บทที่ 555 เหมือนผู้หญิงล้วนเป็นอย่างนี้กันหมด

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

สายตาผู้คนรอบกายทำให้พนาวันรู้สึกขมฝาดมากพอแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้ยิ่งเหมือนแทงทะลุเข้าหัวใจเธอ

เพื่อปกปิดอารมณ์ เธอหลุบตาลงมองพื้น“ฉันเดินไม่ไหวและเล่นไม่ได้ พวกคุณไปเถอะ ฉันรอที่ร้านกาแฟ”

“คุณเป็นคนบอกว่าจะมาสวนสนุกเอง แล้วคนที่อยากออกไปก็ยังเป็นคุณอีก คุณจงใจแกล้งผมใช่ไหม?”

โครงหน้าได้รูปของอาคิระพูดจาเย็นยะเยือกเข้ากระดูก

พนาวันพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย“คนขาเป๋อย่างฉันจะเล่นยังไง?พวกคุณสามคนเล่นสนุกกันดีนี่ ฉันไปก็ทำให้ยุ่งยากเปล่า ๆ”

อาคิระเลิกคิ้ว นัยน์ตาแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายสังหาร คว้าข้อมือเธอมาแล้วเดินไปด้านหน้า

พนาวันรู้สึกอึ้ง

เธอเงยหน้ามองพลันเห็นแผ่นหลังกำยำของผู้ชาย

อาคิระกำลังดึงมือเธอแล้วเดินไปด้านหน้า

พลันรู้สึกอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูก ทว่าเมื่อเทียบกับเมื่อครู่แล้ว ตอนนี้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น ความเจ็บปวดในใจก็จางหายทีละนิด

คนประเภทเธอ คนอื่นให้กินลูกอมนิดหน่อยก็รู้สึกหวานชื่นรื่นรมย์แล้ว

ก้มหน้า พนาวันมองพวกเธอกำลังจูงมือกันอยู่

นิ้วมือที่เห็นกระดูกชัดเจนของเขา เล็บมือตัดได้เรียบร้อยและสะอาด เมื่อจับข้อมือเธอ อุณหภูมิร้อน ๆ พลันส่งผ่านผิวหนังเข้าร่างกายภายในเธอ

หัวใจพนาวันเต้นระรัว เอาแต่ต้องมองแผ่นหลังของเขา

เมื่ออาคิระพาเธอเดินไปยังเครื่องเล่นสุดท้ายก็ปล่อยมือเธอ จากนั้นก็ยืนอยู่ด้านหน้าชิงช้าสวรรค์

เมื่อก่อนเคยได้ยินตำนานน่าตรึงใจของชิงช้าสวรรค์มากมาย เธอเงยหน้ามองด้วยความวาดหวังรอคอย ทว่าก็เจือความใจเสาะไว้ในทีด้วย

หมีพูลดึงมือของเธอ“คุณแม่ครับ นั่งอันนี้นะครับ?วันนี้เป็นวันเกิดผม คุณแม่นั่งเป็นเพื่อนผมนะครับ”

เธอใจอ่อน และมีข้ออ้างพอดีจึงตอบว่า“ได้”

พวกเธอเริ่มต่อแถว ตอนนี้หมีพูลติดอาคิระมาก จูงมือเขาไม่ปล่อย

พนาวันจึงต่อแถวด้านหลังสุด

พนักงานหญิงร่างอ้วนท้วน กำลังกินเมล็ดทานตะวันไปพลาง พูดด้วยใบหน้าดูถูกไปพลาง ท่าทางไม่ได้เป็นมิตรสักเลย

เมื่อถึงคิวพนาวัน เธอก็ยกมือขวาง พลางทำตาขวางใส่ ก่อนจะพูดออกมาว่า“ขาคุณมีปัญหา คนขาเป๋ขึ้นไปไม่ได้ คุณไปเถอะ”

แขกคนอื่นต่างหันหน้ากลับมามอง

พนาวันตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ หัวใจราวกับถูกมีดคมเฉือน เธอจับราวจับไว้แน่น

“ที่ฉันพูดไม่ได้ยินหรือไง? คุณเป็นคนขาเป๋มาแจมอะไรด้วย?” หญิงอ้วนพูดอย่างเหลืออด

“ใช่แล้ว อย่าเล่นเลย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำยังไง?”

“เขาหวังดีต่อคุณนะ อย่าเล่นเลย ไปเถอะ”

“……”

พนาวันเหมือนตัวตลก ถูกเยาะเย้ยอยู่ตรงกลาง

ทันใดนั้นเกิดเงาร่างหนึ่งขึ้น อาคิระจับคอเสื้อหญิงอ้วนขึ้น จากนั้นก็ถามเสียงดุดัน “แม่ง ว่าใครขาเป๋?”

“เธอเดินกะเผลกอย่างนี้ไม่ใช่คนขาเป๋แล้วเป็นอะไร?” หญิงอ้วนพูดด้วยความโมโหมากขึ้น

สิ้นเสียง อาคิระก็ชกหน้าผู้หญิงอ้วกคนนั้น

หญิงอ้วนนึกไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ เธอเซถอยหลังไปหลายก้าว จมูกมีเลือดสดไหลลงมา

หญิงอ้วนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บ

พนักงานคนอื่นเดินเข้ามาหลายคน อาคิระปล่อยลูกหมัดใส่ผู้หญิงอ้วนคนนี้อีกครั้ง

พนักงานที่ทำงานด้วยกันล้วนเป็นเพื่อนกับหญิงอ้วน ต่างทำหน้ายโสโอหังเหมือนกันหมด“ชกหน้าคนโดยไร้สาเหตุ ต้องขอโทษ ไม่งั้นชิงช้าสวรรค์ก็ไม่เปิดแล้ว”

“ฝันไปเถอะ”

“ท่าทางก้าวร้าวแบบนี้ แจ้งความเลย ให้ตำรวจมาจับตัวเขาไปเลย”

ขอโทษเหรอ?

เป็นคำพูดที่อาคิระฟังแล้วรู้สึกน่าขันที่สุดในรอบสามสิบปีเลย

นัยน์ตาเย็นแข็งทิ่มแทงร่างกายพวกเขา เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาผู้จัดการสวนสนุก “มาให้ผมให้เร็วที่สุด”

ผู้จัดการได้ยินก็รีบมา

พนักงานสมัครสมานสามัคคีกัน “เขาชกหน้าโดยไร้สาเหตุค่ะ ยังก่อความวุ่นวายอีกค่ะ ชิงช้าสวรรค์จึงเปิดบริการไม่ได้ค่ะ”

สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ ผู้จัดการไม่แม้แต่จะมองพวกเขาปราดหนึ่ง หากแต่พูดกับอาคิระอย่างนอบน้อม “ท่านประธานอาคิระ”

“พวกสุนัขพวกแมวก็เข้ามาทำงานในสวนสนุกได้หรือ? ไอ้พวกที่ไม่เหมือนมนุษย์พวกนี้นายให้เข้ามารับเงินเดือนที่ผมจ่ายหรือ?”

ตอนอาคิระเบิดอารมณ์ขึ้นมาจะไม่รักษาน้ำใจใด ๆ พูดแบบฟังไม่ได้ว่า“รีบให้พวกเขาไสหัวไปให้พ้น ๆ ”

ผู้จัดการตกใจกลัวจนเหงื่อไหลซึม รีบขานรับ จากนั้นก็จ่ายค่าแรงพวกเขาแล้วให้ออกไป

“คนก่อเรื่องเป็นเขา แต่คนถูกไล่ออกคือพวกเรา เชื่อไหมว่าพวกเราสามารถลงโซเชียลได้?”

“ใช่ พวกเราไม่ไป”

“ถ่ายรูปลงโซเชียลเลย ให้ทุกคนดูความน่าเกลียดของเขา ถึงกับกล้าลงมือทำร้ายผู้หญิง”

พวกเขายังคงโวยวาย ผู้จัดการเตือนว่า“เขาเป็นประธานอนันต์ธชัยกรุ๊ป พวกเธอไปต่อกรกับเขา ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ? เขาลงทุนในสวนสนุกแห่งนี้มากที่สุด พวกเธอไม่รู้จักกระทั่งเจ้านายตัวเอง ไป ไป ไป”

ผู้จัดการส่งพนักงานอื่นมาทำงานแทนทันที เครื่องเล่นจึงเริ่มทำงาน

อาคิระเล่นอยู่ในชิงช้าสวรรค์ด้วยความหงุดหงิด

เขาดึงเสื้อเชิ้ต จากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อ

จากนั้นสายตาเขาก็หยุดอยู่ตรงพนาวัน ใบหน้ามืดครึ้ม พูดโมโหต่อหน้าหมีพูลกับพิมแสง

“อยากทำหน้าอาคิระอย่างผมขายหน้าเหรอ คุณไม่มีมือไม่มีเท้า หรือไม่มีปากเหรอ? ใครด่าคุณหนึ่งประโยค คุณก็สวนกลับสองประโยคเลย ถ้าด่าไม่ชนะก็ลงไม้ลงมือได้ หยิบก้อนอิฐแล้วปาใส่เขาเลย ถ้าพวกมันยังสามหาวอีกก็ปาให้เลือดไหลเลย”

พนาวันจ้องมองเขา ก่อนจะกวาดสายตามองมือที่แดงเล็กน้อยของเขา ทว่าไม่ได้พูดอะไร

คนอื่นในชิงช้าสวรรค์เพลิดเพลินกับความเงียบสงัด ดื่มด่ำอากาศบนที่สุด และเชยชมความงามด้านล่าง

ส่วนกระเช้าชิงช้าสวรรค์ของพวกเขากลับเต็มไปด้วยเสียงโมโหและใบหน้าดุร้ายของอาคิระ

หมีพูลอยู่ด้วย พนาวันจึงกล่าวว่า“อย่าสอนให้ลูกเสียคน”

“สอนให้ลูกเสียคนเหรอ?”

จุดเปลิวไฟแห่งความเกรี้ยวกราดของอาคิระอีกครั้ง พูดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า“ผมพูดไปตั้งเยอะ แต่คุณฟังไม่เข้าสมองเลยเหรอ? ก็ได้ วันหลังโดนคนอื่นรังแกก็อย่าทำหน้าจะเป็นจะตายให้ผมเห็นล่ะ ผมเห็นแล้วจะตบหน้าให้ คุณจำไว้ให้ดี และยังมีลูกอีก จำไว้ให้ดีด้วย”

หมีพูลรีบพยักหน้า สื่อให้รู้ว่าตัวเองเข้าใจแล้ว

เขาแกะกระดุมเสื้ออีกสองเม็ด อาคิระถือขวดน้ำขึ้นมาปิด จากนั้นก็ดื่มคำโต ๆ เข้าลำคอตัวเอง

หลังจากระเบิดอารมณ์แล้วก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมา

พนาวันมองท่าทางเขาอยู่เงียบ ๆ แล้วรู้สึกหัวใจพองโต เพราะการกระทำของเขาเมื่อครู่ทำให้เธออบอุ่นใจยิ่ง

เขาไม่ได้พูดจาเยาะเย้ย แต่เป็นการปกป้องเธอ

ไม่ว่าจะทำไปเพราะชื่อเสียงเขา หรือทนดูไม่ได้ แต่ล้วนเป็นการปกป้องเธอทั้งสิ้น

เธอไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความแดกดันและความขายหน้าไม่สำคัญอีกต่อไป ขอเพียงชายในดวงใจเผื่อแผ่ความใส่ใจมาให้แม้เพียงเศษเสี้ยว เธอก็จะลืมเลือนทุกความเจ็บปวด

ผู้หญิงเป็นแบบนี้กันหมดหรือเปล่า?

ชิงช้าสวรรค์พกพาความสุขมาให้ผู้คนจริง ๆ