันที

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงกว่าที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะขึ้นไปถึงจุดที่เป็นสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain ได้นั้น มันต้องใช้เวลานานในระดับหนึ่งเลย และที่แน่ๆพูดกันตามตรงมันก็ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ซึ่งพวกระดับสูงของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็น่าจะตระหนักถึงเรื่องนี้ดี แต่พวกเขาก็ยังคงจะตั้งความหวัง

โดยเรื่องนี้มันก็จะนำปัญหามาให้กับสภาสิบแปดปีกแน่นอน เพราะต่อให้พวกเขาร่วมมือกับฟรอสต์ฮีฟเว่น และทำผลลัพธ์ออกมาได้ดี แต่กิลที่แพ้ให้กับฟรอสต์ฮีฟเว่นก็อาจจะถือว่าสภาสิบแปดปีกเป็นศัตรูตัวฉกาจได้เลย

ปัจจุบันสภาสิบแปดปีกก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากพอแล้ว

หากพวกเขาไปยั่วยุมหาอำนาจต่างๆเพิ่มขึ้น สภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถอยู่รอดใน God domain ต่อไปได้อีกนานนักแน่นอน

“แม้ว่ามันจะอันตราย แต่นี่ก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรับสภาสิบแปดปีก ฉันไม่สามารถจะปล่อยมันไปได้” ซือเฟิงกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางทันที !!!”

แม้ว่าเรื่องนี้มันจะอันตราย แต่หากสภาสิบแปดปีกทำสำเร็จ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย แถมยังจะได้รับการยอมรับจากวิหารเทพสงคราม รวมไปถึงสิทธิพิเศษบางประการด้วย
ซึ่งนี่มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หลายกิลเลือกจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ในอดีต แม้จะไปแค่ไหนฐานะผู้ช่วยเหลือก็ตาม ….