บทที่ 534 พากันแตกตื่น

The king of War

แค่พวกเขาไม่เสียผลประโยชน์ ถึงคนนอกจะมาเป็นเจ้าบ้าน แล้วมันจะเป็นยังไงหรือ

ขณะนั้น หม่าชาวลากใครคนหนึ่งเข้ามา

เมื่อ เย่จี้จงเห็นคนที่หม่าชาวลากเข้ามา เขาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

คนนี้ คือมือปืนระหว่างประเทศอันดับต้นๆ ที่เขาจ้างมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล ตอนนี้ โดนหม่าชาวพาเข้ามา สิ่งสำคัญไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่

“เจ้าบ้านเย่ ถ้าผมเอาเขาส่งให้สมาคมบูโด ตระกูลเย่จะมีจุดจบยังไง”

หยางเฉินยิ้มและมองไปที่เย่จี้จง จากนั้นจึงถามขึ้น

คนแก่อายุ 80 ปี ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยตีนกา มีความหวาดกลัวแสดงออกมา

เขาจ้างมือปืนคนนี้มา วันนี้ทรราชโดนยิง ถ้าหยางเฉินส่งมือปืนไปให้สมาคมบูโด พวกเขาต้องง้างปากมือปืนอย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น ความจริงต้องเปิดเผยแน่ๆ

“มือปืนคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ถึงนายจะส่งเขาให้สมาคมบูโด แล้วมันจะยังไงล่ะ” เย่จี้จงพูดด้วยสีหน้ากลัวความผิด

เมื่อยังไม่มั่นใจว่าหยางเฉินจะส่งคนให้สมาคมบูโดหรือเปล่า เขาไม่มีทางยอมรับ

หยางเฉินถามอย่างยียวน “ผมยังไม่รู้ว่าคนนี้คือใคร เจ้าบ้านเย่รู้ได้ยังไง ว่าเขาคือมือปืน แถมยังเป็นมือปืนที่ฆ่าทรราชอีกด้วย หรือเจ้าบ้านเย่ มีความสามารถในการรู้ล่วงหน้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น คนตระกูลเย่ถึงกับอึ้ง

ทรราชโดนลอบยิง พวกเขาตกใจ และหวาดกลัวมาก กลัวสมาคมบูโดจะทำลายตระกูลเย่

หยางเฉินพูดไม่กี่ประโยค ก็สามารถหลอกเย่จี้จงได้

เย่จี้จงตื่นตระหนก เขากัดฟันพูด “นายต้องการอะไรกันแน่”

“คุณทำเรื่องชั่วเอาไว้มากมาย ไม่คิดจะสำนึกผิดสักนิดเลยหรือไง”

รอยยิ้มบนใบหน้าหยางเฉินหายไป เขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “พ่อตาที่ผมไม่เคยเจอหน้า ต้องตายเพราะคุณ คุณจะไม่ขอโทษภรรยาและลูกสาวเขาเลยหรือไง”

หยางเฉินไม่พอใจกับตาเฒ่าคนนี้มาก

ถ้าเขาไม่ใช่ตาของฉินซี มีหรือที่หยางเฉินจะรอถึงตอนนี้

ไม่แน่เขาอาจจะทำลายตระกูลเย่ เพื่อแก้แค้นให้พ่อฉินซีไปตั้งนานแล้ว

เย่ม่านตาแดงก่ำ เธอกัดฟันพูดว่า “ในสายตาของพ่อ คงมีแค่ผลประโยชน์ของตระกูลสินะ ถึงฉันเป็นลูกสาวพ่อ แต่ฉันคงเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง พ่อจะควบคุมหมากตัวนี้ยังไงก็ได้!”

“การที่เป็นคนของตระกูลเย่ เป็นเจ้าบ้านเย่ สิ่งที่ฉันทำทั้งหมด ก็เพื่อตระกูล ฉันผิดหรือไง”

“แกรู้ไหมว่า การที่ตระกูลเย่มาถึงทุกวันนี้ได้ บรรพบุรุษต้องเสียเลือดเสียเนื้อตั้งเท่าไร”

“ฉันแค่อยากให้ตระกูลอยู่ในจุดที่รุ่งเรืองมากกว่านี้ เพื่อทำให้บรรพบุรุษสบายใจ ฉันผิดหรือไง”

เย่จี้จงสีหน้าบึ้งตึง เขาพูดด้วยความสะเทือนใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเย่ ฉันอายุแปดสิบปีแล้ว ทำไมยังต้องมาจัดการเรื่องทั้งหมดในตระกูลเย่อีก”

“ทำไมฉันถึงไม่มอบตำแหน่งให้คนอื่น แล้วไปปลูกผักปลูกหญ้า ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสบายใจล่ะ”

เย่จี้จงเหมือนคนบ้า เขาพูดออกมาอย่างโมโห ดวงตาสองข้างแดงก่ำ

เย่ม่านดวงตาแดงก่ำ เธอกัดริมฝีปากแน่น และไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอมองเย่จี้จงอย่างเกลียดชัง

หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่นึกขึ้นมาว่าคนรักของเธอ โดนพ่อสั่งฆ่า เธอรู้สึกว่าตายดีกว่ามีชีวิตอยู่

เธออยากแก้แค้น และมีโอกาสหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่จะลงมือ เธอก็ทำใจไม่ได้สักที

ไม่ว่ายังไง เย่จี้จงคือพ่อที่มอบชีวิตให้เธอ ถึงเขาจะผิด ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเธอ!

ดังนั้น ในใจเธอจึงมีเพียงความเกลียดเย่จี้จง เธอไม่สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ

หยางเฉินเงียบเหมือนกัน หน้าที่ของเขามีเพียงแค่ช่วยเย่ม่าน

ตอนนี้เขาทำหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือเรื่องของเย่ม่าน

เขาแค่ปกป้องให้เย่ม่านมีชีวิตอยู่ก็พอ

ตอนที่ เย่จี้จง ให้มือปืนยิงหม่าชาว อันที่จริงเขามีเหตุผลเพียงพอที่จะฆ่า เย่จี้จงแล้ว

แต่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเย่จี้จงกับฉินซี ความสัมพันธ์อันบอบบาง ทำให้หยางเฉินไม่สามารถลงมือกับคนแก่อายุ 80 ปีได้

“ใช่! เพราะตระกูล พ่อสามารถควบคุมชีวิตของลูกแต่ละคนได้”

“คนเป็นพ่อ สามารถสละความสุขของฉัน เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตระกูล”

“แต่ทำไมพ่อต้องฆ่าเขาด้วย เขาแค่ต้องการให้พ่อ อวยพรให้เรา แต่พ่อไม่ยอม ก็ปฏิเสธได้! ทำไมพ่อต้องฆ่าเขาด้วย”

“พ่อบอกฉันมา เขาทำผิดอะไร ถึงขนาดที่ต้องฆ่าเขา”

เย่ม่านสะเทือนใจ เธอร้องไห้และตะโกนออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวด อีกทั้งยังมีความผิดหวังอีกด้วย

เธอรักผู้ชายคนนั้น ผู้ชายธรรมดาคนนั้น ผู้ชายคนที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ

ขนาดเธอรักเขาขนาดนี้ พ่อยังสั่งฆ่าเขา

สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดบนโลกนี้ คงไม่มีอะไรเกินกว่าการที่คนที่ตัวเองรักที่สุด ฆ่าคนรักของตัวเอง!

แววตาขุ่นมัวของเย่จี้จง ไม่ไหวติง ยังคงเฉยชาเหมือนตอนแรก

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเย่ม่าน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผิดและสำนึกเลยแม้แต่น้อย

ในพจนานุกรมของเขา คงจะไม่มีคำว่าความรู้สึก คงมีเพียงแค่คำว่าผลประโยชน์เท่านั้นสินะ

“นี่เป็นโชคชะตาของแก โชคชะตาของผู้หญิงตระกูลเย่!”

ผ่านไปนาน เย่จี้จงจึงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาไร้เยื่อใย ไม่มีความรู้สึกสักนิด

เสียงร้องไห้ของเย่ม่านหายไป แววตาของเธอเย็นชาลงเรื่อยๆ เธอมองเย่จี้จงและเอ่ยขึ้น “คุยกับคนเลือดเย็นแบบพ่อ ถึงฉันจะพูดสักเท่าไร ก็ไร้ประโยชน์!”

เย่จี้จงส่งเสียงหึออกมา และไม่พูดอะไร

“หยางเฉิน ฉันจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คำพูดของฉันเป็นใหญ่ในตระกูล!”

จู่ๆ เย่ม่านหันไปมองหยางเฉิน และพูดด้วยสายตาจริงจัง

หยางเฉินประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อครู่ตอนที่เขาถามเธอว่าสนใจตำแหน่งเจ้าบ้านหรือเปล่า แววตาของเธอยังไม่เห็นด้วยขนาดนี้ ราวกับว่าเธอกำลังร่วมมือกับเขาเท่านั้น

แต่ทว่าตอนนี้ แววตาของเย่ม่าน เต็มไปด้วยความหมกมุ่น หมกมุ่นที่จะยึดอำนาจตระกูลเย่

หยางเฉินยิ้มบางๆ “เอาตามที่คุณต้องการ! ถึงคุณจะฆ่าตาแก่นี่ ผมจะไม่เข้าไปก้าวก่าย หน้าที่ของผม มีเพียงอย่างเดียว คือปกป้องชีวิตของคุณให้ปลอดภัย!”

เย่ม่านอยากได้ยินคำพูดนี้ เธอพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง จากนั้นจึงกวาดตามองคนในตระกูล ด้วยแววตาเฉยชา “จากวันนี้เป็นต้นไป ฉันคือเจ้าบ้านตระกูลเย่ มีใครไม่ยอมหรือเปล่า”

ตอนนี้ เหมือนเย่ม่านเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความเย็นยะเยือกปกคลุมทั่วร่างกาย และมีราศีของผู้มีอำนาจ

คนตระกูลเย่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ทุกคนพากันตกตะลึง ราวกับไม่คิดว่าจะมีวันที่ผู้หญิงในตระกูลอย่างเย่ม่าน จะขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่

“เย่ม่าน ฉันยังไม่ตายนะ!”

น้ำเสียงของเย่จี้จงทุ้มและเย็นชา แววตาขุ่นเคืองมองไปที่เย่ม่าน “แกอยากควบคุมตระกูลเย่ เว้นแต่ฉันตายเท่านั้น!”

“พ่อคิดว่าคำพูดของพ่อ ยังใช้ได้ผลในตระกูลเหรอ”

เย่ม่านยิ้มเยาะเย้ย

เมื่อเธอพูดจบ เสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นจำนวนมาก

จากนั้น ระหว่างที่คนในตระกูลเย่กำลังตกใจ ผู้แข็งแกร่งสวมหน้ากากผี สิบกว่าคน บุกเข้ามาในตระกูลเย่ และล้อมคนตระกูลเย่เอาไว้

ตอนนี้ ทุกคนพากันแตกตื่น!