ตามมาด้วยเสียงพูดนั้น มุมปากของเหวินเอ้อร์เผยรอยยิ้มชั่วร้ายเดินออกมาจากดงไม้อย่างไม่รีบไม่ร้อน และพูดด้วยรอยยิ้มที่แฝงความมืดทะมึน “แม่นางเมิ่ง เป็นอย่างไรบ้าง ข้ากับคุณชายเฮ่อร่วมมือกัน เจ้าจะยังมีทางรอดได้อีกหรือ”
ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวขรึมลง ใบหน้ากลับไม่ได้มีความหวาดหวั่น เบะริมฝีปากเล็กน้อย ยังคงพูดเหยียดหยาม “พวกเจ้าทั้งสองประมาณตัวเองสูงเกินไปหน่อยกระมัง แค่พวกเจ้า ก็คิดจะหยุดข้าเชียวหรือ”
เหวินเอ้อร์ดูมีเล่ห์เหลี่ยมขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา และปรบมือหลายครั้ง “แม่นางเมิ่งช่างสมเป็นสตรีดีเด่นผู้เก่งฉกาจ ความกล้าหาญของเจ้าทำให้คนต้องนับถือจริงทีเดียว แต่น่าเสียดาย เจ้าทะนงตัวเกินไปแล้ว ทะนงจนคิดว่าแค่พวกเจ้าไม่กี่คนก็จะหนีพ้นแหฟ้าตาข่ายดินที่พวกข้าวางไว้ ช่างเป็นคนโง่ที่ชอบฝันเฟื่องเสียจริง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนม้า พูดแสยะยิ้ม “คุณชายเหวินเอ้อร์ คำนี้พูดเร็วเกินไปหน่อยนะเจ้าคะ เป็นคนโง่ที่ชอบฝันเฟื่องหรือไม่ อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้แล้ว”
เหวินเอ้อร์ส่ายหน้าอย่างเสียดาย “วาทะคารมที่คมคายของแม่นางเมิ่งข้านับถือมาโดยตลอด น่าเสียดายนัก อีกไม่นานเจ้าก็จะตายแล้ว แต่เห็นแก่พวกเราที่รักใคร่ปรองดองกัน ข้ารับประกันกับเจ้าว่าข้าจะเหลือศพสภาพสมบูรณ์ไว้ให้เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มและส่ายหน้าเช่นกัน “คุณชายเหวินเอ้อร์ยกยอตัวเองสูงเกินหน่อยไปแล้ว ไม่รู้ว่าตัวข้าไปรักใคร่ปรองดองกับเจ้าตอนไหน ข้าสามารถรับประกันได้เช่นกัน ถ้าหากวันนี้เจ้าทำให้คนรอบตัวของข้าได้รับบาดเจ็บ หลังจากเจ้าตาย ข้าจะบดกระดูกของเจ้าให้เป็นผุยผงอย่างแน่นอน”
เหวินเอ้อร์อึ้งชะงักไป
เฮ่อเหลี่ยนทนต่อไม่ไหวแล้ว ตวาดใส่เขา “จะพูดจาไร้สาระมากมายเช่นนี้กับนังชั้นต่ำนี่ทำไมกัน รีบสั่งให้คนลงมือ และเผด็จศึกโดยเร็ว ข้ากำลังรอจัดการกับเจ้าสามหาวนั่นต่อไปอยู่นะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังเข้าใจในความหมายของคำพูดเขา จึงแผดเสียงถาม “พวกเจ้าทำอะไรกับอี้เซวียน”
เฮ่อเหลี่ยนยิ้มตาหยี เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ทำอะไรน่ะหรือ แน่นอนว่าส่งเขาไปในทางที่ดีแล้วสิ คู่รักดั่งนกเป็ดน้ำอย่างพวกเจ้าที่ชะตาชีวิตลำบากแสนเข็ญมาตลอดจะได้เดินเคียงคู่บนถนนยมโลกด้วยกัน ไม่ต้องอ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างไรล่ะ”
ใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนเผยความดุร้าย ไอของร่างกายแผ่ซ่านออกมาทั่วสรรพางค์กาย ราวกลับกลายเป็นมีดที่แหลมคมเล่มหนึ่งโดยชั่วขณะทันที
แม้ว่าจะมีเชือกขวางม้ากั้นไว้หลายเส้น เฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์ก็ถูกไออำมหิตของนางกดดันจนทำให้ขาต้องก้าวถอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้
เหวินเอ้อร์ราวกับตระหนักได้ว่าการกระทำเช่นนี้ของตัวเองช่างน่าขันสิ้นดี จึงหยุดเท้า แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง แล้วปรบมือ ในดงป่าสองข้างทางมีคนสวมชุดดำหลายคนกระโจนออกมาทันที มือและร่างกายของแต่ละคนคล่องแคล่วว่องไว ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีวิทยายุทธ์ขั้นสูง
ชิงหลวนกับจูหลีตกใจ ดันให้ม้าเข้ามาขวางกั้นที่ข้างกายของเมิ่งเชี่ยนโยว
เหวินเอ้อร์แสร้งตีหน้าเซ่อ “แม่นางเมิ่ง เจ้าจะยอมยื่นมือมาให้จับ เพื่อให้ข้าเหลือศพเจ้าอย่างสมบูรณ์ดี? หรือว่าให้คนของข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วส่งไปเป็นคู่พร้อมกับเด็กน้อยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่น…ดีนะ?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด กริชบนมือของเมิ่งเชี่ยนโยวลอยไปหาเขา
วิทยายุทธ์ของเหวินเอ้อร์มิได้อ่อนด้อย แต่เมื่อต้องเผชิญกับกริชของเมิ่งเชี่ยนโยวที่ปามา แม้ว่าเขาจะตื่นตัวถอยออกไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่องแล้ว กลับหนีไม่พ้น กริชปาดผ่านใบหน้าเขาไป ทิ้งรอยเลือดบนใบหน้าเขาไว้ แล้วลอยกลับมาที่มือของเมิ่งเชี่ยนโยว
รู้สึกว่าใบหน้าเจ็บแสบเล็กน้อย เหวินเอ้อร์จึงเอามือลูบ กลับเห็นร่องรอยของเลือด สีหน้าฉุนเฉียวขึ้นมา พูดด้วยเสียงดุร้าย “ในเมื่อดื่มเหล้าคารวะไม่ชอบ อยากจะดื่มเหล้าปรับโทษให้ได้ เจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจอีกเลย”
พูดจบ โบกมือขึ้น คนชุดดำหลายสิบคนมุ่งหน้าบุกเข้ามาล้อมที่ด้านนี้ทันที
กัวเฟย เหวินเปียวและองครักษ์ลับสิบคนป้องกันอยู่ด้านหน้าสุด พร้อมตั้งล้อมชิงหลวน จูหลี และเมิ่งเชี่ยนโยวให้อยู่ด้านใน
วิทยายุทธ์ของพวกองครักษ์ลับแต่ละคนมิได้อ่อนด้อย เป็นมือดีอันดับต้นๆ แต่วันนี้ เฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์ราวกับลงทุนไปจำนวนมหาศาล ไม่รู้ว่าไปหาคนชุดดำเหล่านี้มาจากไหน วิทยายุทธ์ไม่ด้อยไปกว่าองครักษ์ลับเลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พลังของทั้งสองฝั่งก็ค่อนข้างสูสีกันแล้ว กัวเฟยและคนอื่นแค่ต้านทานก็ต้องเสียแรงมาก อีกทั้ง แม้ว่าทั้งสองฝั่งต่างยังไม่ได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย แต่เมื่อผ่านไปนาน องครักษ์ลับพวกนี้ก็จะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน
เฮ่อเหลี่ยนทำหน้าบึ้งตึง มองทางด้านนี้อย่างเย็นชา นัยน์ตาเต็มไปด้วยรังสีแห่งความหยาบช้าและบ้าคลั่ง ภายในใจของเขามีความคิดเพียงอย่างเดียวคือ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม วันนี้ก็ต้องฆ่าเมิ่งเชี่ยนโยวให้ได้
เหวินเอ้อร์คิดวางเล่ห์กล จึงกล่าวล่อพวกองครักษ์ลับที่กำลังตีต้านอย่างสุดชีวิตด้วยเสียงอันดัง “ความอาฆาตต้องมีต้นเหตุ หนี้สินต้องมีคนชดใช้ วันนี้ สิ่งที่พวกข้าต้องการก็คือชีวิตของเมิ่งเชี่ยนโยว มิได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า ขอเพียงแค่พวกเจ้าเปิดทางให้แต่โดยดี ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
ชิงหลวนทนไม่ไหวจึงสบถออกมาด้วยความโกรธ “ถุย คนชั้นต่ำที่ทำแต่เรื่องหยาบช้าเช่นเจ้า จะคิดเอาชีวิตนายหญิงของพวกเรา เพ้อเจ้อ”
ตั้งแต่ที่เหวินเอ้อร์ถูกนายท่านแห่งตระกูลเหวินไล่ออกจากบ้าน ก็ซ่อนตัวอยู่ที่ซีเฉิง ไม่กล้าโผล่หน้าไปที่เมืองหลวงอีก หลังจากนั้นก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนบีบบังคับให้ออกจากเมืองเหมือนสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง จึงเริ่มใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ประโยคนี้ของชิงหลวนทิ่มแทงบาดแผลในใจของเขา จึงทำให้เขาสูญเสียความคิดและเหตุผล ตะโกนบอกคนชุดดำอย่างบ้าคลั่ง “ฆ่าพวกมันให้หมด! ฆ่าพวกมันให้หมด!”
การบุกของคนชุดดำยิ่งรุนแรง ถึงแม้ว่าวิทยายุทธ์ขององครักษ์ลับจะสูงแค่ไหน แต่ก็ต้านทานได้ไม่นาน มีองครักษ์ลับคนหนึ่งที่ไม่ระวัง พลาดถูกคนชุดดำฟันเข้าที่ขา เลือดไหลกระฉูดออกมาโดยพลัน
ทันทีที่กัวเฟยเห็น จึงทำมือหลอกล่อ เพื่อหลบเลี่ยงคนสวมชุดดำที่โจมตีตัวเอง แล้วไปป้องกันอยู่หน้าเขา
ขาขององครักษ์ลับคนนี้เกือบจะขาดออกจากกัน เหลือแต่เนื้อหนังที่ติดกันเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้แผดเสียงร้องออกมา ยกมีดสั้นที่แหลมคมบนมือขึ้นคิดตั้งใจจะปาดคอของตัวเอง
กริชบนมือของเมิ่งเชี่ยนโยวถูกโยนคว่ำออกไป หลังมีดกระแทกเข้าที่มือเขา ทำให้มีดสั้นบนมือขององครักษ์ลับร่วงตกลงพื้น เขาจึงเงยหน้ามองนางด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเก็บกริชที่ย้อนกลับมา ลงจากม้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินไปตรงหน้าเขา ก้มศีรษะลง แล้วพูด “ยังไม่ถึงจุดที่สิ้นหวังที่สุด ใครก็จะฆ่าตัวตายไม่ได้”
องครักษ์ลับเจ็บปวดจนเหงื่อไหลไคลย้อย กลับยังคงอดกลั้น แล้วพูด “นายหญิง ข้าเป็นเช่นนี้จะพลอยทำให้พวกท่านลำบากไปด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่อกายลง เหยียดมือออกไป ชิงหลวนนำยาห้ามเลือดส่งให้นาง เปิดจุกขวดออก เอายาทั้งขวดราดลงแผลของเขา และเห็นเลือดไหลออกมาน้อยลงบ้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงจะพูดด้วยเสียงขรึมว่า “เป็นเพราะข้าต่างหากที่ทำให้พวกเจ้าต้องพลอยลำบากไปด้วย ถ้าตายก็ตายด้วยกัน ถ้าจะมีชีวิตข้าก็จะให้พวกเจ้ามีชีวิตไปด้วยกัน”
องครักษ์ลับที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินคำพูดนั้นของนางก็สั่นสะท้าน องครักษ์ลับคนอื่นต่างดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาทันที จู่ๆ ร่างกายก็เต็มไปด้วยพลัง กระบวนท่ายิ่งรวดเร็วและดุดัน ไม่นานก็ทำให้คนชุดดำหลายคนบาดเจ็บอย่างสาหัส
ศัตรูมีมากมายแต่พวกเราจำนวนน้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้ารอให้แรงกายของพวกองครักษ์ลับสูญสิ้นไปเกือบหมดแล้ว คนฝั่งของตัวเองก็อาจถึงขั้นที่ต้องขึ้นเขียงให้เขาเชือดเป็นแน่ จึงจำเป็นต้องรีบเผด็จศึกโดยเร็ว เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง “ชิงหลวน จูหลี ตามข้ามา!”
พูดจบ นางก็ได้บินกระโจนไปหาเฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์แล้ว
ชิงหลวนกับจูหลีตามอยู่ด้านหลังติดๆ
เฮ่อเหลี่ยนถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ
ราวกับว่าเหวินเอ้อร์คาดได้ตั้งนานแล้วว่านางจะมาไม้นี้ จึงมองนางด้วยความเยาะเย้ย แล้วโบกมือไปทางป่าไม้หนึ่งครั้ง ก็มีคนชุดดำจำนวนหนึ่งลอยตัวออกมากลางป่าไม้ และมีสองคนที่เข้ามาอยู่ด้านหน้าของเหวินเอ้อร์และเฮ่อเหลี่ยนโดยพลัน ส่วนคนที่เหลือที่ลอยตัวอยู่ในอากาศก็มุ่งตรงเข้าไปโจมตีพวกเมิ่งเชี่ยนโยวสามคนโดยตรง
เบื้องหน้าคือเชือกขวางม้า เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าสะเพร่า
ขณะที่คนสวมชุดดำโจมตี กริชในมือของนางก็ขว้างออกไปในเวลาเดียวกัน
กริชส่องประกายที่เย็นยะเยือก คนชุดดำรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งตลบเพื่อถอยกลับไป
ฝ่ายพวกเมิ่งเชี่ยนโยวจึงถือโอกาสนั้นกระโดดเข้าตรงหน้าของเฮ่อเหลี่ยนและเหวินเอ้อร์ ไม่พูดแม้แต่คำเดียว ก็ลงมือกับทั้งสองคนเลย
แม้ว่ามีคนชุดดำกันไว้ด้านหน้า เฮ่อเหลี่ยนก็ยังตื่นตระหนก ถอยหลังไปหลายก้าว เหวินเอ้อร์ก็ถอยหลังตามไปสองก้าวอย่างอดไม่ได้
เพียงแค่ล้มเฮ่อเหลี่ยนและเหวินเอ้อร์สองคนนี้ได้ คนที่เหลือก็ต้องหยุดมือ ดังนั้นทุกกระบวนท่าของเมิ่งเชี่ยนโยวล้วนคือฆ่าให้ตาย ไม่ลีลาอ้อมค้อมแม้แต่น้อย ส่วนชิงหลวนและจูหลีคุ้มกันอยู่ข้างกายนางเพื่อต้านคนชุดดำที่โจมตีมาจากทั้งสองด้าน
คนชุดดำเหล่านี้มีวิทยายุทธ์ที่แข็งแกร่งมากกว่าคนชุดดำพวกนั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะลงมือสุดแรง แต่ก็ไม่สามารถหาจังหวะที่ได้เปรียบจากพวกเขาเลย
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามถูกคนชุดดำล้อมจนไม่อาจปลีกตัวออกได้ เฮ่อเหลี่ยนทำจิตให้มั่นคง เงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดัง แล้วพูดอย่างบ้าคลั่ง “เมิ่งเชี่ยนโยว เวลาตายของเจ้าได้มาถึงแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจเผชิญหน้ากับคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้า
เป็นครั้งแรกที่เฮ่อเหลี่ยนสามารถเงยหน้าอ้าปาก หัวเราะออกมาไม่หยุดได้เช่นนี้
เหวินเอ้อร์ก็เผยรอยยิ้มที่มืดครึ้มน่าสะพรึง “เมิ่งเชี่ยนโยว การตายของแม่ข้าล้วนต้องขอบคุณที่เจ้าเมตตามอบให้ ข้าแทบอยากจากถลกหนังของเจ้า ทึ้งกระดูกของเจ้า ดื่มเลือดของเจ้า กินเนื้อของเจ้า ดังนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย ต้องตายสถานเดียว!” พูดมาถึงประโยคหลัง ตัวคนก็ได้คลุ้งคลั่งไปแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของเขาแม้แต่น้อย และตั้งมั่นเผชิญหน้ากับคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้า ลอบหาจังหวะเหมาะที่จะรับกระบวนท่าของคนชุดดำ แล้วย่อตัวลงตาม พร้อมพุ่งผ่านเท้าของคนชุดดำไป
คนชุดดำโดนกระบวนท่านี้ น่องขาก็ขาดออก นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น เสียงร้องโหยหวนที่น่าอนาถทำให้คนชุดดำที่เหลือตกใจจนใจรู้สึกครั่นคร้าม
ในใจของกัวเฟยยิ่งร้อนใจ ตัวเองก็โดนพวกคนชุดดำนี้ล้อมเอาไว้ ไม่อาจปลีกตัวออกได้ แต่คนชุดดำทางด้านนายหญิงฝีมือแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากนายหญิงเป็นอะไรไป เขาตายไปหลายชั่วโคตรก็ไม่อาจชำระความผิดได้
เวลาที่เขาสมาธิหลุดไปชั่วพริบตานี้ เผยช่องโหว่ ทำให้ถูกคนชุดดำฟันแขนขวาด้วยดาบเดียว แม้ว่าเขาจะคืนสติกลับมาได้บ้างในทันใด แต่กลับทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แขนครึ่งหนึ่งห้อยตกลง
เหวินเปียวต้านการโจมตีของคนชุดดำคนหนึ่งออก แล้วมาป้องกันอยู่ด้านหน้าเขา ถามอย่างเร่งรีบ “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ช่วงเวลานี้กัวเฟยก็ฟันเสื้อผ้าออกมาส่วนหนึ่ง แล้วพันแผลตัวเองเอาไว้ พร้อมตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่ทำให้ตายหรอก”
เหวินเปียวถอนหายใจโล่งอก และใช้กระบวนท่ารุนแรงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนชุดดำถอยออกไป พร้อมพูดว่า “ข้ารับมือด้านนี้เอง เจ้าไปคุ้มกันนายหญิง”
กัวเฟยรับคำ
ทว่า เพียงพูดนั้นง่าย หากแต่คนๆ หนึ่งต้องเผชิญหน้ากับคนชุดดำอีกห้าหกคน จึงไม่อาจบุกออกไปได้เลย
กัวเฟยควักประทัดสัญญาณออกจากในอกเสื้อหลายอัน แล้วปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่อง ระยะห่างจากเมืองหลวงนั้นค่อนข้างไกล และยังเป็นกลางวันที่ฟ้าสว่างอีก สัญญาณจึงไม่ค่อยเด่นชัด หวังว่าองครักษ์ลับที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวงจะสามารถสังเกตเห็นและมาช่วยเหลือพวกเขาได้ทันเวลา
เหวินเอ้อร์สังเกตเห็นสัญญาณลับที่กัวเฟยปล่อยออก ในใจก็รู้ว่าไม่ดีแล้ว จึงสั่งคนชุดดำด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “เร็ว พวกเขาเรียกกำลังเสริมแล้ว รีบจบศึกซะ”
คนชุดดำทุกคนเพิ่มความเร็วในการบุกโจมตี กัวเฟย เหวินเปียวและพวกองครักษ์ลับรู้สึกถึงความกดดันทันควัน
พวกเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคนก็เสียแรงไปอย่างมากเช่นกัน
สิบห้านาทีผ่านไปก็มีองครักษ์ลับคนหนึ่งถูกฟันแขนขาด แล้วล้มลงกับพื้น
องครักษ์ลับมีฝีมือเพียงเท่านี้ คนชุดดำก็มีกำลังใจฮึกเหิม การโจมตีก็ยิ่งดุเดือดขึ้น
องครักษ์ลับค่อยๆ ล้มลงทีละคน จนสุดท้ายเหลือแต่กัวเฟยและเหวินเปียวที่ถูกล้อมไว้อยู่ตรงกลาง
แม้คนชุดดำที่ล้อมพวกเขาจะเหลือเพียงแค่สิบกว่าคน แต่สำหรับสองคนนี้แล้วก็ถือว่าต้องลำบากเสียหน่อยโดยเฉพาะกัวเฟย แขนข้างซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บเกือบจะยกไม่ขึ้นอีก
สถานการณ์ของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ดีเช่นกัน เวลาผ่านไปนานเช่นนี้ พวกเขาทำให้คนชุดดำได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็บุกเข้าหาพวกนางอย่างสุดชีวิต และทั้งสามคนรู้สึกว่าแรงกายต้านทานไม่ค่อยไหวแล้ว
เวลาของสัญญาณที่กัวเฟยปล่อยออกผ่านไปนานแล้ว กลัวแต่ว่าองครักษ์ลับในเมืองหลวงจะเห็นสัญญาณนี้แล้วออกมาช่วยเหลือ ในใจของเหวินเอ้อร์จึงหวาดหวั่นยิ่งขึ้น และร้องเสียงดังท่ามกลางป่าไม้ “ยังไม่ออกมาอีก เจ้าจะรอถึงเมื่อไรกัน”
ร่างกายผอมบางคนหนึ่งเดินออกมาจากในป่าอย่างไม่เร่งไม่รีบ ปรากฏคนสวมชุดดำที่มีเผยสายตาเฉียบคมภายใต้หน้ากากที่ปิดบังใบหน้า
เหวินเอ้อร์รีบสั่งเขา “เร็วเข้า อีกประเดี๋ยวองครักษ์ทัพเสริมของพวกเขาก็จะมาถึงแล้ว รีบเผด็จศึกโดยเร็ว ฆ่านังเด็กเฮงซวยนั่นซะ”
ชัดเจนว่าผู้นี้คือหัวหน้าของคนชุดดำ เขาโบกมือ และสั่ง “ถอยออกมา!”
คนชุดดำทุกคนที่ล้อมพวกเมิ่งเชี่ยนโยวสามคนเอาไว้หยุดกระบวนท่า แล้วร่างกายก็กระโดดไปด้านหลัง กลับมาที่ข้างกายของคนสวมชุดดำคนนั้น
“แม่หนูน้อย ยอมให้จับเสียแต่โดยดีเถิด ถ้าข้าลงมือ จะไม่เหลือแม้แต่ศพของเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวหอบหายใจเฮือกใหญ่อย่างที่ให้คนอื่นสังเกตไม่เห็นได้ และกล่าวดูถูก “พูดจาอวดดียิ่งนัก คนที่อยากจะให้ข้าตายยังไม่เกิดหรอก”
หัวหน้าชุดดำส่ายศีรษะ “อายุยังเล็กยังน้อย วาจาคมคาย หาใช่เรื่องดีไม่ ข้าขอร้องเจ้าว่าเกิดไปชาติหน้าก็เจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง…”
เหวินเอ้อร์ขัดเขา พูดเร่ง “ไม่ต้องพูดจาไร้สาระกับนางแล้ว รีบจัดการนางซะ ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง พวกเรายังต้องรีบรุดไปช่วยอีก”
หัวหน้าชุดดำกระโดดขึ้นทันที แล้วกำลังภายในมหาศาลที่พุ่งเข้ามากลางอากาศ โจมตีเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกตัวหลบอย่างว่องไว แต่กลับโดนลมของเขาพัดจนร่างกายเหมือนกับว่าวที่เส้นเชือกขาดออก ลอยออกไปหลายจั้ง
“นายหญิง!”