ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมา ย้อมป่าไม้ให้เป็นสีทองเหลือง แสงสีทองแห่งฤดูใบไม้ร่วงเจิดจรัส ลมพัดมา ใบไม้ก็ร่วงโรยลอยละลิ่วไปเข้าสู่อ้อมกอดของพื้นดิน

 

ผืนป่าไกลมีใบไม้แห้งกองอยู่ ลมพัดทีก็ลอยคว้างตามลมก่อนจะร่วงหล่นลงไปใหม่ ปกปิดทางวนเล็กๆที่ขึ้นไปถึงยอดเขา

 

ทุกอย่างเปล่งประกายสีเหลืองภายใต้การสาดส่องของแสงแดด ฟ้าและดินหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทุกที่เป็นสีทองเหลือง ถ้ามีคนเดินอยู่ในป่าแห่งนี้ก็จะได้อีกบรรยากาศนึง

 

พริบตาเดียวฤดูใบ้ไม่ร่วงก็ลาลับไป

 

ฤดูหนาว พืชพรรณต่างๆเหี่ยวเฉาไป ลมหนาวเสียดแทงกระดูก พื้นดินสวมชุดสีเงิน หายใจออกเป็นไอขาวขุ่น ก้อนเมฆลอยละล่องอย่างไร้เรื่องกังวล หิมะที่เปรียบเสมือนขนห่านค่อยๆโปรยปรายลงมา

 

หิมะบนพื้นทั้งหนาทั้งนุ่ม ราวกับมาอยู่ที่ดินแดนอันสงบ มาถึงโลกนิทานที่แวววาวเป็นประกาย

 

กลิ่นหอมเย็นๆของหิมะทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกปลอบประโลม ทุกอย่างกำลังกลั่นกรอง ทุกอย่างกำลังเหนือชั้นขึ้น จิตใจก็กำลังถูกชำระล้างให้สะอาดและงดงาม

 

ฤดูทั้ง 4 หมุนเวียนอย่างรวดเร็วในมิติ จากนั้นทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม

 

“แค่นี้ก็เสร็จแล้วเหรอ”

 

“แล้วเจ้าอยากให้เป็นยังไงอีก” หยูเฮงน้อยมองเจ้าต้นหลิวตรงหน้าที่ดูบื้อๆพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ

 

เจ้าต้นหลิวกระพริบตามองนางและถามขึ้นอีก “มิติสมบูรณ์แล้วจริงๆเหรอ”

 

“เจ้าว่ายังไงล่ะ” หยูเฮงน้อยอดยื่นมือไปบีบหน้าเขาไม่ได้และพูดอย่างไม่พอใจ “จะเป็นสามีข้าก็ฉลาดหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะรังแกเจ้าทั้งชีวิตเลย รู้มั้ย”

 

“ได้ ข้าให้เจ้ารังแกทั้งชีวิต” ต้นหลิวน้อยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

 

“เจ้าพูดเองนะ ห้ามเปลี่ยนใจล่ะ”

 

“ไม่เปลี่ยนใจ”

 

คนข้างนอกยังไม่รู้ว่าในมิติเกิดอะไรขึ้น

 

เพียงแต่การที่คู่แต่งงานใหม่ไม่ปรากฏตัวในวันรุ่งขึ้นทำให้ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย

 

โดยเผยเฉพาะตาเฒ่าชุดขาวผมขาวเคราขาวที่จู่ๆก็โผล่ออกมาคนนั้น โม่อู๋เซอที่เป็นเจ้าบ้านดูแลให้เขาพำนักที่นี่

 

แต่ตาเฒ่าชุดขาวผมขาวเคราขาวร้อนรนมาก เขาไม่เข้าใจว่าแม่นาง 2 คนที่ตามหาอยู่หายไปไหนอีกแล้ว

 

แต่เขาเห็นว่าคนอื่นๆไม่กังวลกับแม่นางที่หายไป จึงเฝ้าอยู่ที่โถงวิหารสวรรค์จะรอให้ 2 สาวปรากฏตัวให้ได้

 

3 วันให้หลัง

 

คู่แต่งงานใหม่ต้องกลับบ้านภรรยา แต่คู่แต่งงานใหม่นั้นก็ยังไม่ปรากฏตัว

 

6 วัน 10 วัน 15 วัน…

 

พริบตาเดียวผ่านไปครึ่งค่อนเดือน ก็ยังไม่เห็นการปรากฏตัวของ 2 สามีภรรยา เวลานี้ ญาติที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนก็อดไม่ได้จะต้องมาหาถึงที่ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

20 วัน 25 วัน 30 วัน….

 

ผ่านไป 1 เดือนเต็มๆ คนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกต่างกังวลใจ แม้พวกเขาจะรู้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวครอบครองมิติ แต่ก็ไม่เคยหายไปนานนับเดือนแล้วยังไม่ออกมา ถ้าจะต้องเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลานานก็มักจะบอกก่อน

 

ที่สำคัญคือแม้แต่หยูเฮงน้อยก็ไม่ปรากฏตัว พวกเขาไม่เป็นห่วงไม่ได้

 

ส่วนภายในมิติ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนเดินออกมาจากวังสวรรค์

 

ชั่วขณะนั้นลมปราณของทั้ง 2 คนลึกลับและยากจะหยั่งถึงอย่างที่สุด อิริยาบถต่างๆราวกับหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับฟ้าดิน ให้ความรู้สึกเหนือชั้น

 

นาทีนั้นทั้ง 2 รู้แล้วว่าในเวลา 1 เดือนนี้ พวกเขามาถึงจุดสูงสุดแล้ว

 

ผู้พิพาก

 

การได้เป็นผู้พิพากนั้นไม่เพียงแค่เป็นผู้พิพากแห่งมิตินี้เท่านั้น ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังเป็นบุคคลระดับผู้พิพากสำหรับผู้ฝึนวิทยายุทธจากผืนดินระดับอื่นๆ

 

แม้ว่าคนระดับผู้พิพากทุกคนจะอยู่โลกเทพ ไม่ได้ดำรงอยู่จริงๆ แต่พวกเขามีความสามารถนี้ หรือเรียกได้ว่า เดิมทีพวกเขาก็มีความสามารถในการพิพากมิติ หรือพิพากผืนดิน หรือพิพากทั้งโลก

 

และก็เป็นเพราะมิติพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ผู้เป็นเจ้าของอย่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงได้กลายเป็นผู้พิพาก แต่

 

มิติของนางต้องสมบูรณ์ไปทีละขั้น รากเหง้าชีวิตของมิติรวมเข้ากับรากเหง้าชีวิตของนาง นางเป็นพลังหยิน การจะสร้างโลกขึ้นมาต้องการพลังหยาง ดังนั้นโม่ซวนซุนจึงกลายเป็นอีกส่วนหนึ่ง

 

ชั่วขณะที่ทั้ง 2 รวมร่างรวมใจกันก็ได้สร้างพลังหยินหยางที่กลายเป็นรากเหง้าชีวิตของโลกนี้ขึ้น และเสร็จสมบูรณ์อย่างสำเร็จลุล่วง

 

การกลายเป็นผู้พิพากระดับสูงสุดเท่ากับว่าทุกคำพูดของทั้ง 2 จะลิขิตให้เป็นจริง ไม่กล้าพูดล้อเล่นตามอำเภอใจอีก

 

ทั้ง 2 เพียงแค่มองหน้าแล้วยิ้มให้กันอ่อนๆก็เกิดเป็นพลังเซียนห้อมล้อมออกมา แสงสีม่วงท่วมท้นออกมาจากทั้ง 4 ทิศไม่หยุด แสงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มทุกอย่างเอาไว้ ดอกไม้เซียนปรากฏขึ้นในอากาศและค่อยๆโรยลงพื้นดิน กลายเป็นพลังชีวิตนับไม่ถ้วน ทำให้ดอกไม้พืชพรรณต่างๆมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก

 

“คุณหนู ท่านเขย….”

 

หยูเฮงน้อยและเจ้าต้นหลิวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

 

ก่อนที่อากาศจะบิดเบือนและมีคนอีกคู่หนึ่งปรากฏตัวออกมา เจ้าแห่งผึ้งหยกและแมลงนั้นเอง บุคคลอีกคู่ที่มีมาดแห่งราชา ทั้ง 2 ประสานมือและร้องเรียก “คุณหนู ท่านเขย…”

 

เป็นครั้งแรกที่ได้เจอแมลง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตกใจอยู่นิดหน่อย

 

แมลงตรงหน้าหล่อเหลาเหลือร้าย นัยน์ตาเป็นประกายดาวใต้คิ้วคมมีแววดุร้ายอย่างเฉียบแหลม ผมดกดำเกล้าขึ้นสูง ใบหน้าที่เป็นสัดส่วนชัดเจนเต็มไปด้วยความองอาจอย่างป่าเถื่อน ความหยิ่งยโสแผ่ซ่านออกมาและแฝงไปด้วยความอยู่เหนือผู้อื่น

 

หลังจากพยักหน้าให้พวกเขาก็เอ่ยขึ้น “พวกเจ้าจะออกไปด้านนอกกับข้าใช่มั้ย”

 

“คุณหนู ด้านนอกมีตาเฒ่าจากโลกเทพ วิทยายุทธน่าจะอยู่นะดับผู้อยู่เหนือ ท่านกับท่านเขยไปเล่นกับเขาก่อนก็ได้ ข้าและเจ้าต้นหลิวยังไม่ออกไป” หยูเฮงน้อยยิ้ม

 

เจ้าแห่งผึ้งหยกเอ่ยตาม “คุณหนู ท่านเขย ข้ากับแมลงยังมีเรื่องต้องทำ ตอนนี้ยังออกไปเล่นกับคุณหนูและท่านเขยไม่ได้ ไว้วันหลังค่อยออกไป”

 

“ก็ได้ มิติไว้ให้พวกเจ้า ถ้ามีอะไรก็บอกพวกเรา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า ไม่ฝืน

 

“ได้ คุณหนู”

 

ในที่สุด 2 สามีภรรยาที่หายไปร่วมเดือนก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

 

ขณะเดียวกัน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนก็ได้เจอตาเฒ่าผมขาวนี่จริงๆ วิทยายุทธระดับผู้อยู่เหนือโม่ซวนซุนทำนายได้แม้กระทั่งจุดประสงค์ที่เขามาหา

 

“ฮ่าๆๆ แม่หนู ในที่สุดข้าก็รอจนได้เจอพวกเจ้า”

 

“ท่านเป็นใคร มาที่นี่ทำไมกัน.. ”

 

 

**** อวสาน*****

 

 

—————————————————-

(จากใจผู้แปล** จบแล้วสำหรับเรื่องสาวน้อยปลูกผัก แม้ว่าตอนจบดูเหมือนจะมีภาคต่อก็ตาม ขอบคุณที่ติดตามผลงานมาตลอดนะคะ ไว้พบกันในเรื่องใหม่จ้า