ตอนที่ 341 คำเชิญ โดย Ink Stone_Fantasy
“คนในวงการบันเทิง? ไม่สนใจหรอก!”
หลิวติงติงปฏิเสธในคำเดียว ถึงแม้เธอจะไม่นับว่าเกิดในตระกูลเศรษฐี แต่ว่าติดตามคุณตาเข้าออก คฤหาสน์มหาเศรษฐีมาตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องสกปรกของดาราสาวกับพวกนักธุรกิจร่ำรวยไม่น้อย จึงไม่สนใจ อะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิง
โดยเฉพาะปาร์ตี้งานเลี้ยงกลางคืนที่ผับเพลย์บอยฮ่องกงเหวินหลวนสงคนนี้จัดขึ้น หลิวติงติงยิ่งไม่สนใจสักนิด คนคนนี้นอกจากหาเงินแล้ว งานอดิเรกหลักๆ ก็คือตามจีบหญิงสาวที่เป็นราวกับไม้ประดับในแจกันพวกนั้น
ได้ยินคำพูดของหลิวติงติงแล้ว เหวินหลวนสงก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ช้าไม่เร็ว “ไม่สนใจจริงหรือ? จางเสวี่ยโหย่วอาจจะไปก็ได้นะ ไม่แน่อาจร้องสักเพลงด้วย?”
หลายปีก่อนหลิวติงติงเคยมาขอแผ่นเสียงพร้อมลายเซ็นฉบับนักสะสมของจางเสวี่ยโหย่วกับเหวินหลวนสง เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้ชอบนักร้องคนนั้นมาก จึงพูดออกไปอย่างนี้
ตามคาด พอได้ยินชื่อจางเสวี่ยโหย่ว สีหน้าของหลิวติงติงก็เปลี่ยนไปทันที “จางเสวี่ยโหย่วไปด้วยเหรอคะ? อาเหวิน อาอย่าโกหกหนูนะ?”
ความแตกต่างของลูกสาวเศรษฐีกับชาวบ้านธรรมดานั้นคือ ทัศนะของพวกหล่อนกว้างไกล ประสบการณ์มากกว่า แต่ลูกสาวเศรษฐีก็ชื่นชอบดาราเช่นเดียวกัน อีกทั้งเรื่องที่ลูกสาวเศรษฐีแต่งงานกับดาราชาย ในวงการบันเทิง นับว่าไม่ใช่เรื่องหายาก
เช่นพ่อของเฉินฮุ่ยเหลียน ภรรยาของโจวเหวินฟะ เป็นเศรษฐีชาวสิงคโปร์ มีทรัพย์สินมูลค่าพันล้าน นอกไปจากนั้นยังมีหญิงสาวตระกูลเศรษฐีบางคนล้วนยอมลดตัวมาแต่งงานกับดาราชาย
หลิวติงติงชื่นชอบเพลงของจางเสวี่ยโหย่วมาตั้งแต่เล็ก และเป็นคนเดียวในวงการบันเทิงที่เธอสนใจ แต่ว่าเธอไม่ใช่สาวสวยชื่อดังพวกนั้นที่เข้าออกวงการบันเทิงเป็นประจำ จึงไม่มีโอกาสได้รู้จักจางเสวี่ยโหย่ว
“อาเหวินหรือจะกล้าโกหกเธอ? ว่ายังไง ติงติง จะมาร่วมด้วยหรือไม่มา?” เหวินหลวนสงยิ้มกล่าว อย่าว่าแต่เขาเชิญจางเสวี่ยโหย่วมาจริง ๆ เลย ต่อให้เรียกเขามาทักทาย จางเสวี่ยโหย่วก็ต้องเห็นแก่หน้าเขา
“ค่ะ หนูจะไป!” ครั้งนี้หลิวติงติงตกปากรับคำ หันหน้าไปมองเยี่ยเทียน เอ่ยปากขอร้อง “ท่านอา ท่าน…ท่านไปเป็นเพื่อนหนูหน่อยนะ…”
หลิวติงติงเป็นเด็กสาวที่ฉลาดบริสุทธิ์ รู้ว่าหลักๆ แล้วเหวินหลวนสงอยากจะเชิญเยี่ยเทียน เธอไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้นหรอก
“ก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะไป…”
ได้ยินหลิวติงติงขอร้อง เยี่ยเทียนคิดทบทวนแล้วจึงตอบตกลง คนอายุเท่าเขาได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ฮ่องกง มาอย่างลึกซึ้ง หากได้เห็นไอดอลสมัยเด็กเหล่านั้นสำหรับบเยี่ยเทียนแล้วยังนับว่าน่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่า น้องเยี่ย งั้นพวกเราตกลงกันตามนี้ คืนวันพรุ่งนี้ฉันจะให้รถมารับนาย”
เห็นเยี่ยเทียนตอบตกลงรับคำ เหวินหลวนสงก็ดีใจกว่าที่คาดไว้ หลังจากที่เยี่ยเทียนทำนายดวงชะตาให้เขาวันนี้ เขาก็ตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตักเพื่อตีสนิทกับ “ปรมาจารย์เยี่ย” คนนี้
เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน กินข้าวเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ด้วยเพราะพาเจ้าเหมาโถวไปถึงบ้านเดี่ยว ของจั่วเจียจวิ้นแล้ว วันนี้เยี่ยเทียนจึงตัดสินใจอยู่ที่นั่น หลังออกจากโรงแรมก็ขึ้นไปบนรถของจั่วเจียจวิ้น
“นายน้อย ผู้เฒ่าถังให้…ให้ผมถามท่านว่า สองสามวันนี้จะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ครับ?” ขณะที่รถสตาร์ทติดกำลังจะเคลื่อนที่ออกไป อาติงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้ารถ
เยี่ยเทียนคิดอยู่สักครู่แล้วตอบ “พรุ่งนี้ไม่ได้ วันมะรืนแล้วกัน วันมะรืนจะไปบ้านเดี่ยวของเหล่าถัง”
“ครับ ผมจะกลับไปหาผู้เฒ่าถังเดี๋ยวนี้!” เห็นเยี่ยเทียนให้คำตอบที่ชัดเจน สีหน้าของอาติงก็ยิ้มแย้มเปิดทางให้ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรกลับไปหาถังเหวินหย่วน
จั่วเจียจวิ้นเองก็รู้เรื่องนี้ รอจนขับรถออกจากโรงแรมแล้ว ก็มองมายังเยี่ยเทียน กล่าวว่า “เยี่ยเทียน ฉันเคยทำนายเรื่องสามีของกงเสี่ยวเสี่ยว เขาประสบเหตุไปนานแล้ว ตอนนี้ผ่านไปเจ็ดแปดปี หากจะหาโครงกระดูกให้เจอ คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย”
เมื่อห้าปีก่อนจั่วเจียจวิ้นเคยช่วยทำนายให้กงเสี่ยวเสี่ยว ได้ผลสรุปว่าสามีเธอไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว แต่ว่าท้องทะเลกว้างใหญ่ เขากลับไม่มีความสามารถตามหาโครงกระดูกเจอ
เยี่ยเทียนพยักหน้ากล่าว “ศิษย์พี่ ผมรู้อยู่แก่ใจว่า หากลงแรงเสียหน่อยจะต้องตามหาเจอแน่”
การสืบทอดข้อมูลภายในสมองเยี่ยเทียนค่อนข้างแปลกประหลาด ขอเพียงรู้ข่าวที่เกี่ยวข้องกับสามีของกงเสี่ยวเสี่ยว ก็สามารถอนุมานได้เอง เพียงแต่ต้องใช้พลังชีวิตของเยี่ยเทียนตามระดับความยากง่ายเท่านั้น
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าหากพลังไม่พอ ก็อย่าฝืนล่ะ” เห็นเยี่ยเทียนมั่นอกมั่นใจอย่างนั้น จั่วเจียจวิ้นก็ไม่พูดอะไรมาก คุยถึงเรื่องที่พบเจอวันนั้นกับเยี่ยเทียนต่อ
เมื่อรถขับเข้ามายังกลางบ้านเดี่ยวของจั่วเจียจวิ้น เยี่ยเทียนเพิ่งจะลงจากรถ เงาแสงสีขาวก็ลอยออกมาจากในบ้าน ตกลงบนยังหัวไหล่ของเยี่ยเทียนราวกับสายฟ้า
“เหมาโถว? เจ้าหนูนี่ฟื้นจนได้รึ!” เห็นหนูน้อยร่าเริงสดใส เยี่ยเทียนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เพราะเจ้าเหมาโถวหลับสนิท จึงทำให้เยี่ยเทียนคิดหนัก
เหมาโถวเองก็ร่าเริง ใช้กรงเล็บน้อยๆ ตะกุยผมของเยี่ยเทียนไม่หยุด ส่งเสียงร้องดัง “จีๆ” ราวกับกล่าวโทษที่เยี่ยเทียนปล่อยมันทิ้งเอาไว้ในบ้าน
“อืม หัวนี้สงสัยจะเล็กไปนิดแล้วสิ? ขนนี่ก็เริ่มสั้นไปแล้ว”
เยี่ยเทียนยื่นมือไปจับเจ้าเหมาโถว พิจารณาดูอย่างละเอียด พบว่าร่างของเหมาโถวเล็กลงกว่าเมื่อก่อนเท่าหนึ่ง อีกทั้งขนนุ่มฟูทั้งตัวก็สั้นลงไปมาก สะอาดสว่างลื่นมือราวกับผ้าซาติน
“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พอตรวจสอบภายในร่างของเหมาโถวอย่างละเอียด สีหน้าของเยี่ยเทียนก็เผยให้เห็นถึงความตกตะลึงอย่างหนัก เพราะเขาพบว่า ภายในร่างของเจ้าเหมาโถว กลับมีพลังชีวิตที่คล้ายกับเขามากเคลื่อนไหวอยู่
ถึงแม้ว่าในตำราเต๋าจะเขียนไว้ว่าต้นไม้ใบหญ้าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีจิตวิญญาณ แต่นั่นก็เป็นเพียงทฤษฎี อย่างหนึ่งเท่านั้น อย่างน้อยเยี่ยเทียนก็ไม่เคยเห็นพลังภายในร่างกายสัตว์มีพลังชี่ดั้งเดิมปรากฏอยู่ แต่เจ้าเหมาโถวตรงหน้ากลับพลิกความรู้ของเขาให้กลับตาลปัตร
“หรือ…หรือว่าเจ้าเหมาโถวคือสัตว์เทพเจ้า?” มองยังเจ้าหนูตรงหน้า เยี่ยเทียนก็จมดิ่งลงในความคิด
สมัยโบราณยุคที่นักปราชญ์ผู้วิเศษหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าเขา มักชุบเลี้ยงสัตว์ป่าในเขาจำนวนหนึ่ง เช่นตำนานเรื่องวานรเฝ้าถ้ำนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สัตว์ป่าพวกนั้นเชื่อมต่อกับมนุษย์ได้ จึงถูกเรียกว่าเป็นสัตว์เทพเจ้า
ตำนานกล่าวว่าสัตว์เทพเจ้าสามารถเบิกปัญญา ความฉลาดเฉลียวไม่ด้อยไปกว่าคนทั่วไป ถึงขั้นสามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณฟ้าดินบำเพ็ญตบะ แต่ว่าพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องเล่าในตำนานเท่านั้น เยี่ยเทียนไม่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าเหมาโถวเป็นอย่างนั้นหรือไม่?
“ว้าย ปลา…ปลาของฉันตายหมดแล้ว!”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ข้างหูพลันได้ยินเสียงแหลมดังมา เป็นหลิวติงติงยืนอยู่ริมสระน้ำในสวน อึ้งมองยังเหตุการณ์ใต้ฝ่าเท้าตัวเอง
ริมสระน้ำบนถนนเส้นเล็กสะอาดเดิมทีปูด้วยหินคอบเบิล เวลานี้กลับเต็มไปด้วยก้างปลา เมื่อถูกอาบด้วยแสงแดดมาตลอดวันแล้ว ก็เกิดกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ อีกทั้งปลาที่เคยอยู่ในบ่อ เวลานี้กลับมองไม่เห็นสักตัว
“จีจี……จีจี!”
หลังได้ยินเสียงร้องของหลิวติงติง เจ้าเหมาโถวก็เปล่งเสียงร้องแหลมออกมาจากปาก ใช้สองกรงเล็บเล็กด้านหน้าชี้ลงที่ท้องก่อน จากนั้นใช้กรงเล็บปิดดวงตาเอาไว้ ราวกับเด็กที่กระทำผิด
“พวก…พวกนั้นฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตเลยนะ” เห็นท่าทางของเจ้าเหมาโถว หลิวติงติงโอดครวญอย่างไม่มีน้ำตา แต่ก็ไม่สามารถโทษเจ้าหนูนี่ได้ ใครจะไปรู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นวันนี้ล่ะ?
“แค่ก ๆ ติงติง ไว้อาจะส่งปลามาให้จำนวนหนึ่ง อย่าลดตัวลงไปทะเลาะกับเจ้าเหมาโถวเลย” เยี่ยเทียนกระแอมไอสองเสียง คว้าเจ้าเหมาโถวรีบร้อนกลับเข้าห้อง เขาไม่อยากเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของหลิวติงติง
…
เช้าตรู่วันต่อมาอาติงรออยู่หน้าประตูอีกครั้ง เยี่ยเทียนเองก็ให้เขาอยู่ข้างกายจนเคยชินแล้ว มีหัวโจกเจ้าถิ่นคนนี้คอยนำทาง ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็สะดวกขึ้นมาก
เยี่ยเทียนมาถึงวัดหวังต้าเซียนในเกาลูนโดยมีหลิวติงติงกับอาติงติดสอยห้อยตาม เห็นลูกศิษย์ลูกหาคราคร่ำ เยี่ยเทียนจึงได้รู้ถึงสาเหตุที่จั่วเจียจวิ้นมีสถานะอันสูงส่งในฮ่องกงจนได้
เทียบกับแผ่นดินใหญ่แล้ว การสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีจีนของฮ่องกงนั้นสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าโดยไม่ต้องสงสัย ปัจจุบันนี้ยังคงมีตัวอักษรจีนแบบเก่าใช้ให้เห็นอยู่ทั่วไป
ในฮ่องกง ตั้งแต่ข้าราชการชั้นสูงลงไปถึงราษฎรทั่วไป ล้วนเชื่อในการเสี่ยงทายทำนายดวงชะตาโดยไร้ข้อกังขา จั่วเจียจวิ้นมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง พรสวรรค์อันโดดเด่นเป็นที่จับตามองในสังคมฮ่องกงจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะครอบครัวทั้งหมดล้วนอยู่ในปักกิ่ง เยี่ยเทียนคงจะมีความคิดออกมาปักหลักอยู่ในฮ่องกงแล้ว พื้นดินที่นี่นับว่าเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดแก่การใช้ชีวิตและขยับขยายของหมอดู
หลังจากเที่ยวเล่นมาหนึ่งวัน ขณะที่พวกเยี่ยเทียนกลับมาถึงบ้านเดี่ยวของจั่วเจียจวิ้นนั้น รถเบนซ์ลีมูซีนคันหนึ่ง ก็มารออยู่หน้าประตู
“คนคนนี้เล่นใหญ่จริงๆ…”
มองยังรถเบนซ์แล้วเยี่ยเทียนก็ส่ายหน้า ถ้าหากเหวินหลวนสงได้ยินเข้า จะต้องโมโหตายแน่ ความอึดอัดในใจ ของตัวเองจึงต้องเก็บกลับเข้าไปในปากเยี่ยเทียน
ที่พักอาศัยของเหวินหลวนสงอยู่ในเขตอ่าวรีพัล ถือว่าไม่ไกลจากบ้านของถังเหวินหย่วน เป็นหนึ่งในเขตที่อยู่อาศัยหรูหราที่สุดของฮ่องกง บ้านเดี่ยวสุดหรูจำนวนมากเรียงรายอยู่บนทางลาดของอ่าวติดทะเล มหาเศรษฐีชาวจีนอย่างหลี่เชาเหรินกับเจ้าพ่อผู้ประกอบการขนส่งอย่างเป่าอวี้กังล้วนอาศัยอยู่ที่นี่
“ฮือนั่นทำอะไรน่ะ?
ขณะที่รถเลี้ยวเข้ายังทางโค้ง ตอนกำลังจะเข้าไปในอ่าวรีพัล แสงไฟจากหน้ารถก็สว่างวาบขึ้นระลอกหนึ่ง เยี่ยเทียนยกมือขึ้นบังใบหน้าไว้โดยอัตโนมัติ
ระหว่างช่องนิ้วมือ เยี่ยเทียนพบว่าข้างหน้ามีคนเจ็ดแปดคนยืนอยู่ มีทั้งชายแหละหญิง ทุกคนล้วนถือกล้องถ่ายรูปไว้ในมือ เพียงรถผ่านเข้ามาก็พร้อมจะรัวกดปุ่ม
“คุณเยี่ย คนพวกนั้นล้วนเป็นปาปารัซซีฮ่องกงครับ” คนขับรถที่ขับอยู่กลับเห็นสิ่งพวกนี้จนไม่แปลกตาอีกต่อไป เพราะขับรถให้เหวินหลวนสง ระดับการเปิดโปงข่าวยังสูงกว่าดาราตัวเล็กๆ ที่ชื่อเสียงยังไม่ดังเท่าไหร่
เยี่ยเทียนส่ายหน้าอย่างบอกไม่ถูกเล็กน้อย เรื่องส่วนตัวในทุกวันล้วนต้องเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชน ถ้าหากเป็นเขา คงอยู่ชีวิตแบบนี้ไม่ได้แม้เพียงวันเดียว
ห้านาทีต่อมา รถเบนซ์ลีมูซีนก็ขับเข้ามายังกลางบ้านเดี่ยว เมื่อครู่คนขับรถเพิ่งจะใช้โทรศัพท์ภายในรถ ติดต่อกับเหวินหลวนสง ตอนนี้เขาก็มายืนรอเยี่ยเทียนอยู่หน้าประตูแล้ว
นอกจากเหวินหลวนสง ภายในบ้านเดี่ยวยังมีผู้คนอีกไม่น้อย ต่างนั่งและยืนพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น
“น้องเยี่ย คุณหลิว อาติง ยินดีต้อนรับครับ เชิญๆ นั่งด้านใน ผมจะแนะนำคุณให้เพื่อนๆ หลายคนได้รู้จัก!”
ได้เห็นพวกเยี่ยเทียนจากภายในรถ เหวินหลวนสงก็รีบร้อนเข้ามาต้อนรับ ท่าทีนี้ของเขาทำให้ผู้คนมากมาย อดลอบมองดูไม่ได้ ราวกับวันนี้เป็นครั้งแรกที่เหวินหลวนสงยืนรอรับคนหน้าประตูอย่างนั้นแหละ?
“พี่เหวิน ขอบคุณครับ” เยี่ยเทียนยิ้มพลางจับมือกับเหวินหลวนสง พูดคุยหยอกล้อกับเหวินหลวนสง พลางเดินเข้าไปในห้องรับแขกของบ้าน
………..