บทที่ 2401 ใครเล่นงานใครกันแน่ 6 / บทที่ 2402 ใครเล่นงานใครกันแน่ 7

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2401 ใครเล่นงานใครกันแน่ 6

“สารเลว! นังมารร้าย!”

ร่างหวาเฉียนจวิ้นสั่นเทิ้ม ตวัดมือหมายจะฟาดใส่!

อวิ๋นชิงหลัวเผยยิ้มหยามหยัน ไม่หลบหลีก

ฝ่ามือนี้กำลังจะฟาดใส่หน้านางแล้ว ทว่าถูกตี้ฝูอียื่นมือมาขวางไว้

“เก็บชีวิตนางไว้ก่อน”

ดวงตาหวาเฉียนจวิ้นแดงก่ำ ท่าทางไม่เข้าใจ

ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมย

“พวกเจ้าสองคนเฝ้านางไว้ ต้องให้นางมีชีวิตอยู่!”

พลันสะบัดแขนเสื้อ ส่งลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งไปเก็บหนอนกู่ที่กำลังคืบคลานไปสู่หัวใจของอวิ๋นชิงหลัวมา ใส่ไว้ในขวดเล็กๆ ใบหนึ่งแล้วเก็บเข้ามิติเก็บของ

สีหน้าของอวิ๋นชิงหลัวแปรเปลี่ยนไปอย่างแท้จริงแล้ว จู่ๆ ก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา

“ตี้ฝูอี ที่แท้เจ้าก็ยังหักใจจากข้าไม่ได้!”

ตี้ฝูอียิ้มมุมปากแวบหนึ่ง

“หือ ใช่รึ? เจ้าพอใจก็เอาเถิด”

พลางหันหลังออกเดิน

อวิ๋นชิงหลัวกำหมัด

“ท่านฆ่าข้าเลยสิ! ทำไมท่านถึงไม่ฆ่าข้าล่ะ?! ต่อให้ท่านเก็บข้าไว้ ข้าก็ไม่มีทางบอกเรื่องคนที่อยู่เบื้องหลัง! ท่านตัดใจซะเถอะ!”

ตี้ฝูอีตอบนางกลับไปเพียงสี่คำ

“รอดูกันไป!”

เขาไปแล้ว ไปดูกู้ซีจิ่วที่อยู่ในค่ายกลแล้ว

กู้ซีจิ่วขณะที่หลอมโอสถต้องการความสงบอย่างยิ่ง ดังนั้นจู๋ตู๋ชิงจึงสร้างกระท่อมไผ่หลังหนึ่งไว้ในค่ายกลให้นาง ปิดกั้นเสียงทุกอย่างจากภายนอก

อวิ๋นชิงหลัวจับจ้องแผ่นหลังของเขา ดวงตาฉายแววเร่าร้อนแวบหนึ่ง ในความเร่าร้อนนั้นมีความปรารถนาชิงชังผสมปนเปอยู่ ซ้ำยังมีความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาบางส่วนด้วย

สายตานั้นถึงขั้นที่ทำให้หัวใจองครักษ์จินและองครักษ์หวาหนาวยะเยือกขึ้นมา…

“อวิ๋นชิงหลัว องค์ราชันปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดีเสมอมา เจ้าทำกับเขาเช่นนี้ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ? ถ้าบอกตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเจ้ามา บางทีองค์ราชันอาจจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในวันวานยอมปล่อยเจ้าให้รอดชีวิตจริงๆ ก็ได้…”

องครักษ์จินข่มความโกรธเอาไว้

อวิ๋นชิงหลัวกึ่งๆ จะฟุบอยู่ตรงนั้น หลับตาลงเล็กน้อย เพียงทำเป็นไม่ได้ยินเสีย

หากมิใช่องค์ราชันสั่งการไว้ องครักษ์จินอยากจะซัดนางให้ตายยิ่งนัก!

มือของหวาเฉียนจวิ้นกำแน่นแล้วแน่นอีก เขารักถนอมหลานสาวของตนยิ่งนักเสมอมา หลังจากหลานสาวประสบเคราะห์ เขาเคยสาบานเอาไว้ว่าจะล้างแค้นให้น้องชายและหลานสาว หลายปีมานี้เขาสืบหาเบาะแสของมารคลั่งถลกหนังอยู่ตลอด เพียงจนใจที่ไม่มีเบาะแสร่องรอยเลย

กลับนึกไม่ถึงเลยว่ามารคลั่งถลกหนังจะอยู่ใกล้ตัวเขา ซ้ำเขายังชอบพอนาง ดูแลเอาใจนางยิ่งนักอีก…

หวาเฉียนจวิ้นนึกอยากตบหน้าตัวเองนัก!

“อวิ๋นชิงหลัว ข้าตาบอดไปจริงๆ! ข้าอยากฆ่าเจ้าเหลือเกิน!”

อวิ๋นชิงหลัวลืมตาขึ้นมา ยืดอกแวบหนึ่ง

“เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเลยสิ!”

ยามนี้แผนชั่วของนางถูกเปิดโปงหมดแล้ว ทุ่มเททุกอย่างออกไปหมดแล้ว คล้ายว่าอยากให้หวาเฉียนจวิ้นลงมือสังหารตนเสียเหลือเกิน

หวาเฉียนจวิ้นนิ่งไปแวบหนึ่ง เขาชกโขดหินก้อนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ซัดศิลาก้อนนั้นจนแหลกเป็นผุยผง

“เจ้าไม่กล้าสินะ เจ้ามันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด! แม้แต่ความกล้าที่จะล้างแค้นให้ญาติของตนก็ไม่มี หวาเฉียนจวิ้น เจ้าก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่ง!”

ปากคออวิ๋นชิงหลัวเราะร้ายยิ่งขึ้น

หวาเฉียนจวิ้นหน้าแดงก่ำ มือสั่นสะท้านอยากจะฟาดออกไปสักที!

องครักษ์จินห้ามเขาไว้ทันเวลา

“สตรีผู้นี้อยากตายจากไปเร็วๆ อย่าทำให้นางสมปรารถนา!”

หวาเฉียนจวิ้นสูดหายใจเบาๆ ในที่สุดก็ค่อยๆ สงบลงแล้ว มองอวิ๋นชิงหลัวแวบหนึ่ง

นางนอนอยู่ตรงนั้นเหมือนโคลนกองหนึ่ง เสื้อผ้าบนร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชัดเจนนัก ยามนี้นางเจ็บปวดอย่างยิ่ง เพียงกัดฟันอดทนไว้เท่านั้น

“อวิ๋นชิงหลัว ข้าจะไม่ให้เจ้าได้สมปรารถนา เจ้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้ถึงตาเจ้าต้องรับโทษทัณฑ์บ้างแล้ว! ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า การเฝ้ามองเจ้าทุกข์ทรมานก็เป็นการล้างแค้นอย่างหนึ่งเช่นกัน”

อวิ๋นชิงหลัวเงยหน้ายิ้มหยัน นางอ่อนแอสุดขีดแล้วจริงๆ แม้แต่แรงจะลุกขึ้นนั่งก็ยังไม่มี มือเท้าอ่อนเปลี้ยอย่างหนัก กล่าวอีกนัยคือ ตัวนางในตอนนี้แม้แต่แรงจะเสาะแสวงหาความตายก็ยังไม่มีเลย

————————————————————————————-

บทที่ 2402 ใครเล่นงานใครกันแน่ 7

อันที่จริงองครักษ์จินอยากจะซัดอวิ๋นชิงหลัวผู้เป็นตัวหายนะคนนี้ให้ตายสักร้อยรอบ แต่องค์ราชันสั่งการเช่นนี้จะต้องมีแผนการอื่นอยู่แน่นอน แต่เขามีแผนอะไรกันแน่นะ?

องครักษ์จินเดาไม่ออกเลย

เขารู้สึกว่าถ้าต้องการจะไต่สวนหาตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคงมิใช่เรื่องง่าย

ด้วยนิสัยเจ้าทิฐิของอวิ๋นชิงหลัว เกรงว่าคงจะง้างปากนางไม่ได้ง่ายๆ

และการปล่อยให้คนเช่นนี้มีชีวิตรอดจะชักนำปัญหาให้ตามมาอย่างไม่สิ้นสุด!

องครักษ์จินจับจ้องนางอยู่ตลอด ระแวงว่านางจะเล่นเล่ห์อีก

….

ตี้ฝูอีเดินวนรอบกระท่อมไม้ไผ่รอบหนึ่ง แล้วนั่งลงไม่ไกลจากกระท่อมไผ่

กระท่อมไผ่หลังนี้ของจู๋ตู๋ชิงเลวร้ายนัก ไม่มีประตูหน้าต่าง ป้องกันการถูกคนรบกวน

ตามที่จู๋ตู๋ชิงบอกคือ มีเพียงกู้ซีจิ่วหลอมโอสถสำเร็จถึงจะสามารถออกมาได้ ในระหว่างนี้ห้ามมิให้มีการรบกวนโดยเด็ดขาด

กว่าจะได้กระสายยาแก้พิษชนิดนี้มาไม่ง่ายเลย ตี้ฝูอีย่อมเป็นกังวลเรื่องนี้ยิ่งนัก ถึงแม้ในใจจะอยากพบนาง อยากไปช่วยนางหลอมโอสถ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปชั่วคราว

เขานั่งอยู่ตรงนั้น หลับตาลงเล็กน้อย

ตลอดการเดินทางนี้เขาก็เหนื่อยล้ามากเช่นกัน

ร่างกายปวดเมื่อยราวกับมิใช่ร่างตน

การที่เขาไม่สังหารอวิ๋นชิงหลัวย่อมมิใช่เพราะบุญคุณที่เคยได้รับในยามยาก บุญคุณนั้นเขาชำระคืนทั้งต้นทั้งดอกจนหมดสิ้นไปนานแล้ว

กล่าวกันตามจริงแล้วเป็นอวิ๋นชิงหลัวต่างหากที่ติดค้างเขา

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าถ้าสังหารอวิ๋นชิงหลัวตอนนี้จะมีเรื่องที่เลวร้ายยิ่งนักเกิดขึ้น อวิ๋นชิงหลัวก็ดูเหมือนจะวอนขอความตายเช่นกัน

สถานที่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง เคลื่อนไหวเพียงน้อยก็อาจกระทบกันไปหมดได้ เขายังต้องระมัดระวังไว้หน่อยถึงจะดี

รอจนกู้ซีจิ่วหลอมยาถอนพิษสำเร็จเขาก็พานางไปจากที่นี่ เมื่อออกจากบึงพิษแห่งนี้แล้วค่อยจัดการอวิ๋นชิงหลัวก็ยังไม่สาย

เขาคล้ายจะชำเลืองไปทางอวิ๋นชิงหลัวแวบหนึ่ง อวิ๋นชิงหลัวนอนฟุบอยู่ตรงนั้นดุจสุนัขตาย ไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมา นางพูดมากนัก อยากจะยั่วยุให้พวกองครักษ์จินทั้งสองลงมือ แต่สองคนนั้นราวกับหูหนวกไปแล้วไม่สนใจนางเลย…

ตี้ฝูอีถอนหายใจเล็กน้อยอย่างโล่งอก จะลั่นกลองก็ยังต้องใช้ไม้ตี หวาเฉียนจวิ้นเป็นบุคคลมีความสามารถที่หาได้ยาก และเป็นกำลังหลักของเขาจงรักภักดีต่อเขา

เขามีความรักต่ออวิ๋นชิงหลัว ตี้ฝูอีรู้มานานแล้ว

ถ้าไม่ใช้ยาแรงกับเขา ให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอวิ๋นชิงหลัวด้วยตัวเอง เกรงว่าเขาคงไม่ยอมตัดใจเป็นแน่…

หวาเฉียนจวิ้นเหมาะสมกับสตรีที่ดีกว่านี้ อวิ๋นชิงหลัวไม่คู่ควร!

สภาพแวดล้อมของที่นี่แม้จะไม่นับว่าดี แต่ก็เป็นแดนสุขาวดีที่ยากจะได้พบพาน

ไม่มีสัตว์ร้ายตัวที่สองมาก่อกวนวุ่นวาย

จู๋ตู๋ชิงเฝ้าอยู่ที่ปากทางเข้าด้านบน เส้นทางก็สงบยิ่งนักเช่นกัน ตี้ฝูอีจึงหลับตานั่งสมาธิเสียเลย ถือโอกาสปรับลมหายใจเพื่อฟื้นฟู

บางทีอาจเป็นเพราะเหนื่อยล้าเกินไป เขาจึงรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียยิ่งนัก ในทรวงอกมีไอร้อนแล่นหมุนวนไปมาอยู่ในชีพจร ทำให้เขาค่อนข้างอึดอัดฉุนเฉียว ดังนั้นจึงคิดจะนั่งสมาธิสงบใจสักหน่อย และถือโอกาสพักผ่อนฟื้นฟูไปด้วย…

ทุกครั้งที่เขาทำสมาธิจะสงบลงอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะหลงลืมตัวตนผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

แต่ครั้งนี้หลังจากเขานั่งสมาธิได้ครู่หนึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะผล็อยหลับไป

ซ้ำยังเกิดความฝัน…

ความฝันฤดูใบไม้ผลิ!

ฉากในความฝันค่อนข้างพิลึกพิลั่น เสมือนหวนกลับไปยังหมู่บ้านดึกดำบรรพ์ที่ถูกผนึกเอาไว้แห่งนั้น กลับไปยังคืนนั้น เขากินท่อนเอ็นของสัตว์ร้ายเข้าไป นางมาเสนอตัวช่วยปลดเปลื้องให้…

นั่นเป็นคืนที่บ้าคลั่ง และเป็นคืนที่เขาฝันใฝ่คะนึงหา เขาเคยหวนคำนึงถึงความหวานชื่นในคืนนั้นอยู่มากมายหลายค่ำคืน ทว่าไม่เคยเก็บเอามาฝันเช่นครั้งนี้เลย…

แน่นอน ความฝันนี้ถึงจะดูคล้ายแต่ก็มิใช่ความจริง ในความฝันเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าวันนั้น…

นางลุกจากเตียงไปแล้ว เขาก็ลุกจากเตียงเช่นกัน คิดจะไปตามหานาง ดูว่านางทำอะไรอยู่

เขาก้าวออกจากกระโจมขาวหลังนั้น มองเห็นทะเลสาบใหญ่แห่งนั้นอีกครั้ง