บทที่ 1125 เริ่มเตรียมการ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ระหว่างทางที่กลับจากสุสานมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นจิตใจของหลิงหยุน และทุกคนในตระกูลหลิงก็เริ่มหนักอึ้งมากขึ้น เพราะหลังจากนี้สิบวันจะเป็นวันที่สองตระกูลต้องประลองยุทธกันโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน!
  ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็รู้ดีว่า..การประลองในครั้งนี้ตระกูลเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบ!
  อีกทั้งการประลองในครั้งนี้ก็หมายถึงความเป็นความตายของสมาชิกตระกูลหลิงทุกคนและตระกูลหลิงจะสามารถขึ้นมาผงาดได้อีกครั้งหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการประลองในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน!
  หากตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะในการประลองยุทธครั้งนี้ย่อมหมายถึงประโยชน์อันมากมายมหาศาลที่จะได้รับ แต่หากพ่ายแพ้.. ก็ย่อมหมายถึงหายนะใหญ่หลวงที่จะมาเยือนเช่นกัน!
  ตระกูลหลิงมีเวลาเพียงแค่สิบวันเท่านั้น..และหลังจากนั้นก็จะเป็นวันชี้ชะตากรรมของเหล่าสมาชิกตระกูลหลิง ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่รู้สึกหนักอกหนักใจ
  และทันทีที่ขึ้นไปบนรถบัสหลิงลี่ก็ดึงหลิงหยุนเข้ามานั่งข้างตนทันที จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มพูดคุยกันผ่านทางกระแสจิต..
  –หลิงหยุน..เจ้าก็เห็นอยู่ว่าตระกูลหลิงของเรากำลังจะผงาด แต่ะตระกูลเฉินกลับเสมือนดาวตกที่กำลังจะร่วงหล่น เหตุใดเจ้ายังไปรับคำท่าของเฉินจิ้งเฉวียนเช่นนั้น-
  –การประลองยุทธตามข้อเสนอของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นตระกูลหลิงของเรามีแต่จะเสียเปรียบ..-
  หลิงลี่ไม่ได้ตำหนิการตัดสินใจของหลิงหยุนแต่ในฐานะที่เขาอาวุโสที่สุดในตระกูลหลิง จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจเหตุผล และวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นไปพร้อมๆกับหลิงหยุนด้วย..
  หลิงลี่รู้ดีว่าหลานชายของตนคนนี้มักไม่ยอมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและจะนำพาตนเองเข้าไปสู่ความสูญเสียอย่างแน่นอน หนำซ้ำหลิงหยุนยังเป็นผู้ที่คิดอ่านรอบคอบมาโดยตลอด เขาจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงยอมรับคำท้าของเฉินจิ้งเฉวียน
  หลิงหยุนอธิบายให้หลิงลี่ฟังอย่างละเอียด–ท่านปู่.. ข้าย่อมรู้ดีว่าการประลองในครั้งนี้ตระกูลหลิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่หากไม่รับคำท้าของเฉินจิ้งเฉวียน ตระกูลหลิงของเราก็จะยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า!–
  หลิงลี่ไม่เข้าใจในคำพูดของหลิงหยุนจึงได้แต่ถามออกไปว่า –เสียเปรียบเช่นใดงั้นรึ-
  จากคำถามของหลิงลี่ทำให้หลิงหยุนยิ่งมั่นใจว่าหลิงลี่นั้นเป็นคนตรงไปตรงมายิ่งนัก อีกทั้งยังไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกลโกง หรือแม้แต่กลอุกบายที่ชั่วช้าอยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย เขาจึงไม่เข้าใจในสิ่งที่หลิงหยุนนึกกังวล..
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและอธิบายว่า –ท่านปู่.. ท่านลองใคร่ครวญดูให้ดีว่าเหตุใดวันนี้ตระกูลเฉินจึงพ่ายแพ้เสียหน้ากลับไปเช่นนั้น-
  หลิงลี่นิ่งไปเล็กน้อยและตอบกลับไปทันที–นั่นเพราะพวกมันโชคร้ายที่มาพบเจอกับเจ้าเข้า!-
  –ถูกต้องแล้ว..เป็นเพราะข้า พวกมันจึงต้องพ่ายแพ้!-
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและรีบอธิบายต่อทันที –เวลานี้ตระกูลเฉินเหลือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเพียงคนเดียวเท่านั้นคือเฉินจิ้งเฉวียน ส่วนพ่อลูกตระกูลเฉินนับว่าไร้น้ำยา! และที่ตระกูลเฉินต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะข้าได้สังหารยอดฝีมือในตระกูลเฉินไปแล้วมากมาย และนั่นเป็นการทำลายกองกำลังอันแข็งแกร่งที่ตระกูลเฉินเคยมีนั่นเอง..-
  –เริ่มจากเฉินเจี้ยนเหยินที่ถูกข้าสังหารในป่าเสินหนงเจี๋ยต่อมาก็เฉินไห่คุน เฉินเจี้ยนจื่อ เฉินเจี้ยนห่าว เฉินไห่ซาน ยอดฝีมือจากสำนักต่างๆที่ตระกูลเฉินส่งมาอีกนับร้อย แวมไพร์อีกมากมาย รวมทั้งเหล่านินจาหลายสิบคน ทั้งหมดล้วนถูกข้าสังหารตายทั้งสิ้น..-
  หลิงลี่ได้ฟังถึงกับร้องถามออกไปอย่างตกใจ–นี่ตระกูลเฉินส่งคนไปสังหารเจ้ามากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ!-
  หลิงหยุนยังคงมีท่าทีสงบนิ่งและตอบกลับไปว่า –ก่อนนั้น.. หลานยังไม่แข็งแกร่งดังเช่นตอนนี้! และหากเฉินจิ้งเฉวียนลงมือกับข้าก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่จะรับมือเฉินจิ้งเฉวียนเลย แม้แต่หลบหนีก็คงทำไม่ได้!-
  –แต่ข้าว่าเวลานี้มันคงนึกเสียใจที่ไม่ลงมือกับข้าตั้งแต่ครั้งนั้น!และเสียดายที่ปล่อยให้ข้าค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้!-
  –วันนี้เฉินจิ้งเฉวียนพบว่าข้าไม่เพียงไม่ใช่ลูกแกะที่มันจะสามารถเข่นฆ่าเอาตามใจชอบได้ หนำซ้ำยังสามารถรับมือมันได้อีกด้วย!-
  –ไม่เพียงเท่านั้น..เฉินจิ้งเฉวียนยังพบว่าคนตระกูลหลิงล้วนแล้วแต่แข็งแร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ในขณะที่ตระกูลเฉินไม่เหลือผู้ใดแล้ว มันรู้ตัวว่าหากต่อสู้กันต่อไปตระกูลเฉินก็มีแต่จะอับอายขายหน้า จึงได้เปลี่ยนใจเสนอให้มีการประลองยุทธระหว่างสองตระกูลแทน!-
  –หากตระกูลหลิงไม่รับคำท้า..หลังจากกลับไป เฉินจิ้งเฉวียนจะต้องส่งคนมาลอบสังหารสมาชิกตระกุลเฉินทีละคนแน่!-
  –ท่านปู่..ท่านลองไตร่ตรองดูให้ดี ด้วยความแข็งแกร่งของเฉินจิ้งเฉวียนนั้น มีสมาชิตระกูลหลิงสักกี่คนที่จะสามารถหนีรอดเงื้อมือของมันไปได้!-
  –แน่นอนว่ามีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!และต่อให้ข้าพยายามที่จะปกป้องทุกคนอย่างดีที่สุด ข้าก็สามารถคุ้มครองได้ครั้งละสองสามคนเท่านั้น!-
  หลิงลี่ได้ฟังคำอธิบายของหลิงหยุนก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ในที่สุดก็พึมพำออกมา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองงั้นรึ หลิงหยุน.. เจ้ากล่าวได้ถูกต้องนัก!”
  เพราะหากต้องเผชิญหน้ากับเฉินจิ้งเฉวียนจริงเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงก็คงไม่ต่างจากลูกแกะที่รอให้เฉินจิ้งเฉวียนเชือดเท่านั้น!
  หลังจากที่เฉินจิ้งเฉวียนแอบสังหารคนของตระกูลหลิงจนหมดแล้วจากนั้นจึงค่อยประลองกับหลิงหยุนตัวต่อตัวก็ยังไม่สาย และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตระกูลหลิงคงต้องสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งจริงๆ!
  ในที่สุดหลิงลี่ก็เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง..
  ใบหน้าของหลิงลี่แดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ข้าเห็นเฉินจิ้งเฉวียนเป็นถึงเจ้าหน้าที่ในหน่วยนภามาเนิ่นนานหลายปี จึงไม่ทันคิดว่ามันจะใช้วิธีการชั่วช้าเช่นนี้ได้..”
  หลิงลี่เป็นคนตรงไปตรงมาและตัวเขาเองจะไม่ยอมทำเรื่องเช่นนี้แน่! เขาจึงไม่คิดว่าผู้อื่นจะกล้าทำเช่นกัน!
  หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ท่านปู่.. นั่นเพราะท่านเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่แปลกที่จะนึกไม่ถึง!”
  –หากเป็นสถานการณ์ปกติ..เฉินจิ้งเฉวียนคงไม่ทำเช่นนั้นแน่! แต่เวลานี้ตระกูลเฉินตกอยู่ในอันตราย อีกทั้งมันเองก็ล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของข้าแล้ว แน่นอนว่ามันย่อมหมายหัวคนตระกูลหลิงทุกคนด้วย!-
  –ท่านปู่คิดว่าคนอย่างเฉินจิ้งเฉวียนจะปล่อยให้ตระกูลหลิงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้มาโค่นตระกูลเฉินอย่างนั้นหรือ-
  หลังจากที่เข้าใจทุกอย่างดีแล้วหลิงลี่จึงเอ่ยถามหลิงหยุนทันที –แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไรต่อไป พวกเรามีเวลาเตรียมตัวกันเพียงแค่สิบวันเท่านั้น!-
  หลิงหยุนหันไปยิ้มให้หลิงลี่และตอบกลับไปอย่างมั่นใจ –ท่านปู่ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้หลานมั่นใจว่าตระกูลหลิงจะต้องไม่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!-
  หลิงลี่เองก็รู้ว่าหลิงหยุนเป็นคนที่หากไม่มั่นใจเขาจะไม่ลงมือ..
  –เอาล่ะ..เรื่องนี้ปล่อยให้เจ้าจัดการ ปู่เองก็จะฟังคำสั่งของเจ้าด้วยเช่นกัน!-
  หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้าและยิ้มให้หลิงลี่เท่านั้น..
  เวลานี้..หลิงหยุนไม่ได้คิดเรื่องที่ตนจะสามารถเอาชนะการประลองได้หรือไม่ แต่เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม และสูญเสียให้น้อยที่สุดต่างหากเล่า!
  ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังต้องคิดหาวิธีว่าจะป้องกันไม่ให้ตระกูลอื่นๆ ฉวยโอกาสทำลายตระกูลหลิงจากการประลองในครั้งนี้ได้อย่างไรด้วย! นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่หลิงหยุนจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือ..
  และสิ่งที่หลิงหยุนคิดออกเวลานี้ก็มีเพียงสามอย่างเท่านั้นคือ..ต้องมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง ต้องสามารถพัฒนาขั้นให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และต้องมีทางหนีทีไล่ที่ดี! novel-lucky
  ……..
  ทุกคนกลับถึงบ้านตระกูลหลิงราวหนึ่งทุ่มตรงพอดีและหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ หลิงหยุนจึงกลับไปพักผ่อนที่ห้องราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงได้ไปหาโม่วู๋เตาที่้ห้อง..
  เมื่อโม่วู๋เตาเห็นหลิงหยุนเขาก็เริ่มบ่นพึมพำทันที“ดึกป่านนี้เพิ่งจะมา! เอาล่ะ.. รีบไปกันดีกว่า!”
  ทั้งคู่พากันนำหลิวเทวะวิญญาณออกไปรับพลังหยินข้างนอกอีกครั้ง..แต่คืนนี้เป็นคืนที่ 15 กรกฏาคมตามปฏิทินจีน พลังหยินจึงน้อยกว่าเมื่อคืนก่อนมาก..
  จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนหลิวเทวะวิญญาณก็ดูดเอาพลังหยินเข้าไปจนเติบโตขึ้นอีกราวหนึ่งเมตรครึ่ง และลำต้นก็ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม กิ่งก้าน ราก ใบก็ใหญ่โตขึ้นด้วยเช่นกัน!
  หลิงหยุนเห็นหลิวเทวะวิญญาณเติบโตมากแล้วจึงคิดที่จะกลับไปบ้านฝึกฝนวิชาต่อ แต่โม่วู๋เตายืนยันจะไปต่ออีกสักสองสามแห่ง ทั้งคู่จึงขับรถไปตามถนนวงแหวนที่หก และเริ่มขับไปรอบๆภูเขามากมายเพื่อให้หลิวเทวะวิญญาณได้ดูดเอาพลังหยินเข้าไปอีก จนกระทั่งถึงเวลาตีสี่พอดี หลิวเทวะวิญญาณก็ได้ดูดเอาพลังหยินเข้าไปจนเต็มอิ่ม
  “เอาล่ะ..ได้เวลากลับบ้านไปฝึกฝนแล้วต่อแล้ว ข้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการประลองที่จะมีขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า!”
  “หลิงหยุน..นี่เจ้าคิดเช่นใดจึงรับคำท้าตระกูลเฉินเช่นนั้น”
  ระหว่างทางกลับบ้านโม่วู๋เตาจึงเอ่ยถามหลิงหยุนออกมาอย่างอดรนทนไม่ได้พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย หลิงหยุนจึงได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้โม่วู๋เตาฟัง..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงพูดจ้าเย้าแหย่โม่วู๋เตาว่า“เจ้าไม่ต้องกังวลใจไปหรอกน่า ข้ามั่นใจว่าจะต้องชนะแน่! แต่หากเจ้าไม่สบายใจ ก็ลองทำนายดวงชะตาให้ข้าก็ได้!”
  โม่วู๋เตาถึงกับร้องโวยวายทันที“ไม่มีทาง.. ทุกครั้งที่ข้าทำนายเรื่องราวที่เกี่ยวกับเจ้า ข้าเป็นอันต้องกระอักเลือดทุกครั้งไป!”
  ……
  โม่วู๋เตากับหลิงหยุนกลับมาถึงบ้านตระกูลหลิงก็ใกล้ย่ำรุ่งแล้วหลังจากนำหลิวเทวะวิญญาณไปปลูกไว้ที่เดิมแล้ว เขาก็ดึงโม่วู๋เตาไปนั่งฝึกวิชาต่อ..
  เวลานี้ไม่ได้มีเพียงหลิงหยุนกับโม่วู๋เตาเท่านั้นที่ฝึกฝนวิชากันอยู่แต่สมาชิกทุกคนในตระกูลหลิง ต่างก็กำลังนั่งฝึกฝนวิชากันอย่างขมักเขม้นเช่นกัน
  ในเมื่อมีการประลองที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันกดดันอยู่เช่นนี้ก็ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เลือดนักสู้ในกายของเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงเดือดพล่าน..
  จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนครอบคลุมไปทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลหลิงเขาพบว่าทุกคนล้วนอยู่ในบ้านกันหมด มีเพียงหลิงเจิ้นเท่านั้นที่หายไป และในใจของหลิงหยุนก็ได้แต่นึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย..
  หลิงหยุนมั่นใจว่าภายในตระกูลหลิงยังมีคลื่นใต้น้ำที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่และคลื่นลูกนี้จะมาจากใครไม่ได้นอกจากหลิงเจิ้น..
  หลิงหยุนรู้ดีว่าหลิงเจิ้นก็เป็นอีกหนึ่งคนที่จะสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิงและที่เขากระทำการรุนแรงกับหลิงห่าวในคืนนั้น ก็เพื่อบีบให้หลิงเจิ้นแสดงธาตุแท้ของตนเองออกมา แต่ใจหนึ่งก็ได้แต่หวังว่าหลิงเจิ้นจะไม่กลายมาเป็นศัตรูของเขาอีกคน..
  ในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้..หลิงหยุนย่อมต้องฝึกวิชาดาราคุ้มกาย และเขาก็สัมผัสได้ถึงสัญญาณที่ชัดเจนว่าใกล้จะเข้าสู่ขั้นต่อไปของดาราคุ้มกายแล้ว!
  ……..
  หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วหลิงหยุนก็ไปพบหลิงเย่วที่บ้าน
  “หลิงหยุน..เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า!”
  ในบรรดาลูกชายทั้งสามคนของหลิงลี่นั้นหลิงเย่วเป็นผู้ที่มีวรยุทธด้อยที่สุด เขาชื่นชอบการอ่านหนังสือ แต่งกลอน วาดภาพ และสะสมของเก่าแก่โบราณ แต่ที่ชื่นชอบที่สุดก็คือการดื่มชา..
  “หลิงหยุน..นี่เป็นชาหลงจิงที่ลุงเก็บไว้นานมากแล้ว เจ้าลองลิ้มรสดูสิ!”
  หลิงเย่วเป็นฝ่ายรินชาให้กับหลิงหยุนด้วยตัวเองหลิงหยุนจึงเริ่มเข้าสู่หัวข้อสนทนาทันที และที่เขามาหาหลิงเย่วตั้งแต่เช้าเช่นนี้ ก็เพราะมีเรื่องสำคัญ..
  “ท่านลุงสอง..ข้ามาวันนี้ก็เพื่อจะสอบถามท่าน เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าวานให้ท่านเป็นธุระไปจัดการ”
  เมื่อคราวที่หลิงหยุนมาปักกิ่งครั้งแรกเขาได้ขอให้หลิงเย่วช่วยจัดการธุระให้กับเขาอยู่สองสามเรื่อง
  หลังจากยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วหลิงเย่วก็ตอบไปว่า “หลิงหยุน.. เรื่องทั้งหมดข้าได้จัดการให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว!”
  “เรื่องลูกเหล็กนั้นข้าได้สั่งให้คนเตรียมไว้นับพันลูก บางลูกก็มีขนาดใหญ่มาก และหนักถึงสามสี่ร้อยกิโลกรัมเลยทีเดียว!”
  หลิงหยุนนึกประหลาดใจจึงถามขึ้นว่า“ท่านลุง.. ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนข้าไม่ได้ระบุว่าต้องการลูกเหล็กขนาดใดบ้าง ท่านรู้ได้อย่างไรกัน?”
  หลิงเย่วหัวเราะเสียงดัง“นี่.. เจ้าลืมเหล่ากุ่ยไปแล้วรึ”
  หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมาและได้แต่คิดว่ามิน่าหลิงเย่วถึงได้เปรียบเสมือนมันสมองของตระกูลหลิง!
  “สำหรับการซื้อวัตถุดิบยาที่คุณกล่าวมาตั้งแต่เวลานี้ตระกูลหลิงของเราก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เรารับซื้อยาแผนจีนทุกชนิดทั่วประเทศ เรียกได้ว่ามีมากถึงมากที่สุดและมีการซื้อกลับไป ขณะนี้มีคลังสินค้าใน บริษัท ยาสมุนไพรของเรา”
  “ส่วนเรื่องสมุนไพรที่เจ้าสั่งไว้ข้าก็ได้กว้านซื้อสมุนไพรจีนทุกชนิดทั่วประเทศไว้มากมาย ตอนนี้กองอยู่เต็มโกดัง!!”
  เมื่อพูดถึงเรื่องสมุนไพรหลิงเย่วก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ตระกูลหลิงเราเองก็ไม่มีใครที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรมากนัก ข้าจึงไปขอคำปรึกษาจากคนตระกูลเสี่ยว..”
  จากนั้นหลิงเย่วก็ยิ้มออกมาพร้อมกับหยอกเย้าหลิงหยุน“ข้าเองก็เพิ่งจะรู้ว่าหลานสาวทั้งสองคนของท่านเสี่ยวหมอเทวดา ต่างก็ชื่นชอบในตัวเจ้า..”
  หลิงหยุนถึงกับหน้าแดงและตอบกลับไปทันที“ลุงสอง.. นี่ท่านรู้เรื่องของข้ามากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงเย่วหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าเป็นผู้นำตระกูลหลิง.. ท่านพ่อเองก็สั่งให้ข้าช่วยงานเจ้า หากข้าไม่รู้เรื่องของเจ้าเลย ข้าจะสามารถช่วยงานเจ้าได้อย่างไรกันเล่า”
  “ท่านลุง..แล้วตระกูลเสี่ยวเก็บค่าสมุนไพรจากท่านหรือไม่”
  หลิงเย่วยิ้มและตอบกลับไปทันที“อย่าว่าแต่ค่าสมุนไพรเลย.. แค่ท่านหมอเสี่ยวรู้ว่าเจ้าต้องการสมุนไพรจำนวนมาก ก็ได้สั่งให้คนส่งมาให้โดยไม่คิดแม้แต่ค่าขนส่งด้วยซ้ำไป!”
  หลิงเย่วเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีตั้งแต่เขาทำธุรกิจมา ไม่เคยมีครั้งใหนที่ได้รับความร่วมมือ และความสะดวกดังเช่นครั้งนี้มาก่อนเลย!
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้บอกกับหลิงเย่วว่า“ลุงสอง.. ท่านอย่าได้ล้อข้าเรื่องนี้อีกเลย! พวกเรามาคุยธุระกันต่อดีกว่า!”
  “ได้ๆข้าจะไม่ล้อเจ้าแล้วก็ได้!” หลิงเย่วร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อทันที
  “ส่วนเรื่องโรงหลอมโลหะและบริษัทถ่านหิน ข้าก็ได้แอบไปซื้อไว้เงียบๆ อยู่ที่เมืองโข่ว ไว้ข้าจะพาเจ้าไปดู..”
  ทุกเรื่องที่หลิงหยุนสั่งไว้ก่อนจะกลับจิงฉูหลิงเย่วสามารถจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย ทำให้หลิงหยุนประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว..
  “ส่วนเรื่องบ้านตระกูลหลิงหลังใหม่นั้นข้าได้ไปดูที่ดูทางไว้สองสามแห่ง รอให้เจ้าไปเลือกดูด้วยตัวเอง!”
  หลิงหยุนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ยังไม่รีบร้อนนัก..”
  หลิงหยุนวางแผนไว้ว่าอีกสักสองสามปีเขาจึงจะลงมือสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงหลังใหม่ และเขาจะพาโม่วู๋เตาไปเลือกซื้อที่ด้วยตัวเอง..
  หลังจากเสร็จธุระแล้วหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืน และถามขึ้นว่า “ลุงสอง.. ไม่ทราบว่าลูกเหล็กพวกนั้นท่านเก็บไว้ที่ใดรึ”
  ถึงเวลาที่หลิงหยุนจะต้องใช้ลูกเหล็กเหล่านั้นแล้ว..