บทที่ 461 คุกเข่าขอชีวิต

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในตอนแรก หลิงตู้ฉิงคิดไว้ว่าถ้าหากเขาสำแดงอำนาจของค่ายกลกระบี่เพื่อกำราบหลูตงหมิงเมื่อไหร่ หยูไท่ฉวนก็น่าจะรู้ว่าเขาควรเลือกที่จะถอย

แต่ใครจะไปคิดว่า หยูไท่ฉวนกลับไม่ต้องการยอมแพ้แถมยังสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งหมดโจมตีแทน

ซึ่งนี่มันคือตัวอย่างของไอ้พวกคนที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิจนถึงขั้นเสียสติ!

หลิงตู้ฉิงสบถในใจ ‘ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการที่จะยอมจำนน งั้นข้าจะทำลายดวงใจจักรพรรดิของเจ้า!’

จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้เกลียดเต๋าดวงใจจักรพรรดิ แต่รังเกียจกลุ่มคนที่บ่มเพาะมันมากกว่า

เนื่องกลุ่มคนพวกนี้มักคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น และคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างให้อยู่ใต้คำสั่งของตัวเองได้ทั้งหมด ซึ่งอันที่จริงแล้วคนกลุ่มนี้มันก็เป็นแค่กลุ่มคนสติไม่ดีก็เท่านั้น

ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คือ เหลียงซาน ที่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และตอนนี้ หยูไท่ฉวน เองก็เป็นไม่ต่างกัน

ถ้าเขาไม่สามารถลงมือสังหารได้ตามใจต้องการ งั้นเขาก็จะปล่อยให้ลั่วหยุนลงมือแทน

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ชัดเจนมาก เมื่อลั่วหยุนเคลื่อนไหว บรรดาผู้เชี่ยวชาญทุกคนของอาณาจักรมังกรทะยานต่างก็ตะลึงงัน ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว

ในตอนนี้ลั่วหยุนได้ปรากฎกายขึ้นพร้อมกับถืออาวุธระดับจักรพรรดิของเขาอยู่ในมือพลางมองไปยังทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ด้วยรอยยิ้ม เขาได้ปล่อยอำนาจแห่งเจตจำนงของเขาเองปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ผนึกพลังแห่งกฎทุกอย่างที่อยู่บริเวณโดยรอบ ซึ่งมันทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทุกคนไม่สามารถใช้พลังแห่งกฎที่อยู่ภายใต้ระดับสวรรค์ได้ทั้งหมด

ตอนนี้เขาเป็นวิญญาณสงครามแล้ว เขาสามารถปลดปล่อยอำนาจความแข็งแกร่งของเขาได้เต็มที่ดั่งใจนึก โดยที่ไม่มีผลเสียต่อตัวของเขาเองอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าการกระทำของฝั่งตรงข้ามถูกหยุดทั้งหมดแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงสั่งขึ้น “จับหยูไท่ฉวนมาให้ข้า!”

ลั่วหยุนพยักหน้าเล็กน้อย และจากนั้นร่างของหยูไท่ฉวนก็ถูกบังคับโดยพลังที่มองไม่เห็นให้ลอยไปที่ข้างหน้าหลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยูไท่ฉวน แล้วถามว่า “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”

ขณะนี้หยูไท่ฉวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชันอยู่เบื้องหลังกองกำลังในทะเลชางหมาง?

ถ้าเขารู้เรื่องนี้มาก่อน แน่นอนว่าเขาคงไม่ดื้อดึงทำให้เกิดปัญหาใหญ่เช่นนี้แน่นอน

แม้ว่าเขาจะรักลูกชายของเขามาก แต่เขาก็สามารถยอมละทิ้งลูกชายของเขาได้ เพื่อประโยชน์ของอาณาจักรมังกรทะยานและเต๋าดวงใจจักรพรรดิของเขาเอง

แต่น่าเสียดายที่แม้ตอนนี้เขาจะคิดได้ เขาก็ถูกจับตัวเสียแล้ว

ตอนนี้เขาจึงพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุดที่เขาจะไม่ต้องยอมก้มหัวศิโรราบให้กับหลิงตู้ฉิง ไม่เช่นนั้นเต๋าดวงใจจักรพรรดิที่เขาได้พบ่มเพาะมามันจะต้องเสียหายอย่างยับเยินแน่นอน

หลิงตู้ฉิงดูเหมือนจะรู้ว่าหยูไท่ฉวนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเจ้าไม่ให้หยูเฉิงฮุยกับข้า เจ้าจะต้องตายและอาณาจักรมังกรทะยานจะถูกทำลาย จากนั้นข้าจะไล่ล่ามันต่อไปไม่ว่าข้าจะต้องไปที่ภูเขาเอ้อหลงหรือแม้แต่ตำหนักมังกร ข้าก็จะหามันให้เจอ ทั่วทั้งโลกใครก็ตามที่กล้าซ่อนมันไว้ ข้าจะจัดการคนพวกนั้นทั้งหมด ดังนั้นเจ้าไม่ควรทำให้เรื่องทุกอย่างมันบานปลายมากไปกว่านี้”

หยูไท่ฉวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เท่าที่ข้ารู้ ลูกสาวของเจ้าก็ยังไม่ได้เสียหายอะไรมากสักหน่อย!”

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อรองอะไรกับเจ้า ข้ามาที่นี่เพื่อสั่งเจ้าให้มอบหยูเฉิงฮุยมาให้กับข้า! และจากนั้นข้าจะได้ให้ลูกสาวของข้าตัดสินใจว่ามันสมควรที่จะตายหรือไม่ ข้าต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยให้ได้เพื่อยุติหายนะที่จะมาสู่ลูกสาวของข้า”

เมื่อเห็นท่าทีอันหนักแน่นของฝั่งตรงข้าม หยูไท่ฉวนหายใจลึกแล้วพูดว่า “งั้นเจ้าจงปล่อยข้ากลับไปก่อน แล้วข้าจะส่งหยูเฉิงฮุยให้กับเจ้า!”

ในใจของเขาแม้จะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถทำได้

เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายแผนการต่าง ๆ นานาของเขาไปได้ทั้งหมด

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอม

เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมันก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ลูกชายของเขาอาจจะรอดก็ได้

ซึ่งถ้าลูกชายของเขาโชคดีรอดชีวิตจากเงื้อมมือคนพวกนี้ เต๋าดวงใจจักรพรรดิของเขาก็จะไม่เสียหายมาก ซึ่งนั่นคงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ที่เขาสามารถทำได้แล้ว

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “ข้าจะให้โอกาสเจ้าส่งมันมาหาข้าเมื่อเจ้ากลับไป แต่ถ้าเจ้ากล้าที่จะพยายามหลบหนี ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าความน่ากลัวที่ยิ่งกว่าตายมันเป็นอย่างไร และจงจำเอาไว้ว่านี่เป็นครั้งที่สองที่ข้าให้โอกาสกับเจ้า!”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็โบกมือเป็นสัญญาณให้หยูไท่ฉวนจากไป

ลั่วหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็ยืนเอามือไพล่หลัง ไม่สนใจการกระทำของหยูไท่ฉวน

ทางด้านของหยูไท่ฉวน เมื่อเขารู้สึกได้ว่าอำนาจลึกลับที่เคยตรึงร่างเขาไว้ได้คลายออกจากร่างแล้ว เขาจึงรีบบินกลับไปหาเหล่าขุนนาง แม่ทัพและบรรดาผู้เชี่ยวชาญของเขาที่ยืนมองกันอยู่ไม่ไกล

เหล่าผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรมังกรทะยาน เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเช่นนี้ต่างก็นิ่งเงียบ แม้ว่าจักรพรรดิของพวกเขาจะได้รับความอัปยศอดสู แต่ก็ไม่มีใครในพวกเขาที่กล้าพูดอะไรออกมาแม้เพียงครึ่งคำ

หยูไท่ฉวน เมื่อบินกลับไปถึงหน้าแถวของบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว เขาก็ถามขึ้นในทันที “ฮุยเอ๋ออยู่ไหน?”

“เอ๊ะ เมื่อครู่องค์ชายยังยืนอยู่กับพวกเราอยู่เลยไม่ใช่เหรอ…” ใครบางคนพูดขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันกลับไปในจุดที่หยูเฉิงฮุยเคยยืนอยู่ ตรงจุดนั้นมันก็ไม่มีหยูเฉิงฮุยอีกต่อไปแล้ว

มันกลับกลายเป็นว่าหยูเฉิงฮุยที่เมื่อครู่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มดูไม่ดี เขาจึงรีบแอบหนีออกไปทันที แต่น่าเสียดายที่เวลาที่ผู้คนรู้ตัวว่าเขาหนีไปแล้วมันสั้นเกินไป ดังนั้นเขาจะหนีไปไหนไกลได้กัน?

“รีบออกไปตามหาและพาเขามาที่นี่!” หยูไท่ฉวนตะโกนสั่งขึ้น “เรื่องนี้เขาเป็นคนผูกมันขึ้นมา ดังนั้นเขาก็ต้องเป็นคนแก้ไขมันด้วยตนเอง!”

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปหาหยูเฉิงฮุยทันที

ส่วนหยูไท่ฉวนเองก็ไปยืนอยู่แนวหลังขบวนรบ และยังไม่ได้จากไป

เพราะสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดกับเขาเมื่อครู่นั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว เขาจะกล้าออกไปที่ไหนไกล ๆ ได้อย่างไร? เขาไม่คิดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะมีหน้าที่ยืนขู่พวกเขาเพียงอย่างเดียว

ตอนนี้เขาโกรธมากแต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน ทำไมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันถึงได้เชื่อฟังคำพูดของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณแบบนั้น?

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หยูเฉิงฮุยก็ถูกนำตัวมาหาหยูไท่ฉวน

“ท่านพ่อโปรดเมตตาข้าด้วย เรื่องทั้งหมดนี้ข้าไม่ได้เป็นผู้เริ่มเรื่องเลยจริง ๆ!” หยูเฉิงฮุยร่ำร้อง “มันเป็นเพราะพี่ใหญ่และคนอื่น ๆ วางแผนส่งข้าเข้าไปในอาณาจักรจันทราต่างหาก! จริง ๆ แล้วข้าก็เพียงแค่ทำตามคำสั่งของพี่ใหญ่เท่านั้น ท่านจะมาโทษข้าแบบนี้ไม่ได้นะท่านพ่อ!”

หยูเฉิงฮุยเข้าใจชัดเจนว่าตัวเขาเองได้สร้างความเจ็บช้ำให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก หากเขาถูกส่งตัวออกไปเมื่อไหร่ มันไม่มีทางที่ฝั่งตรงข้ามจะปล่อยให้เขารอดออกมาได้แน่นอน

หยูไท่ฉวนคำราม “หุบปาก! ฟังข้าถ้าเจ้ายังต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ! เจ้าต้องขอความเมตตาต่อผู้หญิงคนนั้นทันทีที่พวกเจ้าพบกัน คนเดียวที่สามารถช่วยเจ้าได้ในตอนนี้คือนาง!”

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าลูกชายของเขาช่างไร้ประโยชน์ นอกจากหน้าตาที่ดูดีแล้วไอ้ลูกชายของเขาคนนี้ก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์สักเท่าไหร่ แถมตอนนี้มันกลับเป็นตัวสร้างปัญหาใหญ่ให้กับอาณาจักรมังกรทะยาน

แต่ถึงแม้จะสร้างปัญหามากมายอย่างไร หยูไท่ฉวนก็ยังคงไม่ต้องการให้ลูกชายของเขาต้องมาตายด้วยน้ำมือของคนอื่น

หลังจากที่เขาย้ำเตือนหยูเฉิงฮุยได้สักพัก เขาก็ส่งหยูเฉิงฮุยไปให้หลิงตู้ฉิง

ทันทีที่หยูเฉิงฮุยถูกนำตัวมายืนต่อหน้าหลิงตู้ฉิง เขาก็คุกเข่าลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว “ท่านลุงหลิง ข้ารู้ว่าข้าสมควรตาย อันที่จริงตั้งแต่แรกเริ่มข้าเองก็ชอบน้องว่านถิงเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นพี่ชายของข้าก็ได้ส่งคำสั่งมาให้ข้า…ซึ่งขะ ข้าเองก็กลัวพี่ชายของข้าจะลงโทษข้าหากข้าไม่ฟังคำสั่ง…ดังนั้นข้าจึงได้ทำสิ่งเหล่านั้นลงไป…นะ น้องว่านถิง ขะ ข้าหวัง วะ ว่าเจ้าจะให้อภัยข้า ข้าสาบานว่าข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีก…”