ตอนที่ 3 กระตุ้นสายโลหิต โดย Ink Stone_Fantasy
เป็นถึงยอดฝีมือขั้นสุดยอดผู้ที่เคยคิดค้นเคล็ดวิชาระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดด้วยตนเองถึงสองศาสตร์ ทั้งยังสามารถต่อกรกับเทพจักรวาลรอบหนึ่งได้อย่างตงป๋อเสวี่ยอิง หลังจากที่ได้รวบรวมสมาธิรับสัมผัสความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของดินแดนจิตโลกาแล้ว ก็ได้ตัดสินใจกับเส้นทางการบำเพ็ญของตน
“ฟังจากที่มารดาของข้าผู้นี้พูด บอกว่าตัวอ่อนในท้องผู้นี้ค่อนข้างอ่อนแอโดยกำเนิดอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่า ตอนที่ข้าถือกำเนิด พลังชีวิตเทียบเคียงกับเทพโลกา จะยังอ่อนแออีกหรือ นอกจากนี้ มารดาผู้นี้ของข้ามีสถานะต่ำต้อยอย่างยิ่งในจวนแห่งนี้ พลังยุทธ์ของตัวนางเองก็อ่อนแอ โลกทัศน์ของนางก็คงจะไม่สูงส่งมากนัก นางยังบอกว่าทารกในครรภ์อ่อนแอ เช่นนั้นก็คงจะอ่อนแอจริงๆ เสียแล้ว”
“อืม”
“จวนโหวแห่งนี้ถึงกับเตรียมโอสถวิญญาณให้กับเด็กในครรภ์ทุกคน เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับสายโลหิตที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นอย่างมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยามที่ข้าถือกำเนิดก็ต้องล้ำเลิศเป็นแน่! เกิดมาก็เป็น ‘บุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์’ กระตุ้นให้ทั้งจวนโหวบ่มเพาะกันอย่างสุดกำลัง หลังจากนั้นข้าก็นับได้ว่าร้ายกาจอยู่บ้าง ก็เข้าใจได้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบประมาณการ
ต้องทำให้ตนเองกลายเป็น ‘บุตรผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์’
“ในวิถีทั้งสี่ที่ข้าคุ้นเคยที่สุด สิ่งที่คล้ายคลึงกันที่สุดของอากาศอันสับสนอลหม่านและดินแดนจิตโลกาก็คือ ‘ห้วงอากาศ’ บำเพ็ญวิถีห้วงอากาศก็จะสบายกว่าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ “ก็เลือกมันแล้วกัน”
นอกจากนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงยังค้นพบในจุดที่ว่าภายในร่างกายของตนมีสายโลหิตแฝงเร้นอยู่มากมาย แต่ละสายก็มีความเชี่ยวชาญของใครของมัน เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นบุญคุณจากชนรุ่นก่อน สายโลหิตในประเภทห้วงอากาศก็มีอยู่ถึงสิบเอ็ดประเภทแล้ว แต่ดูเหมือนว่าต่างก็ค่อนข้างอ่อนแอ ในบรรดาสายโลหิตห้วงอากาศสิบเอ็ดประเภทนี้…ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือสายโลหิตระดับเทพจักรวาล
ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอเป็นที่สุด แต่สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็มิใช่ปัญหาเลย!
“ดูสายโลหิตในกายข้า ดูท่าทางบรรพชนทางสายนี้ของข้าคงจะโน้มเอียงไปทางเปลวเพลิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “น่าเสียดายที่ข้าไม่เชี่ยวชาญทางด้านเปลวเพลิง ก็เอาเป็นสายโลหิตห้วงอากาศระดับเทพจักรวาลนั่นก็แล้วกัน!”
“เลือกมันก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจแล้ว วิถีการบำเพ็ญสายโลหิตของตนก็กระตุ้นสายโลหิตอันอ่อนแอในร่างกายตนที่สิ่งมีชีวิตเทพจักรวาลผู้นี้แบ่งเอาไว้ไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นให้หลัง
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า
ตัวอ่อนภายในครรภ์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น ก็ย่อมเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเทพโลกาเป็นธรรมดา วิญญาณก็ยิ่งแกร่งขึ้น บำเพ็ญได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เจาะลึกสายโลหิตห้วงอากาศได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น ระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงสูงส่งเหลือเกิน พอบำเพ็ญขึ้นมาก็ย่อมยกระดับทะยานขึ้นอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังดูดซับพลังฟ้าดินของโลกภายนอกอย่างอ่อนโยนยิ่ง ถึงแม้จะอ่อนโยนแต่ก็ดูดซับอยู่ตลอดเวลา พลังฟ้าดินทุกส่วนที่ดูดซับต่างก็แทรกซึมเข้าไปในร่างตัวอ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ข้าอยู่ในครรภ์มารดามาสามปีแล้ว เหตุใดจึงรู้สึกว่ายังอยู่ห่างจากการถือกำเนิดอีกมากนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงแปลกใจอยู่บ้าง “ที่แท้แล้วต้องคอยอยู่ในครรภ์มารดาอีกเนิ่นนานเท่าใดกันนี่”
……
ณ จวนท่านโหวหั่วเลี่ย ภายในลานเล็กอันห่างไกล
มีเพียงสาวใช้ที่ไม่ฟังคำสั่งคนหนึ่งรับใช้อยู่ ทว่าในใจของหรงซิงหลันในระยะนี้กลับเต็มไปด้วยความปิติยินดี เพราะว่านางมองเห็นความหวังแล้ว
“ลูกของข้าเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเหลือเกิน” หรงซิงหลันลูบไล้ครรภ์ของตนเอง นางสามารถรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของตัวอ่อนในท้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน “ตอนนี้เกรงว่าคงต้องเป็นเทพโลกาสวรรค์สามชั้นแล้วกระมัง”
“ท่านแม่ ตอนนั้นข้ารออยู่ในครรภ์ท่านสิบห้าปีกว่าจะถือกำเนิด พรสวรรค์ของน้องชายสูงส่งกว่าข้ามากนัก กลัวว่าจะต้องคอยนานกว่าอีกเป็นแน่” สตรีอาภรณ์เขียวที่อยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความคาดหวังเช่นกัน เพราะว่าสมาชิกที่มีสถานะสูงส่งทุกคนของจวนท่านโหวหั่วเลี่ยต่างก็มีฮูหยินกลุ่มใหญ่ ดังนั้นบุตรชายหญิงจำนวนมากถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน เกรงว่าแม้จะพบหน้าก็ไม่รู้จักกัน ความผูกพันที่มีต่อกันช่างผิวเผินยิ่ง
ในทางกลับกัน โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ร่วมมารดาเดียวกันก็มีความสัมพันธ์อันดียิ่งต่อกัน เพราะว่าเคล็ดวิชาลับเป็นเหตุ สตรีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์บุตรที่กล้าแกร่งออกมาได้ ให้กำเนิดแล้วสามารถให้กำเนิดออกมาได้สองสามคนก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“อืม ในความคิดของข้า น้องชายเจ้าสามารถอยู่ในครรภ์ได้นานกว่าห้าสิบปี หรือแม้กระทั่งแปดสิบปี” หรงซิงหลันดวงตาเป็นประกายกล้า นางมองเห็นความหวังของตนหลังผ่านครึ่งชีวิตอันแสนธรรมดามาแล้ว “เขาจะต้องถูกบ่มเพาะอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แม้กระทั่งชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดก็ต้องได้ดื่มมากอีกหน่อย”
ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดนั้นจะถูกจัดส่งมาทุกปี ปีละหนึ่งถ้วย
ยิ่งอยู่ในครรภ์นานก็ยิ่งได้ดื่มมาก ในทางกลับกันจวนโหวกลับยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ายิ่งอยู่ในครรภ์นานก็ยิ่งหมายความถึงศักยภาพ หมายถึงความแกร่งกล้าของสายโลหิต อย่างเช่นในประวัติศาสตร์จวนท่านโหวหั่วเลี่ยก็มีพวกที่ดีหน่อยที่ถือกำเนิดมาแล้วเป็นเทพแท้ มีแม้กระทั่งผู้ที่ฟูมฟักอยู่ในครรภ์นานถถึงร้อยสองร้อยปี พอเกิดมาก็เป็นผู้ปกครองเทพแท้แล้ว
ที่รัฐเมฆทักษิณา ภายในตระกูลอ๋องโหวอื่นๆ มีผู้ที่อยู่ในครรภ์นานหลายร้อยปี พอถือกำเนิดออกมาแล้วก็เป็นเทพอากาศ! ที่อากาศอันสับสนอลหม่านที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจากมา สิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศชั้นกลาง พอผู้มีพรสวรรค์ถือกำเนิดมาแล้วก็เป็นเทพอากาศ
“น้องชายเจ้าถือกำเนิดออกมา เกรงว่าก็คงเป็นเทพแท้ ในอนาคตก็จะยิ่งบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” หญิงสาว ‘หรงซิงหลัน’ ลูบไล้ครรภ์ของตน บนใบหน้าเต็มไปด้วยประกาย
……
ปีที่เก้าของการตั้งครรภ์
หรงซิงหลันค้นพบด้วยความตกตะลึงว่ากลิ่นอายของเด็กน้อยในครรภ์ยกระดับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ไปถึงระดับเทพแท้แล้ว!
“เป็นเทพแท้แล้วหรือ” หรงซิงหลันตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด “ดูท่าทางสายโลหิตของบุตรชายข้าจะร้ายกาจเป็นที่สุดเลยทีเดียว”
ถึงแม้ว่าอิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดาจะค่อนข้างไม่ได้ความ เป็นถึงบุตรชายของท่านโหวหั่วเลี่ย ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ผู้ปกครองเทพแท้คนหนึ่งเท่านั้น หรงซิงหลันผู้เป็นมารดาก็ยิ่งอ่อนแอ เป็นเพียงแค่เทพโลกาเท่านั้น
แต่ลูกของพวกเขา หากว่าตามเหตุผลแล้วก็ต้องอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีบางทีที่อาจมีผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศออกมา ถึงอย่างไรก็อาจมีการแหวกพันธุกรรมของสายโลหิตได้บ้างเป็นบางครั้ง
สำหรับหรงซิงหลัน เห็นได้ชัดว่าบุตรชายของนางจะต้องมีสายโลหิตที่ไม่ธรรมดาแน่
“ฮูหยิน ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดที่ภายในจวนส่งมาให้” ก็คือชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดที่ส่งมาให้ปีละครั้งนั่นเอง สาวใช้ผลักประตูลานบ้านเปิดออกแล้วเดินยกถาดไม้เข้ามา ที่นอกลานบ้านมีผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาคนหนึ่งยืนอยู่
“ท่านแม่ของข้าอ่อนเพลียเล็กน้อย ส่งมาเถิด” สตรีอาภรณ์เขียวออกมานอกเรือนแล้วตะโกนขึ้น
“ดื่มในลานบ้านสิ!” ผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาที่อยู่นอกลานบ้านเอ่ยอย่างเย็นชา ชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดนี้จะต้องให้หญิงตั้งครรภ์ดื่มจนหมด นี่คือกฎของจวนโหว! เพราะว่าสตรีกลุ่มใหญ่ของจวนโหวมีสถานะอันต่ำต้อย เก็บหอมรอมริบชั่วชีวิตก็ยังไม่มีปัญญาซื้อชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดสักถ้วยหนึ่งได้เลย กลัวหญิงตั้งครรภ์ของจวนโหวเหล่านี้จะไม่ดื่มแล้วเก็บเอาไปขายทิ้งข้างนอกแทน
ดังนั้นจึงจะต้องเห็นว่าดื่มลงไปหมดด้วยตาตนเอง!
“เจ้าค่ะ”
ถึงแม้ว่าหรงซิงหลันจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังออกมา นางออกมารับชาดอกไม้วิญญาณชั้นเจ็ดไปอย่างรวดเร็ว พอเงยหน้าดื่มลงไปแล้วก็ก็เข้าไปในบ้านทันที
“หยุดนะ” ผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาตะโกน
หรงซิงหลันสะดุ้งคราหนึ่ง
ผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย เขาหันหน้าแล้วเดินไป
หรงซิงหลันและสตรีอาภรณ์เขียวยืนเคียงไหล่กันมองดูผู้เฒ่าที่แสนเย็นชาเดินจากไป บนใบหน้าต่างก็เผยแววกระวนกระวาย
“ยุ่งยากแล้วสิ ถูกค้นพบเข้าเสียแล้ว” สตรีอาภรณ์เขียวถ่ายเสียงพูด
“ข้าก็รู้เพียงแค่ว่าหากออกมาก็หลบไม่พ้น ตาเฒ่าผู้นั้นจะต้องค้นพบอย่างแน่นอน” หรงซิงหลันขบกราม กลิ่นอายของเทพโลกาและเทพแท้นั้นแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เด็กน้อยในครรภ์เป็นเทพแท้ แต่ตัวหรงซิงหลันเองยังเป็นเพียงแค่เทพโลกาเท่านั้น! ย่อมไม่มีทางปิดบังกลิ่นอายของเด็กในท้องได้อยู่แล้ว
“ฮูหยินใหญ่จะลงมือทำอะไรหรือไม่” สตรีอาภรณ์เขียวกังวลใจ
“ไม่กลัวหรอก! จวนโหวให้ความสำคัญกับทารกที่สืบทอดสายโลหิตเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากลงมือ เช่นนั้นก็จะเป็นความผิดอันใหญ่หลวง! ”หรงซิงหลันขบกราม “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าต่อให้ข้าต้องสละชีวิต ก็ต้องปกป้องลูกชายข้าให้ได้”
นาง หรงซิงหลัน อยู่อย่างสมถะมาครึ่งชีวิต
ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวผู้อ่อนแอที่ธรรมดาอย่างยิ่งคนหนึ่งในเมืองอัคคีโชติ ถูกสมาชิกตระกูลอ๋องโหวที่มีสถานะสูงส่งผู้นั้นบีบบังคับจับตัวมาก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ถูกฮูหยินใหญ่รังแกก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเช่นกัน แต่ทว่าตอนนี้ ชั่วชีวิตนี้ของนางก็เพิ่งจะเผยคมเขี้ยวอันอ่อนแอของตนเป็นครั้งแรก เพียงเพื่อปกป้องบุตรผู้มีอนาคตอันสดใส
ใครหน้าไหนก็มาทำร้ายลูกของนางมิได้
……………………………………