ตอนที่ 197 ลอบสังหาร

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

เยี่ยเม่ยขมวดคิ้วด้วยความตกใจ ยื่นมือออกไปรับขวดกระเบื้องมา

 

 

นางสังเกตดูบนขวดไม่มีร่องรอยตัวอักษร จึงถามออกไปตามตรง “นี่มันคืออะไรกัน”

 

 

ระหว่างเอ่ยถาม หญิงสาวมองการแต่งกายของจิวมั่วเหอในวันนี้

 

 

ครั้งก่อนที่พบกัน นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้รูปงามเกินคนทั่วไป วันนี้พบเขาในเครื่องแบบทหารน่าเกรงขาม แสดงออกถึงความโดดเด่นของบุรุษแข็งแกร่ง ยิ่งทำให้เยี่ยเม่ยตะลึง สายตาฉายแววแปลกใจ

 

 

นางแค่นเสียงเบาๆ “ใต้เท้าจิวมั่ว ในที่สุดวันนี้ท่านก็สวมชุดที่เขากับตัวท่านเสียที เข้าใจแล้วใช่หรือไม่ว่าชุดนักบวชกับเสื้อผ้าธรรมดามันไม่เหมาะกับท่าน”

 

 

ในโลกนี้มีบุรุษประเภทหนึ่ง ขอแค่คนมองครั้งเดียวก็เห็นความหล่อเหลาที่ทรงอานุภาพ นับตั้งแต่ใบหน้าจนถึงสัดส่วนร่างกาย ในความรูปงามของเขาแฝงไปด้วยพละกำลังอันเข้มแข็ง บรรยากาศรอบกายเขาคือความแข็งแกร่งและองอาจ บุรุษเยี่ยงนี้เกิดมาเหมาะสมกับชุดทหารมาก ความดุดันและดิบเถื่อนเป็นคำอธิบายบุรุษประเภทนี้ได้ดีที่สุด

 

 

ส่วนจิวมั่วเหอเป็นบุรุษประเภทนี้อย่างมิต้องสงสัย

 

 

ร่างกายเขามีบรรยากาศที่แข็งแกร่งมากกว่าสิ่งใด นอกจากชุดทหารแล้ว ก็ไม่มีอาภรณ์แบบใดที่เหมาะสมกับเขาอีก

 

 

จิวมั่วเหอเพียงหัวเราะออกมาคำหนึ่ง น้ำเสียงยังคงไม่เป็นโล้เป็นพายเหมือนเคย “ในเมื่อเจ้ามองธาตุแท้ของข้าออก อย่างนั้นยังจะเสแสร้งไปทำไมอีก”

 

 

 “ฮี่…” เยี่ยเม่ยหัวเราะ แต่ไม่พูดจา

 

 

สายตานางจับจ้องอยู่ที่ขวดกระเบื้องในมือ รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย

 

 

สายตาของจิวมั่วเหอเคลื่อนไปที่ขวดกระเบื้องนั้น “ของสิ่งนี้เรียกว่าผงราชาหนอนพิษ เป็นของหายากในรอบร้อยปี เพราะว่าของสิ่งนี้ได้มาจากร่างกายของคนที่มีราชาหมื่นพิษอยู่ ซ้ำยังนำออกมาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สรรพคุณคือเมื่อกินเข้าไปแล้ว พิษทั้งหลายจะไม่อาจทำร้ายเจ้าได้ แต่ว่าระยะเวลาออกฤทธิ์ก็อยู่ที่จำนวนที่เจ้าดื่มเข้าไป ขวดเล็กๆ แบบนี้สามารถต่อต้านพิษทั้งหลายได้หนึ่งปี”

 

 

 “ความหมายก็คือ หลังจากข้าดื่มเข้าไป ภายในหนึ่งปีจะไม่มีพิษอะไรที่ทำร้ายข้าได้อย่างนั้นเหรอ” เยี่ยเม่ยมองจิวมั่วเหอ 

 

 

จิวมั่วเหอพยักหน้า ไม่รู้ว่าจนปัญญาหรืออิจฉา ก็เอ่ยตอบมาอีกว่า “ถูกแล้ว เป็นยาที่ช่วยให้ร้อยพิษไม่อาจกร่ำกรายทำอะไรเจ้าได้ ความจริงยังมีสรรพคุณอื่นอีกไม่น้อย มันไม่เพียงแค่ไม่ถูกพิษร้ายเท่านั้น หนอนพิษทั้งหลายก็ไม่เข้าใกล้เจ้าด้วย หากเจ้าเข้าใจวิชาพิษ ก็ยังสามารถควบคุมหนอนพิษได้”

 

 

นี่คือจุดที่ร้ายกาจที่สุดของผงราชาหนอนพิษ

 

 

 “อย่างนั้น หากคนที่ถูกพิษแล้ว กินเข้าไปจะช่วยให้…” นางคิดถึงจิ่วหุน หากช่วยถอนพิษให้เขาได้ ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดี

 

 

จากนั้น จิวมั่วเหอปรายตามองนาง “ข้าบอกแล้ว ทำให้ไม่ถูกพิษ ไม่ใช่ถอนพิษ สรรพคุณของมันคือป้องกันพิษ ไม่ใช่ช่วยถอนพิษ คนที่ถูกพิษแล้ว กินลงไปก็เสียเปล่า”

 

 

 “เข้าใจแล้ว” เยี่ยเม่ยพยักหน้า ถามต่อว่า “แต่ว่าของดีขนาดนี้ เจ้าทำไมไม่เก็บไว้เอง”

 

 

สารพัดพิษไม่เข้าใกล้ ถึงกระทั่งสามารถควบคุมหนอนพิษได้

 

 

เขากลับไม่ยึดเอาไว้เอง

 

 

จิวมั่วเหอแค่นเสียงหึ เอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ความหมายของท่านผู้เฒ่าคือให้เจ้ากับข้าแบ่งกันคนละครึ่งขวด แต่ข้าจิวมั่วเหอเป็นบุรุษ ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงสิ่งของกับสตรี ยกให้เจ้าทั้งหมดเลย ถือว่าข้ายอมให้เจ้าก็แล้วกัน”

 

 

 “ข้าชอบความใจกว้างของท่านจริงๆ” เยี่ยเม่ยไม่เกรงใจ รับไว้ทั้งหมด

 

 

นางรู้ว่าจิวมั่วเหอไม่มีทางมาที่นี่โดยไร้สาเหตุ จึงเอ่ยปากถามว่า “วันนี้ที่ท่านมาจะคุยเรื่องการร่วมมืออย่างนั้นเหรอ”

 

 

 “ไม่ใช่” สีหน้าของจิวมั่วเหอสงบลง “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเป่ยเฉินอี้แอบร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่แล้ว”

 

 

เยี่ยเม่ยตะลึงงัน “เป่ยเฉินอี้เพิ่งมาถึงเมืองเองไม่ใช่หรือไง”

 

 

ลงมือได้รวดเร็วปานนี้เชียว

 

 

จิวมั่วเหอหัวเราะเย็นชา กล่าวต่อ “ดูท่าก่อนมาถึง เรื่องนี้ก็วางแผนเอาไว้แล้ว”

 

 

 “เขาคิดทำอะไร” เยี่ยเม่ยจ้องจิวมั่วเหอ

 

 

จิวมั่วเหอแค่นเสียงเบาๆ น้ำเสียงเย็นชาเล่าว่า “เขาเสนอว่า ภายในหมากห้าก้าวจะช่วยพวกเราเอาชนะเจ้า แต่เขาร่วมมือด้วยจากใจจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นท่านข่านกำลังพิจารณาอยู่ แต่ข้ามองออก ท่านข่านหวั่นไหวกับข้อเสนอมาก หากพวกเขาร่วมมือกันจริงๆ สถานการณ์ของเจ้าอันตรายมาก”

 

 

เยี่ยเม่ยในยามนี้พลันรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มน่าสนุกขึ้นมา

 

 

ต้ามั่วแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ขั้วอำนาจของเป่ยเฉินก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย นี่ก็เท่ากับมีสี่ฝ่ายแล้ว จากนั้นทั้งสองกลุ่มต่างแยกสมคบคิดกับศัตรู ราชาต้ามั่วจะร่วมมือกับเป่ยเฉินอี้ ส่วนจิวมั่วเหอร่วมมือกับนาง นี่มันช่าง…

 

 

น่าสนุกและตื่นเต้นนัก

 

 

นางเป็นพวกชอบทำศึกที่น่าสนุก แล้วในสถานการณ์นี้นางก็ไม่อาจไม่รับศึก ดังนั้นจึงมองจิวมั่วเหอ “ท่านสืบได้หรือเปล่าว่า เป่ยเฉินอี้คิดใช้แผนอะไรเล่นงานข้า”

 

 

หมากห้าก้าว

 

 

นางล่ะแปลกใจจริงๆ

 

 

ครั้งก่อนเป่ยเฉินอี้บอกข้อผิดพลาดในการทำศึกของนางหลายข้อ นางยังจำได้แม่น อีกทั้งรู้สึกเลื่อมใส คราวนี้เขาบอกว่าจะเอาชนะนางภายในหมากห้าก้าว ภายใต้ความประหลาดใจก็ต้องระวังด้วย

 

 

จิวมั่วเหอตีหน้าขรึม “นี่เป็นสาเหตุที่ข้ามาเตือนเจ้าในวันนี้ คนที่เป่ยเฉินอี้ร่วมมือด้วยคือเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เขาจงรักภักดีกับราชาต้ามั่วมาก เขาป้องกันระแวงข้า ดังนั้นหากเขาร่วมมือกับเป่ยเฉินอี้สำเร็จ…”

 

 

 “อย่างนั้น เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่จะต้องตักเตือนราชาต้ามั่ว ให้ปกปิดข่าวสารกับท่าน ไม่ให้ท่านรับรู้หรือ” เยี่ยเม่ยถาม

 

 

จิวมั่วเหอพยักหน้าหนักใจ “เป็นอย่างนั้น ดังนั้นแผนการของเป่ยเฉินอี้ ต้องให้เจ้าแก้ไขเองแล้ว”

 

 

เยี่ยเม่ยมองเขาอย่างดูแคลน “ความหมายของท่านคือ ท่านแสร้งเป็นนักบวชอยู่นานขนาดนี้ ราชาต้ามั่วยังไม่เชื่อใจท่านอีกเหรอ”

 

 

จิวมั่วเหอมองสายตาดูแคลนของเยี่ยเม่ยออก เขาคัดค้านว่า “ไม่ใช่ไม่เชื่อใจข้า แต่เชื่อใจเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มากกว่า ชื่อเสียงของเขาในหมู่ทหารสู้ข้าไม่ได้ ขุมพลังก็ไม่อาจสู้ข้าได้ แต่เพราะเขามีบุญคุณช่วยชีวิตราชาต้ามั่ว ดังนั้นมีผลต่อการตัดสินใจของราชาต้ามั่วมากกว่าคนอื่นๆ”

 

 

ทีนี้เยี่ยเม่ยก็เข้าใจ เมื่อมีบุญคุณช่วยชีวิต ราชาต้ามั่วย่อมเชื่อเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มากกว่า

 

 

นางลูบคางใช้ความคิด พยักหน้าตอบว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว แต่ท่านก็หาวิธีร่วมมือกับข้าด้วย สืบข้อมูลมาให้มากหน่อย หากข้าพ่ายแพ้แล้ว แผนการของท่านก็จบเห่ ยามนี้พวกเราเหมือนตั๊กแตนที่ไต่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันแล้ว”

 

 

เยี่ยเม่ยตัดสินใจลากเขาลงน้ำด้วย

 

 

จิวมั่วเหอจะไม่เข้าใจความหมายของเยี่ยเม่ยได้อย่างไร เขาแค่นเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว ขอตัวก่อน”

 

 

 “อืม”

 

 

   ……

 

 

ล่วงเข้ายามจื่อ[1]

 

 

จิ่วหุนนอนหลับตาพักผ่อนบนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว

 

 

ในเวลานี้เอง

 

 

พลันปรากฏเงาร่างหกสายทะยานเข้ามาทางหน้าต่าง มีดในมือพุ่งเข้าไปฟันจิ่วหุนบนเตียงด้วยความรวดเร็ว

 

 

จิ่วหุนที่นอนอยู่เปิดตาขึ้นมาทันที กระเด้งตัวขึ้นมาหลบการจู่โจม

 

 

ทว่าในขณะที่กระโดดขึ้นมานั้น ฝ่ามือหนึ่งของคนปิดหน้าก็กระแทกหน้าอกเขา เดิมทีจิ่วหุนถูกพิษอยู่แล้ว เมื่อพิษกำเริบร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง เสี้ยวขณะนั้นไม่อาจหลบพ้น รับฝ่ามือเข้าไปอย่างจัง

 

 

 “อึก…” กระอักเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่ง

 

 

 

 

[1] 23.00-01.00 น.