หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 924 เข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน
ฟิ้ววว**!!!**
ในมิติแตกสลายที่มืดมิด ลำแสงกลุ่มหนึ่งทะยานผ่านพื้นที่ว่างเปล่า ผู้นำมีรัศมีหนาแน่น เหาะเหินผ่านไปราวกับดาวตก ทุกสิ่งที่บดบังอยู่เบื้องหน้าก็จะถูกทำลายให้กลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้รัศมีนี้
คนกลุ่มนี้ก็คือสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ส่วนผู้นำนอกเหนือจากมั่นถัวหลัวก็ไม่มีใครที่จะเป็นได้
พวกเขาเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง พุ่งตรงไปยังพีระมิดสีดำโดยใช้ความเร็วเต็มพิกัด ภายใต้การเดินทางด้วยความเร็วนี้ มู่เฉินก็ตระหนักได้ว่ามิตินี้กว้างใหญ่เพียงใด
ก่อนหน้าตอนที่มอง พีระมิดสีดำก็ดูไม่ไกลนัก แต่ตอนนี้เมื่อเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าระยะทางนี้ไกลแค่ไหน
พวกเขาใช้ความเร็วนี้เดินทางเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ระยะทางที่ห่างจากพีระมิดสีดำก็ยังคงเหมือนเดิม ทำให้ มู่เฉินแอบตกตะลึงในใจ
“ฮ่าๆ มิตินี้ผิดเพี้ยนมาก ดังนั้นการแสดงภาพในมิติแตกสลายทำให้เราคิดไปว่าพีระมิดสีดำอยู่ไม่ไกล แต่ในความเป็นจริงระยะทางไม่น้อยกว่าหลายหมื่นลี้เลย” สัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของมู่เฉิน เทียนจิ้วที่อยู่ด้านหน้าก็อธิบายด้วยรอยยิ้มบาง
มู่เฉินอุทานพลางพยักหน้า นี่เป็นการวิ่งจนตายเพราะเห็นพีระมิดจริงๆ
“แต่ตามความเร็วของเรา น่าจะไปถึงได้อีกในหนึ่งชั่วโมง มิติรอบขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนผันผวนมาก ดังนั้นอย่าได้สัมผัสซี้ซั้วไปทั่ว ไม่งั้นจะถูกดูดเข้าไปในความปั่นป่วนของมิติได้” เทียนจิ้วมองไปที่มู่เฉินและเหล่าผู้บัญชาการขณะพูดเตือน
“รับทราบ”
เหล่าผู้บัญชาการตอบรับอย่างพร้อมเพรียงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
เทียนจิ้วพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก ทุกคนเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น พวกเขาราวกับเส้นแสงแล่นผ่านขอบฟ้า เดินทางผ่านมิติแตกสลายด้วยความเร็วสูง
ภายใต้การเดินทางด้วยความเร็วสูง อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา มู่เฉินก็สังเกตเห็นมั่นถัวหลัวเริ่มชะลอความเร็วลง ทันใดนั้นเขาก็สะดุ้งในใจ เพราะเหมือนเห็นเงาไร้ขอบเขตทอดลงมาจากขอบฟ้าห่อหุ้มร่างพวกเขาไว้
มู่เฉินและคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นก็ต้องสูดเอาอากาศเย็นเข้าไปลึกสุดปอด นั่นเป็นเพราะในชั้นอากาศที่เบื้องหน้าพวกเขามีพีระมิดสีดำขนาดมหึมากำจายแรงกดขี่ที่น่ากลัวออกมา กระทั่งมู่เฉินยังรู้สึกว่าหนังหัวด้านชาจากแรงกดดันนี้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าพีระมิดสีดำน่าเกรงขามอย่างไร แต่เมื่อเข้ามาใกล้อย่างแท้จริงพวกเขาก็รู้สึกตกตะลึงสุดหัวใจ รูปลักษณ์ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ทำให้พวกเขาเกิดความเคารพยำเกรง
มิติโดยรอบพีระมิดดำเกิดการบิดเบี้ยวอย่างมากจากแรงกดดัน มีรอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและจางหายไป…
“นี่คือเป้าหมายของเราในครั้งนี้”
มั่นถัวหลัวยืนอยู่บนท้องฟ้าขณะจ้องมองพีระมิดมหึมา แม้ว่าร่างของนางจะบอบบางที่สุดในกลุ่ม แต่ทุกคนรู้ว่ามีพลังน่าสะพรึงกลัวอัดแน่นอยู่ภายในร่างเล็กจ้อยนี่
ในมหาพันภพ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูง ซึ่งเป็นขุมพลังเป้าหมายของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนเช่นกัน
“ท่านประมุข เราจะลงมือยังไง?” ซุยนอนที่ยืนอยู่ด้านหลังมั่นถัวหลัวก็เปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาขุ่นกวาดแสงคมชัดพร้อมกับแรงกดแผ่วเบา กระทั่งเทียบกับเทียนจิ้วและหลิงถง ความกดดันของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่า
มั่นถัวหลัวพยักหน้า “กองทัพอื่นก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน เราต้องรีบลงมือก่อนคนอื่น”
เมื่อพูดจบมั่นถัวหลัวก็เคลื่อนตัวไปทางพีระมิดสีดำอย่างช้าๆ รอยแตกมิติปรากฏขึ้นในสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง พยายามขัดขวางการเดินทางของนางเอาไว้ แต่เผชิญหน้ากับการต่อต้านแบบนี้ นางเพียงโบกมือก็ลบรอยร้าวซึ่งทำให้มู่เฉินและคนอื่นปวดหัวออก
ร่างของนางไปปรากฏที่เบื้องหน้าพีระมิดสีดำ เมื่อยืนอยู่ตรงนั้น นางก็มองเห็นได้ชัดเจนถึงลวดลายโบราณลึกลับบนพีระมิด มีคลื่นทรงพลังแผ่ออกมาเลือนราง
ระลอกคลื่นหลิงทรงพลังมาก แม้แต่มั่นถัวหลัวยังต้องหรี่ตา เมื่อเทียบกับผนึกก่อนหน้านี้ ที่นี่ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งนัก
แต่โชคดีที่นางเตรียมมาพร้อม
มั่นถัวหลัวยกมือขึ้น กำไลเฉียนคุนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายธารยาหยุ่นลั้วหลั่งไหลออกมา มองจากขนาดมีปริมาณมากกว่าครั้งก่อนเสียอีก
กะคร่าวๆ กระแสธารยาที่หมุนวนรอบร่างมั่นถัวหลัวมีไม่ต่ำกว่าสองแสนเม็ด กระทั่งคนที่อยู่ข้างหลังก็มองด้วยความปวดใจกับจำนวน ถ้าเม็ดเหล่านี้ถูกแปลงเป็นของเหลวจื้อจุนจะมีจำนวนเกินกว่าสองล้านหยดเลยทีเดียว…
ของเหลวจื้อจุนสองล้านหยด แม้แต่จอมยุทธ์ระดับจอมพลเทียนจิ้วยังอดใจหวั่นไม่ได้
มือของมั่นถัวหลัวถูเบาๆ เม็ดยาหยุ่นลั้วสองเม็ดก็ถูกบีบอัดอย่างรวดเร็วกลายเป็นของเหลวภายใต้สายตาเจ็บปวดของคนอื่น
ปุ! ปุ!
มั่นถัวหลัวสะบัดนิ้ว ของเหลวที่หนาแน่นประหนึ่งภูเขาก็พุ่งออกไปราวกับลูกธนูออกจากแล่ง ตรงไปยังพีระมิดสีดำอย่างไม่ขาดสาย
มั่นถัวหลัวรู้ดีว่าผนึกบนพีระมิดสีดำทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ยาหยุ่นลั้วสองแสนเม็ดจะทำลายได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นนางจึงเลือกที่เปิดรูขนาดเล็ก ของเหลวหยุ่นลั้วถูกกำหนดเป้าหมายบนพื้นที่ขนาดเล็กบนพีระมิดสีดำภายใต้การควบคุมที่ยอดเยี่ยมของนาง
ชี่! ชี่!
เมื่อของเหลวหยุ่นลั้วตกลงบนพีระมิดก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาตามคาด ลวดลายโบราณลึกลับบนพีระมิดเริ่มเลือนหายไปทีละน้อย…ละน้อย
เมื่อลวดลายสลายลง พีระมิดสีดำก็ดูเหมือนเริ่มหลอมละลาย ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรอยแตกขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้การกัดกร่อนของของเหลวหยุ่นลั้ว
ภายในเวลาไม่กี่นาทีเม็ดยาหยุ่นลั้วสองแสนเม็ดก็หมดลงอย่างสมบูรณ์ ขนาดของรอยแตกก็เพียงพอสำหรับคนจะลอดผ่านไปได้
“เตรียมพร้อมเข้าไป ระวังด้วยทุกคน” มั่นถัวหลัวมองที่รอยแตกก่อนจะหันกลับมาพูดกับทุกคน
“รับทราบ!”
คนอื่นๆ พยักหน้ารับทราบ ก่อนที่เข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนอันน่าสะพรึง ซากอารยธรรมที่พวกเขาเคยเข้าไปเทียบไม่ได้เลย แน่นอนว่าอันตรายที่อยู่ในนั้น สามารถทำให้ร่างกายกลายเป็นอากาศธาตุได้ทันที
มั่นถัวหลัวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร นางหันกลับแล้วย่างกรายเข้าไปในรอยแตก คนที่เหลือติดตามไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปในรอยแตก ความมืดหนาแน่นก็ปกคลุมเอาไว้ ทำให้มู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกถึงความหวาดกลัว ยามนี้พีระมิดสีดำราวกับสัตว์อสูรร้ายในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เปิดปากรอให้พวกเขาเข้าไป…
ความมืดครอบดวงตาทุกคน มู่เฉินก็สูดอากาศเต็มปอด เขาสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือด ในขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนแห่งนี้ คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่รุนแรงได้แล้ว
ขณะนี้มู่เฉินไม่รู้ว่านี่เป็นการสัมผัสผิดของตนเองหรือไม่ แต่วัตถุรูปสามเหลี่ยมลึกลับที่เขาได้รับมาก่อนหน้าเหมือนเกิดการสั่นสะเทือนเบาๆ
ถัดต่อจากรอยแตกคือความมืดลึกล้ำที่ไม่สามารถวัดได้ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว หลังจากก้าวเข้ามา มู่เฉินก็รู้สึกราวกับว่าตนเองไม่ได้เดินอยู่บนบก แต่กลับเป็นความว่างเปล่า
ดูเหมือนว่ากฎเชิงพื้นที่ของพีระมิดสีดำเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก
ทว่าแม้ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนจะลึกล้ำ แต่พวกมู่เฉินก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง เพราะพวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่แท้จริงเป็นผู้นำทางอยู่เบื้องหน้า
แม้ว่าร่างนั้นจะเล็กจ้อย แต่คลื่นทรงพลังที่อยู่ในร่างนั้นก็ปกป้องพวกเขาทั้งหมดไว้ ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจ
ขณะที่ความคิดเหล่านี้หมุนเวียนอยู่ในใจของมู่เฉิน มั่นถัวหลัวที่อยู่เบื้องหน้าก็หยุดลง เมื่อมองไปพวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีประตูบานหนึ่งปรากฏที่ตรงหน้ามั่นถัวหลัวตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ประตูบานนี้บิดเบี้ยว ระลอกคลื่นมิติทรงพลังเล็ดลอดออกมา ไม่มีใครรู้ว่ามันนำไปสู่อะไร
มั่นถัวหลัวแตะประตูเบาๆ จากนั้นก็คิ้วมุ่นเข้าหากัน “เมื่อเข้าไปในประตูนี้ เราก็จะเข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนแท้จริง เวลานั้นเราจะได้สัมผัสกับอันตรายที่แท้จริงของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน พวกเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง?”
เมื่อได้ยินหัวใจของพวกเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
มั่นถัวหลัวที่เห็นการตอบสนองของคนรอบตัวก็พยักหน้าเบาๆ เท้าเล็กยกขึ้นโดยไม่ลังเล ก้าวผ่านประตูไป เมื่อประกายแสงแวววาววูบไหว ร่างนางก็หายตัวไป
ที่เบื้องหลังเหล่าจอมพลก็ตามมาอย่างใกล้ชิด พวกผู้บัญชาการแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่จะแทรกตัวตามเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็ว
จิ่วโยวและมู่เฉินเป็นคนสุดท้าย ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็ก้าวออกไปพร้อมกันแล้วหายเข้าไปในประตู
ชี่! ชี่!
เมื่อพวกเขาเข้าไป ประตูทางเข้าก็จางลงอย่างรวดเร็ว รอยแตกมิติของที่นี่กลับคืนสู่ความมืด
ในเวลาเดียวกันเมื่อพวกเขาเข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ในทิศทางอื่นๆ คลื่นมิติก็ผันผวน ร่างมากมายวูบไหวราวกับภูตผี เป้าหมายของพวกเขาก็คือขุมทรัพย์แห่งนี้
รัศมีแรงกล้ากระจายออกมาจากมิติลึกลับอย่างเลือนลาง ในที่สุดขุมทรัพย์ที่เงียบสงบมานับหมื่นปีก็เปิดออกแล้ว…