ตอนพิเศษ 1-17 ฮาแบค

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

หลังจากนั้นสามวัน ฮาแบคก็ออกจากพระราชวังในยามจา พร้อมใส่แผ่นป้ายประจำตัวหนึ่งแผ่นที่เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ ชินยูอัน… ซอลอันลูบมันหลายรอบและไม่สามารถเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ 

 

 

“เป็นนามที่นายท่านตั้งให้หรือเจ้าคะ” 

 

 

“ฝ่าบาททรงมอบสกุลให้ขอรับ ส่วนชื่อน่ะ ข้าตั้งให้เอง แล้วก็อีกอย่าง” 

 

 

ฮาแบคอมยิ้มขณะก้มมองยูอัน จากนั้นจึงเปิดตู้เอกสารออก ห่อผ้าหลายห่อถูกนำออกมาจากด้านในล้วนเป็นทรัพย์สมบัติมีค่าทั้งหมด 

 

 

“คืออะไรหรือเจ้าคะ” 

 

 

“ค่าตัวของแม่นาง มันคือทรัพย์สมบัติจากการขายบุตรสาวให้ออกเรือน ดังนั้นแม่นางจึงควรเป็นผู้เก็บไว้” 

 

 

ค่าตัว สมบัติจากการขายนาง? คนที่ได้รับมันก็คงจะเป็นพ่อแม่ ถ้าอย่างนั้น… 

 

 

“นายท่าน พวกเขา?” 

 

 

“ยังไม่ตาย” 

 

 

ช่างเป็นประโยคที่ไม่เข้ากับน้ำเสียงอันนุ่มนวลและสุขุมเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ทำไมพอฟังแล้วถึงเข้ากันแปลกๆ แต่นางก็นึกถึงตอนคนใช้ของจวนเล่าเรื่องเกี่ยวกับความน่ากลัวของ ‘นายน้อย’ ขึ้นมาได้ 

 

 

“ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจทางนั้นอีกแล้ว แม่นางยูอัน” 

 

 

ชื่อใหม่ของซอลอันคือ ชินยูอัน ยูอัน… ร่างบางมองและเอ่ยชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น สายตาประสานกันโดยบังเอิญจนทำเอาหัวใจฮาแบคพองโต น้ำเสียงระมัดระวังเข้ามาเคาะประตูหัวใจของเขาที่กำลังเก็บซ่อนสีหน้าตามความเคยชิน 

 

 

“ข้าขอคิดว่าชื่อนี้หมายถึงความรู้สึกของนายท่านได้หรือไม่เจ้าคะ” 

 

 

ยู แปลว่าสาเหตุ อัน แปลว่าความสบายใจ ฮาแบคพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับหวังว่าหัวใจเต้นแรงจนไม่อาจสงบจะไม่โดนจับได้ ทว่ามันคือความพยายามอันสูญเปล่า เพราะในเวลาต่อมา ยูอันก็เอื้อมแขนโอบรอบคอเขา ความร้อนชื้นจากลิ้นเล็กสอดแทรกเข้ามาอย่างใจกล้าแผ่ไปทั่ว จนสติสุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอสับสนยุ่งเหยิงอย่างรุนแรง 

 

 

“เจ้าเองก็ต้องตอบด้วยเช่นกัน” 

 

 

ลมหายใจผสมปนเปและอาศัยช่องว่างชั่วครู่ผละออกจากกัน เสียงกระซิบของฮาแบคจั๊กจี้ริมฝีปากเปียกชื้น 

 

 

“ข้าขอเข้าร่วมอยู่ในชีวิตใหม่ของเจ้าได้หรือไม่” 

 

 

ยูอันไม่ได้พยายามหาคำมาตอบ แต่ถึงไม่มีคำตอบเขาก็รู้อยู่แล้ว ชุดขุนนางไร้รอยยับถูกถอดออกทีละชั้นด้วยปลายนิ้วของนาง เสียงลมหายใจที่เคยราบเรียบค่อยๆ ติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ปลายนิ้วประหม่าเฉียดผ่านผิวเปลือย ฮาแบคจะกลั้นหายใจสักพัก ขณะเดียวกันก็ค่อยเอนตัวอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล 

 

 

“ไม่นึกเลยว่าจะใจกล้าเช่นนี้นะ” 

 

 

ดวงตาที่เก็บซ่อนความเขินอายอย่างไม่ชำนาญนักช้อนขึ้นสบ 

 

 

“ไม่ชอบหรือเจ้าคะ” 

 

 

“ก็ไม่นะ น่ารักดี” 

 

 

“รู้จักวิธีพูดอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ” 

 

 

“แน่นอนสิ” 

 

 

“ดับไฟก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” 

 

 

“ฟู่” 

 

 

ร่างสูงดับแสงเทียนส่องแสงรำไรด้วยลมหายใจ และคำพูดถัดมาท่ามกลางความมืดมิดทำให้ยูอันเงียบเสียงลง 

 

 

“เหลือเวลาให้คุยอีกตั้งมากมาย ดังนั้นตอนนี้พวกเรามาทำสิ่งนี้กันก่อนเถิด” 

 

 

ทำสิ่งนี้ก่อน การพูดการจาฟังดูประหลาดชอบกลกับเสียงนุ่มนวลอันเอกลักษณ์ของฮาแบคผสมกลมกลืนกันอย่างเย้ายวนเป็นพิเศษ มือใหญ่คลายปมเชือกอย่างสุภาพแต่ก็รีบร้อนอยู่ไม่น้อย เสื้อผ้าหลายชิ้นที่ปกติจะพับแล้ววางอย่างเรียบร้อย กลับกระจัดกระจายบนเตียงและพื้นห้อง ริมฝีปากที่คิดมาตลอดว่าน่าหลงใหลทาบทับบนริมฝีปากของยูอัน ลิ้นร้อนที่เคยข่มใจไล่เลียแนวฟันอย่างหยอกล้อ ร่างบอบบางที่คิดว่าผอมไปหน่อยถูกโอบกอดด้วยกล้ามเนื้อแน่นไร้ไขมันส่วนเกิน 

 

 

“คือ ต้องทำอะไรก่อนหรือเจ้าคะ” 

 

 

คำถามของยูอันโฉบเข้ามายามฮาแบคผละริมฝีปากออก 

 

 

“ตรงนี้” 

 

 

ยิ้มแย้มพลางรวบจับหน้าอก ไล่เลียส่วนยอดที่โผล่จากหว่างนิ้ว ความรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ก็ประหลาดอย่างบอกไม่ถูกทำให้ตัวยูอันสั่นเทาเล็กน้อย 

 

 

“ข้าจะดูดมัน” 

 

 

บ้าไปแล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคำพูดเช่นนั้นจะออกมาจากปากอีกฝ่าย ยูอันสะดุ้งเฮือกตัวแข็งทื่อก่อนจะพ่นลมหายใจ อา… ฮาแบคใช้มือนวดคลึงหน้าอกนิ่มตามใจชอบพร้อมใช้ปลายลิ้นสะกิดปลายยอดอก 

 

 

“รู้สึกแปลกๆ เจ้าค่ะ” 

 

 

เมื่อนางพูดกระซิบตอบ เขาก็ดูดดึงหน้าอกเข้าโพรงปากอย่างเต็มที่ราวกับรออยู่แล้ว ทิ้งรอยฟันบนเนื้ออ่อนและใช้ลิ้นดุนดันตรงปลาย ลิ้มรสส่วนยอดอย่างละโมบ ก่อนจะขยับไปอีกข้างและปลุกเร้าเช่นเดียวกัน 

 

 

มือข้างหนึ่งบิดคลึงยอดอกมันวาวด้วยน้ำลายเบาๆ แล้วค่อยๆ เลื้อยลงมาตามเอวคอดและกดรอบๆ กระดูกเชิงกรานนูน จากนั้นก็วาดวงกลมบนชั้นในชื้นแฉะ ความหฤหรรษ์คืบคลานเข้ามาในส่วนอ่อนไหวจนน่าหวาดกลัว ส่งผลให้ยูอันไม่สามารถหายใจเฉกเช่นปกติได้และตัวสั่นระริก 

 

 

“ผ่อนคลายเถิด” 

 

 

ฮาแบคเงยหน้าขึ้นมาครู่หนึ่งและตบเบาๆ ราวกับบอกให้ตั้งสติ 

 

 

“ไม่ได้ประหม่า…” 

 

 

“ถ้าไม่ได้ประหม่า งั้นข้าจะขอลองชิมที่อื่นดูสักหน่อยนะ” 

 

 

“เจ้าคะ?” 

 

 

หน้าอกได้รับอิสระโดยยังไม่ทันเอ่ยห้าม กลุ่มผมสีดำที่โอบกอดเมื่อครู่ย้ายตำแหน่งลงไปตรงหว่างขาของนางแล้ว 

 

 

“นายท่าน!” 

 

 

ยูอันหน้าแดงถึงกกหูเพราะความเขินอายและความตื่นเต้น รีบร้องตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว 

 

 

“ต้องเรียกว่าท่านพี่สิ” 

 

 

ฮาแบคพูดพึมพำทั้งๆ ที่ปากกำลังขบเนินนูนผ่านผ้าชั้นในตัวบาง ส่วนอ่อนไหวสั่นเล็กน้อยจึงเริ่มหดเกร็ง 

 

 

“ไม่ได้เจ้าค่ะท่านพี่” 

 

 

“ข้าเป็นถึงสามี ไยถึงไม่ได้เล่าล่ะ” 

 

 

รับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเพศหญิงอย่างรุนแรงแม้จะมีเนื้อผ้าคั่นอยู่ มันกระตุ้นอารมณ์เพศชายได้ไม่น้อย ฮาแบคดูดดึงเนินนูนจนส่งเสียงดังจ๊วบจ๊าบโดยไม่ถอดชั้นในออก น้ำลายและน้ำรักผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ก่อนจะยอมเงยหน้าขึ้นมายามชั้นในเปียกชุ่มแล้ว 

 

 

“บอกว่าไม่ได้ไงเจ้าค่ะ” 

 

 

ฮาแบคหัวเราะพลางใช้นิ้วเขี่ยหุบเขาแย้มพรายด้านล่างลำธารอันชุ่มชื้น 

 

 

“แต่ตรงนี้มันแฉะถึงขนาดนี้แล้วนะ” 

 

 

“นายท่าน ไม่ ท่านพี่ อ๊า อึก!” 

 

 

ยูอันกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องบิดเอวพร้อมร้องคราง เพราะจู่ๆ นิ้วเรียวก็แหวกชั้นในออกข้างๆ และสอดเข้ามาเต็มแรง 

 

 

“เจ็บหรือไม่” 

 

 

“ไม่ แต่ว่า…”