ชายชราถูกชิงสุ่ยทุบตีกลางหน้าอกอย่างหนักจนใบหน้าซีดเซียวริมฝีปากสั่นเครือ ดวงตาจับจ้องไปที่ชิงสุ่ยไม่หยุดหย่อน จากนั้นเลือดสดๆคำโตก็ไหลทะลักออกมาจากมุมปาก การโจมตีครั้งสุดท้ายของชิงสุ่ยได้ทำให้อวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายเจ็บปวดโรยรา
  ”น้องสองน้องสอง!!”ชายชรารูปร่างอ้วนรีบเดินมาพยุงชายชราที่กำลังบาดเจ็บ
  การต่อสู้ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีแต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าชิงสุ่ยจะเอาชนะชายชราคนนี้ได้อย่างง่ายดาย
  ”พี่ใหญ่ข้าประเมินมันต่ำไป เจ้าเด็กน้อยคนนี้มีพลังที่แปลกมาก มันทั้งเคลื่อนที่ของไวและใช้ทักษะปริศนา ที่สำคัญมันคือปรมาจารย์ด้านการใช้พลังปราณ พวกท่านต้องห้ามประมาทเด็ดขาด”คำพูดของเขากล่าวกับพี่ใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านข้างแต่ดวงตาขนาดเล็กจับจ้องไปที่เหล่าผู้นำแห่งราชันย์ปราชญ์ทั้งสาม
  ชายชราที่กำลังได้รับบาดเจ็บเปล่งเสียงตะโกนขณะที่สายตาของเขากำลังถูกโอบอุ้มโดยศิษย์พี่ของเขา
  ”ข้ารู้แล้วน้องสอง ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับเจ้าเอง”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่องช้า
  ชายชราสะบัดมือออกคำสั่งให้ชายร่างยักษ์ 2 คนที่อยู่ด้านหลังรีบเข้ามาพยุงร่างกายของชายชราที่บาดเจ็บออกไป ก่อนที่เขาจะหันไปมองชิงสุ่ย ” เจ้าหนุ่มน้อยไม่ควรค่าที่จะได้มายืนอยู่ต่อหน้าเหล่าราชันย์ปราชญ์ วันนี้ เจ้าจะได้รู้ซึ้งถึงพลังของนักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์”
  ชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งแม้ว่าชายชราคนนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชิงสุ่ยต้องลงมือจริงจัง และที่สำคัญจากพลังปราณรอบตัวรวมถึงทัศนคติ ชายคนนี้ไม่คู่ควรต่อการฝึกฝนหนทางนักปราชญ์ หากยังรั้งจะฝึกฝนต่อไป เขาไม่มีทางบรรลุปลายทางที่ยิ่งใหญ่ของเหล่านักปราชญ์ได้อย่างแน่นอน
  ชายชราก็ไม่ได้โกรธแค้นที่เห็นดวงตาดูถูกเหยียดหยามจากชิงสุ่ยอย่างไรก็ตามดวงตาเล็กๆยังคงเต็มไปด้วยความเย็นแม้จะเป็นดวงตาที่ดูผ่อนคลาย
  ”ความคิดคับแคบบุคลิกน่ารังเกียจ ใจทราม เจ้าไม่มีอะไรเทียบเทียมนักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เลย ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด ตลอดร้อยปีที่ผ่านมาเจ้าคงไม่พัฒนาเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของเจ้าว่าเจ้าเป็นใครได้ ตราบใดที่เจ้ายังไม่กล้าออกมาจากจุดปลอดภัยที่เจ้ายืนอยู่ เจ้าจะไม่มีวันพัฒนา แต่ที่สำคัญกว่า คือจิตใจของเจ้ามันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้เดินทางอยู่บนสายราชันย์ปราชญ์”ชิงสุ่ยกล่าวคำพูดยั่วยุอย่างต่อเนื่อง
  ชายชราถึงกับตัวสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยามของชิงสุ่ย โดยปกติแล้วด้วยฐานะตำแหน่งของเขา ผู้คนไม่เคยแม้แต่จะชี้เส้นทางความจริง ต่างคนต่างคอยแต่พูดจาประจบประแจงเท่านั้น
  และเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าบรรดาพี่น้องการดูถูกเหยียดหยามมันยิ่งทำให้เขาโกรธจนเกือบสิ้นสติ
  นอกจากอาการบาดเจ็บศิษย์น้องของเขาจะเหมือนการถูกชิงสุ่ยตบหน้าสหายของเขาอย่าง ผู้นำเทวะสูงสุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มคนนี้ มันจะไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเคร่งเครียดจนจิตไม่อาจควบคุมให้สงบได้
  ”พี่ใหญ่เฉิงหยวน เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีความเคารพในมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ของเราเลย” ชายรูปร่างอวบอ้วนกล่าวกับผู้นำราชันย์ปราชญ์
  ชายชราที่ชื่อว่าเฉิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋ ชายหนุ่มคนนี้สามารถทำร้ายศิษย์พี่ของเจ้าที่เป็นถึงผู้นำเทวะสูงสุดได้ ฉะนั้นเจ้าจึงควรพึ่งนึกได้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งพระเจ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันกำลังคิดว่าคนอื่นๆก็คงจัดการได้ง่ายๆเหมือนผู้นำเทวะใช่หรือไม่?”
  คำพูดของเฉิงหยวนฟังดูเที่ยงธรรมแต่เบื้องหลังก็ซ่อนความหมายเอาไว้อย่างชัดเจน เขากำลังหมายถึงว่าผู้นำเทวะสูงสุดของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์นั้นอ่อนแอ เกินกว่าที่คนอย่างเขาจะชายตามอง คำพูดสุดท้ายของเขาเป็นคำพูดเตือนสติผู้นำเทวไถไจ๋ให้สว่างขึ้นไม่ใช่จมปลักเหมือนบัวใต้น้ำ
  ชิงสุ่ยพยายามหาความหมายแฝงทุกคำพูดของผู้นำราชันย์ปราชญ์ทั้งหนักแน่นไม่เชื่องหา สัญชาตญาณในตัวของชิงสุ่ยคอยย้ำเตือนว่าเขาไม่ควรเข้าไปสู้กับชายชราคนนี้
  ”นี่มันน่าโมโหมากมันกล้าดียังไงถึงได้กล้ามาแสดงความทัดเทียมกับผู้นำราชันย์ปราชญ์ของพวกเรา ศิษย์พี่ใหญ่เฉิงหยวน ท่านคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ เด็กหนุ่มคนนี้กำลังดูถูกท่าน เราจะปล่อยมันไปไม่ได้”ผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋กล่าวด้วยความโกรธแค้น
  นิสัยของชายชราคนนี้ยังคงเห็นแก่ตัววันยังค่ำไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่สามารถพัฒนาขึ้นสู่ระดับนักปราชญ์ได้
  ชายชราเฝ้ามองดูผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋ด้วยท่าทีสงบพร้อมหันหลังไปพูดกับชิงสุ่ยว่า”พ่อหนุ่มน้อย เจ้ามีร่างกายที่ไม่เหมือนผู้ใด แล้วเจ้าเองก็เป็นอัจฉริยะทั้งยังมีพลังบริสุทธิ์อยู่ภายในร่างกาย เจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ของเราหรือไม่?”
  คำพูดของชายชรามันอยู่เหนือความคาดหวังของชิงสุ่ยบางทีชายชราเองก็อาจจะรู้ถึงพลังที่แท้จริงรวมถึงพลังธรรมชาติที่อยู่ในตัวของเขา มิฉะนั้น ชายชราก็คงไม่เชื้อเชื้อเชิญเขาแบบนี้
  ผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋ถึงกับตาค้างตกตะลึงและกล่าวอย่างเร่งรีบว่า”มันหมายความว่าอย่างไร พี่ใหญ่เฉิงหยวน? มันฆ่าหนึ่งในผู้นำเทวสูงสุดของพวกเราและยังทำให้ข้าบาดเจ็บ ท่านไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยเหรอทั้งยังเชื้อเชิญมันให้เข้าร่วมกับเราอีก?”
  ”ข้ารู้สึกว่าจะเจ้าต่างหากที่กำลังทำให้ผู้นำราชันย์ปราชญ์ต้องแปดเปื้อน เจ้ากำลังทำให้ชื่อของราชันย์นักปราชญ์ต้องอับอาย เจ้าไม่รู้ตัวเลยหรือว่าคนที่เป็นเพียงผู้นำเทวะเหตุใดจึงกล้าพูดจาถากถางคนระดับผู้นำราชันย์นักปราชญ์?”
  ชิงสุ่ยกล่าวเน้นคำพูดของเขามันเป็นคำพูดที่บ่งบอกได้ถึงการเสียดสี
  ”ทำตัวเป็นเฉลียวฉลาดพี่ใหญ่เฉิงหยวน เราไปฆ่ามันเถอะ เราจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงของผู้นำราชันย์นักปราชญ์ต้องเสื่อมเสียไปมากกว่านี้”ผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋กล่าวอย่างอุอาจ
  ชายชราถึงกับขมวดคิ้วเขาเองก็ค่อนข้างเกลียดทัศนคติของผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋ที่พยายามจะเอาชนะชายหนุ่ม ซึ่งมันเป็นอย่างที่ชายหนุ่มคนนั้นพูดจริง ไถไจ๋คนนี้ไม่ควรได้รับชื่อของราชันย์ปราชญ์ อันที่จริงเขาเองก็รู้มานานพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรือทุกข์ร้อนใดๆ
  ”ไม่จำเป็นต้องสร้างพันธมิตรแล้วหลังจากนี้ล่ะ? เอาแบบนี้แล้วกัน เจ้าออกไปต่อสู้เพื่อศิษย์น้องของเจ้าก่อน ข้ารู้ว่าเจ้าทนไม่ได้ที่จะอยู่เฉยๆ ฉะนั้นถ้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศิษย์พี่อยากจะเอา ถ้าหากเขาอ่อนแอกว่าเจ้า ข้าก็คงไม่สร้างพันธมิตรกับชายหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน”เฉิงหยวนกล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลายแม้คิ้วขมวดปม
  ผู้นำเทวะสูงสุดไถไจ๋ได้แต่สบถคำสาปแช่งชายชราคนนี้อยู่ในใจ
  ”การฆ่าเจ้ามันง่ายเหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปากพี่ใหญ่เฉิงหยวน จับตาดูข้าไว้ให้ดี ข้าจะทำให้มันต้องเสียใจ”ผู้นำเทวะสูงสุดกล่าวด้วยคำพูดไม่พอใจพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความน่าสยดสยอง
  ��