ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
โถวปาหง เซียวอวี๋ อ้าวปา เดินตรงเข้ากระโจมไป เหลือคาร์นและอิลิดันไว้คอยด้านนอก เซียวอวี๋รู้ว่าด้านในไม่มีอันตรายใด ไม่จำเป็นต้องพากันเข้าไปทั้งหมด อีกทั้งการทิ้งคาร์นและอิลิดันไว้ด้านนอกยังเป็นการแสดงอำนาจในระดับหนึ่งด้วย กองทัพพยัคฆ์แน่นอนว่าเป็นทหารชั้นสูงในหมู่ทหารชั้นสูง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับองค์รักษ์อย่างเผ่าพันธุ์ทัวเรนและปีศาจแล้ว พวกเขาก็ยากจะสงบใจได้ลง พวกเขาไม่รู้ว่าใต้บัญชาของเซียวอวี๋จะมีทัวเรนและปีศาจเช่นนี้อีกมากเท่าไร เซียวอวี๋ยังลอบกำชับคาร์นและอิลดันไว้ว่าหากมีคนกล้าท้าทายก็ให้ลงมือให้หนักได้ทันที ขอเพียงไม่ถึงตายก็พอ แต่ความจริงแล้ว กองทัพพยัคฆ์มีวินัยเคร่งครัด หากปราศจากคำสั่งของเบื้องบน พวกเขาย่อมไม่กล้าลงมือ และต่อให้พวกเขาถูกยั่วยุก่อน พวกเขาก็จะไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อเรื่อง ทัพพยัคฆ์ยึดถือกฏระเบียบมาก ไม่คล้ายกับกองทัพของเซียวอวี๋ กองทัพของเซียวอวี๋ผ่อนปรนให้และเป็นกันเองมากกว่า หลังจากพวกเซียวอวี๋เดินเข้ามาในกระโจมก็เห็นบุรุษวัยกลางคนที่มีคิ้วหนานั่งอยู่บนเก้าอี้กลางกระโจม แม้ว่าบุรุษผู้นี้จะนั่งอยู่ แต่ก็เห็นได้ถึงความเข้มแข็งกำยำของเขา หากอยู่ในวัยหนุ่ม ไม่ว่าเขาไปที่ใดย่อมต้องเรียกสายตาจากสตรีมากมายได้แน่ บุรุษกลางคนมองพวกเซียวอวี๋สามคนปราดหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หลานคำนับเสด็จลุง” โถวปาหงที่เรียกความมั่นใจกลับมาได้แล้วกล่าวทักทาย เขาประสานมือไปทางอ๋องหู่อย่างสุภาพ หากแต่น้ำเสียงกลับไม่ได้แสดงทั้งความถ่อมตนหรือเย่อหยิ่ง ได้ยินน้ำเสียงของโถวปาหง แววตาของโถวปาหู่ก็ฉายแววประหลาดใจ “อืม ทำให้ฝ่าบาทต้องเดินทางไกลเพื่อมาพบผู้ชราแล้ว ขอทรงอภัยให้กระหม่อมด้วย” โถวปาหู่นั่งหลังเหยียดตรงโดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นแสดงความเคารพ โถวปาหงรีบโบกมือ “คำพูดของท่านลุง หลานไม่กล้ารับ ท่านลุงได้รับพระทานตำแหน่งอ๋องโดยเสด็จพ่อ คอยพิทักษ์ชายแดนอย่างเข้มแข็ง เสด็จพ่อมักกล่าวอยู่บ่อยๆว่าท่านลุงหวังเป็นเสาหลักของแผ่นดิน ต้องปฏิบัติต่อท่านให้ดี เมื่อข้าได้พบกับท่านลุง ข้าก็มาเพื่อเยี่ยมเยียน อา หวังว่าท่านลุงจะอภัยให้ข้า หลังพบกับท่านลุงแล้ว ไม่นานหลานก็ต้องกลับไปบัญชาการรบที่แนวหน้าต่อ ตอนนี้สถานการณ์ที่แนวหน้าตึงเครียดยิ่ง ข้าหวังว่าท่านลุงจะไม่ตำหนิ” คำพูดของโถวปาหงดูมีพลัง ด้านหนึ่งเขาแสดงความไว้วางใจจากโถวปาเย่ผู้เป็นบิดาตอนที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่และเป็นการบอกเป็นนัยว่าผลประโยชน์ที่โถวปาหู่ได้รับนั้นมาจากโถวปาเย่ อีกด้านหนึ่ง คำพูดของโถวปาหงดูเหมือนสนิทสนม หากแต่ในความจริงกลับเว้นระยะห่าง นั่นหมายความว่า เขามาที่นี่เพื่อทำตามคำกล่าวของบิดาที่ให้ปฏิบัติด้วยดีเพียงเท่านั้น นอกจากนี้โถวปาหงยังชี้ให้เห็นว่าสงครามครั้งนี้เขาเป็นผู้กุมบังเหียนและผ่านสงครามอันยากลำบากมา เขาต้องรีบกลับไปก็เป็นการบอกว่าในสายตาของเขา สงครามนี้มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ได้ยินคำพูดของโถวปาหง แววตาของโถวหู่ก็ไหววูบและไม่ได้กล่าวสิ่งใด ที่เขาเดินทางมาครั้งนี้ เขาคิดว่าโถวปาหงจะแสดงอารมณ์เดือดดาลออกมาและพยายามยกอ้างเหตุผลต่างๆนานาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าร่วม ทว่ากระทั่งถึงตอนนี้ โถวปาหงก็ยังไม่เอ่ยปากถึงเรื่องช่วยเหลือแม้แต่น้อย ส่วนเหตุผลที่เขานำกองทัพมาด้วยนั้นก็เพื่อให้ทหารของเขาได้เปิดหูเปิดตาถึงความน่าสะพรึงของพวกเซิก เขายังรู้มาอีกว่า โถวปาหงกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ ครั้งนี้ขาไม่อาจทำตัวนิ่งเฉยไม่ทำอะไรได้อีก ส่วนในตอนแรกที่โถวปาหงและโถวปากุ้ยแย่งชิงบัลลังก์ เขาไม่ได้เลือกข้างและทำเพียงดูอยู่นอกวง แต่การมาครั้งนี้ถือเขามาแบบลดราคาค่าตัว กระนั้นก็ยังต้องแสดงท่าทีของอ๋องเพื่อรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงวางท่าสูงส่ง ไม่ให้โถวปาหงกุมความได้เปรียบ และเขาก็จะรักษาตำแหน่งอ๋องของตนไว้ นี่คือความคิดของอ๋องหู่ ด้วยความแข็งแกร่งของทัพพยัคฆ์ของเขาแล้ว เขาย่อมมีอำนาจต่อรองในมือ เมื่อโถวปาหงกำลังเผชิญหน้ากำลังวิกฤติ เขาจึงนำกำลังมาด้วยเช่นนี้ โถวปาหงย่อมสมควรยินดี และโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปาก โถวปาหงก็จะรีบหยิบยื่นประโยชน์ต่างๆมาให้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะสามารถชนะการเจรจาได้โดยไม่ต้องเจรจา ทว่าตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะผิดแปลกไปแล้ว โถวปาหงดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับสงครามเลย กระทั่งไม่เห็นความต้องการที่จะเรียกใช้งานทัพพยัคฆ์ แม้คำอธิบายจะดูไม่เหมาะสมนัก แต่ตอนนี้ก็อธิบายได้เพียงว่า เขากำลังหน้าร้อนและเย็นก้น เขานำกองกำลังมาด้วยถึงที่หวังให้อีกฝ่ายรับไว้ ทว่าอีกฝ่ายกลับเฉยชา “เฮ้อ” โถวปาหู่ไม่ได้กล่าวตอบใดๆ ครั้งนี้เขาไม่ทราบจะเอ่ยอะไรจริงๆ ในเวลานี้ โถวปาหงเริ่มต้นพูดคุยกับโถวปาหู่เรื่องความเลื่อมใสที่เขามีต่อโถวปาหู่ตั้งแต่ยังเด็ก และรำลึกความหลังที่พวกเขาพบเจอกันในวัง โถวปาหงเล่าหลายเรื่อง ยกเว้นเรื่องของสงครามในตอนนี้ ทำให้โถวปาหู่ไม่อาจดึงหัวข้อมายังเรื่องของสงคราม ด้วยวิธีนี้ หากเขาต้องการพูดคุยก็ทำได้เพียงบอกว่าเขานำกำลังมาช่วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม โถวปาหงกลับไม่ยอมเอ่ยถึง สีหน้าเองก็ไม่ได้แสดงสิ่งใด เว้นแต่โถวปาหงจะถามโถวปาหู่ว่ามานี่ด้วยสาเหตุใด เขาจึงจะมีทางให้ลง แต่โถวปาหงไม่ยอมถามออกมาสักที เซียวอวี๋ที่ฟังอยู่ด้านข้างก็ลอบผงกศีรษะ โถวปาหงช่างเรียนรู้ไว คู่ควรแล้วที่ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิได้ ตั้งแต่ด้านนอก เขาก็รู้แล้วว่าโถวปาหู่มาทำไม โถวปาหู่ย่อมไม่ได้มาเพื่อก่อกบฏชิงบัลลังก์อยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายของเซียวอวี๋จึงมีอำนาจต่อรองเหนือกว่า…..