ตอนที่ 1124 รัง โดย Ink Stone_Fantasy
“ข้าว่า…เรากลับกันดีกว่า” หลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ซิมบาดี้ก็พูดงึมงำขึ้นมา
เขารู้สึกว่าที่นี่มีความแปลกๆ อยู่เต็มไปหมด ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความกดดัน ต่อให้เขาอยู่ใต้ทะเล เขาก็ยังไม่รู้สึกอึดอัดขนาดนี้เลย
ไม่ว่าจะเป็นแสงที่อยู่ใต้เท้า หรือว่าตะเกียงที่อยู่ในมือก็ล้วนแต่ส่องแสงสว่างไปได้ไกลเพียงแค่สิบกว่าก้าว พื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปไกลกว่านั้นล้วนแต่ตกอยู่ในความมืด สำหรับซิมบาดี้แล้ว แสงสว่างเพียงแค่นี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกสบายใจเลย ในทางตรงกันข้าม มันกลับทำให้เขาสังหรณ์ใจถึงความความอันตราย นี่หมายความว่าพวกเขาอยู่ในที่สว่างโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีอันตรายอะไรแฝงตัวอยู่ในความมืดบ้าง
ความจริงจนถึงตอนนี้ ทั้งสองคนยังไม่รู้เลยว่าถ้ำแห่งนี้มันกว้างแค่ไหน
“กลับ?” เสียงของริคส์สั่นเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไรของเจ้า…ข้ากล้าสาบานเลยว่านี่ต้องเป็นสิ่งที่แม้แต่ท่านธันเดอร์ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ โบราณวัตถุเหรอ? ไม่…นี่มันคือซากโบราณสถานต่างหาก!”
“โบราณสถานมันไม่หนีไปไหน วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้” ซิมบาดี้พยายามพูดกล่อม “ผู้ช่วยของเจ้า แล้วก็สมาคมของประหลาด…กำลังรอฟังข่าวดีจากเจ้าอยู่นะ”
พอพูดถึงสมาคมของแปลก ริคส์ก็ดูใจเย็นขึ้นมาไม่น้อย “เจ้า เจ้าพูดถูก ข้าควรจะเอาข่าวดีนี้กลับไปบอกทุกคน”
“อย่างนั้นก็รีบไปกันเถอะ”
“เดี๋ยว…เดี๋ยวๆ กว่าจะมาถึงนี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะกลับมือไปมือเปล่าไม่ได้” เขาล้วงเอามีดสั้นออกมาจากกระเป๋าข้างเอว ก่อนจะใช้มันกระเทาะลงไปแผ่นศิลา “ใจเย็น ใช้เวลาไม่เท่าไรหรอก เจ้าก็เอาอะไรกลับไปบ้าง อย่างน้อยก็จะได้เป็นหลักฐานยืนยันว่าพวกเราเคยมาที่นี่”
ในขณะที่ไม่รู้จะทำยังไง ซิมบาดี้จึงได้แต่ต้องทำตามเขา เพราะอีกฝ่ายนั้นยังถือว่าเป็นนายจ้างของตัวเองอยู่ ในเมื่อรับงานมูลค่า 20 เหรียญทองมาแล้ว เขาก็ย่อมต้องยอมรับความเสี่ยงที่ตามมาด้วย
บางทีที่นี่อาจจะแค่ดูแปลกๆ เท่านั้น เขาพยายามปลอบใจตัวเอง บริเวณรอบๆ ดูมืดไปหน่อย แต่ความจริงอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
“ครึก ครึก ครึก…”
ทุกการขยับมีดของริคส์จะมีเสียงมีดกับหินกระทบกันดังขึ้นมา เมื่ออยู่ภายในถ้ำที่เงียบเชียบแบบนี้ เสียงที่ว่ายิ่งเสียดหูมากขึ้นกว่าเดิม
ซิมบาดี้ยังสังเกตเห็นด้วยว่าทุกครั้งที่มีดกระเทาะลงไปบนแผ่นศิลา ตรงตำแหน่งที่มีดสัมผัสจะมีแสงสว่างออกมามากเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าสว่างจนแสบตา
เขาส่ายหัวพยายามดึงสมาธิกลับมา
ในเวลานี้ซิมบาดี้ไม่มีใจจะมานั่งกระเทาะแผ่นศิลาแล้ว ตรงกองกำแพงแผ่นศิลาที่วางทับๆ กันอย่างไม่เป็นระเบียบมีเครื่องมือหินรูปร่างแปลกๆ วางกระจัดกระจายอยู่ มันน่าจะเป็นเครื่องมือที่คนที่ขนแผ่นศิลาเข้ามาทิ้งเอาไว้ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน มันก็เลยกลายสภาพเป็นแบบนี้ เขาหยิบเศษเครื่องมือสองสามชิ้นมาใส่ในกระเป๋าข้างเอว แบบนี้ก็ถือว่าเขาทำหน้าที่ตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ครึก ครึก ครึก…”
ริคส์ยังคงง่วนอยู่กับการกระเทาะแผ่นศิลา ส่วนตรงข้างมือเขาก็มีเศษหินขนาดประมาณนิ้วมืออยู่ 5 – 6 ก้อนแล้ว
“เฮ้ แค่นี่ก็พอแล้วล่ะ…” ในขณะที่ซิมบาดี้กำลังจะพูดเร่งอีกฝ่าย หูของเขาพลันได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นมา
มันเป็นเสียง ‘ครึก ครึก ครึก’ เหมือนกัน แต่มันฟังดูถี่กว่า เหมือนว่ามีริคส์หลายคนกำลังกระเทาะแผ่นศิลาอยู่
เสียง…สะท้อนเหรอ?
ไม่ใช่! เขารู้ตัวทันที พวกเขาไม่ได้ขยับไปไหนเลย ตอนแรกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แล้วจู่ๆ มันจะมีเสียงดังขึ้นมาตอนนี้ได้ยังไง?
“ริคส์”
“อีกแปบ ชิ้นสุดท้ายแล้ว”
“เจ้าหยุดก่อน…”
“ขออีก 5 นาที…”
“บอกให้หยุดก่อน!” เขาแทบจะพูดเป็นเสียงคำราม
ริคส์ตกตะลึง มีดที่อยู่ในมือลอยค้างอยู่กลางอากาศ เสียงกะเทาะที่ฟังเสียดหูหยุดลงทันที
แต่เสียงครึกๆ เล็กๆ ยังคงดังอยู่ แถมยังเหมือนกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาด้วย
ตอนนี้ริคส์เองก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขาเอาเศษหินใส่ลงไปในถุงพร้อมกับมองซ้ายมองขวา “มันคืออะไร?”
ในขณะเดียวกับที่ถาม จู่ๆ อีกด้านหนึ่งก็มีแสงสีขาวสว่างสลับไปมา
ภายใต้แสงที่ส่องสว่าง ซิมบาดี้มองเห็นตัวผู้มาเยือน มันคือแมงป่องทะเลทรายตัวโตเต็มวัยตัวหนึ่ง ก้ามของมันมีขนาดประมาณแขนคน หางของของมันยกขึ้นมาสูงประมาณเอว ตรงปลายหางมีน้ำพิษสีเขียวอาบอยู่เต็มไปหมด ถ้าหากถูกต่อยเข้าไปแล้วไม่มียาแก้ เกรงว่าเขาคงอยู่ได้ไม่ถึงห้านาทีแน่
บ้าเอ้ย ต้องเป็นเสียงกะเทาะหินแน่ๆ ที่ไปเรียกมันมา! เขายกมีดขึ้นมา “เจ้าค่อยๆ ถอยไปด้านหลัง ห้ามละสายตาไปจากแมงป่องเด็ดขาด”
สำหรับนักรบชาวโมเกนที่ยอดเยี่ยมแล้ว แมงป่องทะเลทรายนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากเท่าไร สติปัญญาของพวกมันต่ำมาก การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้รวดเร็ว เข็มพิษที่หางนั้นเป็นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุด แล้วก็เป็นจุดอ่อนของมันด้วย ขอเพียงมันต่อยไม่โดน มีดคมๆ ซักเล่มก็สามารถฟันหางของมันให้ขาดได้
แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าเขาไม่ใช่นักรบที่ยอดเยี่ยมนี่สิ
ถึงแม้จะได้รับการฝึกสอนมาแต่เด็ก แต่เขาก็ไม่เคยเข้าร่วมการแข่งล่าสัตว์ แล้วก็ไม่เคยสู้กับแมงป่องทะเลทรายจริงๆ ด้วย
ได้แต่ต้องลองดูแล้ว
กระทั่งริคส์ไปหลบอยู่ด้านหลังเขาแล้ว เขาจึงพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า “ตอนนี้ก้มหน้าลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามขยับ”
“ข้า…ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังได้รับคำตอบ ซิมบาดี้เองก็เบี่ยงตัวเหมือนกัน
ในเสี้ยววินาทีที่ละสายตา แมงป่องทะเลทรายก็เปิดฉากโจมตีทันที ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เสียงครึกๆๆ ที่ดังถี่ขึ้นมาก็แสดงให้เห็นว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็ว
นี่คือนิสัยของแมงป่องทะเลทราย มันชอบที่จะหาโอกาสในตอนที่เผชิญหน้ากัน ทันทีที่เห็นว่าเหยื่อเผลอ มันก็จะเปิดฉากโจมตีทันที
ใจเย็น!
ซิมบาดี้ย่อตัวลงเล้กน้อย ก่อนจะหันมีดไปทางด้านซ้าย แล้วใช้มือกว่าประคองด้ามมีดเอาไว้ นี่คือท่าเริ่มต้นในการเหวี่ยงมีดของชาวทะเลทราย ถึงจะดูแล้วเหมือนไม่ได้หันหน้าหาศัตรู แต่พื้นที่ด้านขวาของร่างกายทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในขอบเขตการโจมตีของมีด!
ในตอนที่เสียงวิ่งของแมงป่องทะเลทรายกระชั้นเข้ามา เขาก็เหวี่ยงมีดออกไปทันที!
แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นมา
ยังไม่ทันจะได้หันกลับมามอง มือของเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงต้านเล็กน้อย
มันเหมือนกับสัมผัสของคมมีดเวลาที่ฟันผ่านต้นกก
หลังมีเสียงฉับดังขึ้นมา หางของแมงป่องที่แทงลงไปในแผ่นศิลาก็ถูกฟันขาดเป็นสองส่วน
ซิมบาดี้หมุนคมมีด ก่อนจะแทงลงไปในรอยแยกบนเปลือกที่อยู่ด้านหลังส่วนหัวของแมงป่อง
เป้าหมายนอนดิ้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไป
“สุดยอด…” ริคส์รู้สึกโล่งใจ “สมแล้วที่เป็นชาวทะเลทรายที่เชี่ยวชาญในการล่าสัตว์…”
“ยังไม่หมด!” ซิมบาดี้พูดขัดขึ้นมา “เสียงเมื่อกี้นี้เหมือนไม่ได้มีแมงป่องทะเลทรายแค่ตัวเดียว!” อยู่ที่ไหน? ศัตรูจะออกมาจากตรงไหน? เขามองหน้ามองหลังอย่างระมัดระวัง ที่นี่มีแผ่นศิลาวางอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะมาจากทางไหนก็ต้องมีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา
แต่รอบๆ ตัวเขากลับมีแต่ความมืด
นอกจากบนหัว
บ้าเอ้ย! เขารู้ตัวทันทีว่าตัวเองมองข้ามอะไรไป แสงสีขาวอ่อนๆ นั้นดูสะดุดตามากกว่าอะไรเมื่ออยู่ในความมืด แต่สำหรับสถานที่ที่ถูกส่องสว่างแล้ว แสงสว่างที่ปรากฏขึ้นมาใหม่นั้นจะถูกมองข้ามได้ง่าย
ในขณะที่ซิมบาดี้เงยหน้าขึ้นมา เงาดำเงาหนึ่งก็โถมเข้ามา
เป้าหมายคือชายชาวฟยอร์ดที่อยู่ด้านหลังเขา!
ในช่วงเวลาคับขัน สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือหมุนตัวกลับไปถีบริคส์จนกระเด็นออกไป
แมงป่องทะเลทรายร่วงลงมาบนพื้นโดยเฉียดร่างกายของริคส์ไปเพียงนิดเดียว
ด้วยสัญชาตญาณจากการฝึกซ้อมมาหลายปี ซิมบาดี้ฟันลงไปโดยไม่ได้มอง หัวของแมงป่องขาดออกเป็นสองท่อน
“ฟู่ว” เขาถอนหายใจยาวออกมา “โชคดีที่รู้ตัวก่อน…เห้ เจ้าเป็นอะไรไหม?”
“แค่กๆ…ข้า ข้าน่าจะ…”
แต่ยังไม่ทันฟังคำตอบของอีกฝ่ายจนหมด ด้านหลังกำแพงแผ่นศิลาพลันมีเสียงครึกๆ ดังสนั่นขึ้นมา ตอนแรกมันยังพอมีจังหวะเว้นระยะบ้าง แต่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเสียงครึกๆ ก็ดังถี่จนเหมือนกับคลื่นอย่างไรอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็มีเสียงสั่นสะเทือนทึบๆ ดังผสมขึ้นมาด้วย เหมือนว่ามีวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์บางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขา
ทั้งสองคนสบตากัน ใบหน้าขาวซีดไปในทันที
“วิ่ง วิ่งเร็ว!” ซิมบาดี้คว้ามือริคส์ที่ยังยืนตกตะลึง ก่อนจะวิ่งหนีไปทางปากถ้ำ
หลังจากนั้นด้านหลังพวกเขาพลันมีลำแสงที่สว่างจนแสบตาสว่างวาบขึ้นมาจนมองเห็นภายในถ้ำทั้งถ้ำได้อย่างชัดเจน!
ท่ามกลางแสงสีสว่างขึ้นเรื่อยๆ นี้ ซิมบาดี้มองเห็นแมงป่องทะเลทรายขนาดมหึมาตังหนึ่ง แค่ดวงตาของมันก็มีขนาดใหญ่เท่ากับถาดใส่ข้าวแล้ว เปลือกของมันดูหยาบแล้วก็หนาเหมือนกับโขดหินอย่างไรอย่างนั้น ลักษณะพิเศษเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสถานะของผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน มันคือหนึ่งในเครื่องบรรณาการของสามเทพ —- แมงป่องยักษ์หุ้มเกราะที่ปกครองผืนดิน!
ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ของมันที่กดทับลงมา กำแพงแผ่นศิลาพลันสว่างจ้าขึ้นมาจนเกือบจะลืมตาไม่ขึ้น
อย่างนี้นี่เอง
ในที่สุดซิมบาดี้ก็เข้าใจแล้วทำไมในถ้ำที่ไม่มีแสงสว่างถึงแม้ได้ต้นหญ้าสีเขียวเจริญเติบโตอยู่เต็มไปหมด แล้วก็รู้แล้วว่าแสงสว่างที่ออกมาจากในถ้ำใต้ทะเลในเวลากลางคืนมันมาจากไหน
แมงป่องยักษ์หุ้มเกราะเอาที่นี่เป็นรังของมัน
………………………………………………………..