ตอนที่ 346 วังหลังของตู๋กูซิงหลัน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ดูเอาเถอะ น้องเล็กโชคดีบุญรักษา รอดชีวิตมาได้

 

 

แต่นางกลับต้องขาพิการ!

 

 

นางพึ่งอายุสิบเจ็ดปีเท่านั้น! กลับต้องมาทนรับความเจ็บปวดถึงเพียงนี้ พวกเขาล้วนไม่กล้าครุ่นคิดเลยว่า ช่วงเวลาที่บาดเจ็บสาหัสอยู่นั้น นางที่เป็นเพียงเด็กสาวอ่อนแอผู้หนึ่งผ่านพ้นมันมาได้อย่างไร

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ สองพี่น้องก็ต้องตาพร่าไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมาอีก

 

 

ตู๋กูจุนยังนับว่าอดกลั้นได้เป็นอย่างดีแล้ว ดวงตาของเขาชื้นไปด้วยไอหมอก เขายื่นมือไปคีบขาหมูชิ้นหนึ่งส่งถึงมุมปากของตู๋กูซิงหลัน “น้องเล็ก ต่อให้พี่ใหญ่จะต้องจับพวกหมอมาให้หมดทั้งแผ่นดิน ก็จะต้องรักษาขาของเจ้าให้หายดีให้ได้”

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยน้ำตาหยดแหมะๆ ไปตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีเขาก็เป็นคนที่อ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว น้องเล็กมาเป็นเช่นนี้จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร?

 

 

“น้องเล็ก ขอเพียงเจ้าสามารถหายดี ต่อให้นับจากวันนี้ไปพี่รองจะต้องกลายเป็นคนใบ้ก็ยอม”

 

 

ขอเพียงน้องเล็กอยู่ดีมีสุข บุรุษตระกูลตู๋กูอย่างพวกเขาก็ยินดีจะทำทุกอย่าง

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นท่าทางของพวกเขา ในใจก็ยิ่งสำนึกผิดกว่าเดิม

 

 

นางทั้งใช้ร่างเนื้อของไทเฮาน้อย ทั้งได้รับความรักและการปกป้องจากพวกพี่ชาย แต่กลับมิได้ตอบแทนอะไรพวกเขาสักอย่าง

 

 

ตอนนั้นก็ยังทิ้งไปอย่างกระทันหัน…..

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่กล้าคาดคิดเลยว่า หากว่านางหายไปตลอดชีวิตของพวกเขาจริงๆ พวกพี่ๆ จะเป็นเช่นไร…..

 

 

มีหวังคงเสียสติไปเลย

 

 

“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านดีกับข้ามากเกินไปแล้ว” ตู๋กูซิงหลันเคี้ยวขาหมูที่หอมอร่อยไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจ

 

 

“เจ้าเป็นน้องสาวสุดที่รักของพวกเรา ทำดีกับเจ้าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” ตู๋กูจุนช่วยเช็ดน้ำมันที่เปื้อนตรงมุมปากให้กับนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความเอาใจใส่

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยเองก็ผงกศีรษะ “เจ้าเป็นชีวิตของพวกพี่ๆ ในใจของพี่รอง ใต้หล้านี้ไม่มีหญิงใดสามารถเทียบได้กับน้องเล็กของพวกเราตลอดกาล”

 

 

ตู๋กูจุนเก็บปากเก็บคำเอาไว้ ไม่อยากพูดจนทำให้นางต้องรำคาญมากเกินไปในตอนนี้

 

 

ตู๋กูซิงหลันอยากจะบอกฐานะที่แท้จริงของนางกับพวกเขาแต่ทุกครั้งที่คำพูดมาถึงปากก็ได้แต่กลืนลงไป

 

 

นี่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดรวดร้าวที่สุดเรื่องหนึ่ง

 

 

หากพวกเขาได้รู้ว่าน้องสาวของตนเองตายไปตั้งแต่แรก และที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นแค่ของทดแทน…..

 

 

สำหรับคนทั้งสองที่รักน้องอย่างบ้าคลั่งแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็คิดไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะทำเรื่องใดขึ้นมาได้บ้าง

 

 

เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น คนทั้งสองคงจะเปลี่ยนเป็นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าจีเฉวียนอีกกระมัง

 

 

ตู๋กูซิงหลันคิดๆ ดูแล้ว สมควรหาโอกาสที่เหมาะสมค่อยๆ สารภาพคงจะดีกว่า

 

 

พอตู๋กูซิงหลันไม่พูดไม่จา สองพี่น้องก็คิดว่านางคงจะกังวลว่าขาที่พิการไม่อาจรักษาได้ ตู๋กูจุนเช็ดปากให้นางเสร็จแล้ว ก็ลูบเส้นผมบนกระหม่อมของนาง

 

 

“อีกไม่กี่วันท่านปู่ก็จะกลับมาแล้ว ท่านปู่มีประสบการณ์มากเห็นโลกกว้างมากกว่าพวกเรา ย่อมต้องรู้จักท่านหมอดีๆ อย่างแน่นอน”

 

 

“ท่านปู่จะกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ?” ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมา นับตั้งแต่ที่นางมายังโลกมิตินี้ก็เกือบสองปีแล้ว ท่านปู่ของไทเฮาน้อยถูกพูดถึงกันอยู่ตลอดเวลา แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้พบตัวจริง

 

 

“จะไม่ใช่ได้อย่างไร เจ้าที่เป็นหลานสาวคนโปรดขาพิการแล้ว ท่านปู่มีหรือจะไม่กลับมา?”

 

 

“น้องเล็กวางใจเถอะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เจ้ายังมีพวกเราอยู่เสมอ”

 

 

เพียงแค่ประโยคเดียวก็อบอุ่นไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ตู๋กูซิงหลันเองก็พักเรื่องที่กังวลใจทั้งหมดเอาไว้ก่อน

 

 

เมื่ออยู่ในโลกนี้ นางก็ได้เปลี่ยนฐานะกลายเป็นไทเฮาน้อยไปแล้ว ก็ต้องมีชีวิตต่อไปในร่างนี้ให้ดี

 

 

ในตอนนั้นเอง ได้ยินเชียนเชียนส่งเสียงรายงานเข้ามาว่า “ไทเฮาเพคะ องค์หญิงใหญ่และพระสนมหยวนเฟยเสด็จมาเยี่ยมท่านแล้วเพคะ”

 

 

นางพึ่งจะร้องออกไป ก็เห็นท่านหญิงน้อยซุนเอ๋อร์หอบกระโปรงตัวน้อยวิ่งตึงๆ เข้ามาแล้ว นางวิ่งมากอดตู๋กูซิงหลัน กระโจนเข้ามาในอ้อมอกของนางในครั้งเดียว ใช้ศีรษะน้อยๆ ของตนถูไปมา

 

 

“ท่านย่าน้อย ซุนเอ๋อร์คิดถึงท่านเหลือเกิน” ซุนเอ๋อร์กอดเอาไว้แน่นพักใหญ่จึงยอมปล่อยนาง หลังจากนั้นก็ถอดสร้อยไข่มุกทองที่อยู่บนข้อมือออกมาส่งให้กับนาง

 

 

“ท่านแม่บอกว่าเม็ดมุกพวกนี้สามารถนำโชคดีมาให้ ซุนเอ๋อร์ให้ท่านย่าน้อย ขอให้ต่อไปท่านย่าน้อยไม่เจ็บไม่โชคร้ายอีก ให้สงบสุขราบรื่นตลอดชีวิต”

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูเด็กน้อย ไม่ได้พบกันนาน เด็กน้อยสูงขึ้นบ้างแล้ว ทั้งยังสะสวยขึ้นด้วย

 

 

“ช่วงที่ผ่านมานางคิดถึงเจ้าอยู่ตลอด” องค์หญิงใหญ่ประทับยืนอยู่ด้านข้าง พอได้เห็นตู๋กูซิงหลันที่ต้องมานอนอยู่บนเตียงในวันนี้ นางก็เกิดความรู้สึกสงสาร

 

 

ตู๋กูซิงหลันลูบศีรษะของเด็กน้อย ส่งยิ้มหวานให้กับนาง “ขอบคุณเจ้ามาก ซุนเอ๋อร์”

 

 

แน่นอนว่าตู๋กูจุนย่อมเป็นฝ่ายสละที่ให้กับองค์หญิงใหญ่

 

 

องค์หญิงใหญ่พบกับเขาก็มิได้แสดงทีท่าขับไล่ หากแต่ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ ไม่ตรัสอะไรด้วยแม้แต่ประโยคเดียว

 

 

หากมิใช่เพราะว่าตอนนั้นตู๋กูซิงหลันได้ช่วยเหลือซุนเอ๋อร์เอาไว้ เกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะได้เห็นพวกเขาทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันก็คงจะไม่มีแล้ว

 

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าจีฉุน ตู๋กูจุนก็คอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยความเกรงว่าจะไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเข้า ถึงแม้ว่าจะมีน้องสาวของตนเองอยู่ด้วยก็ยังเป็นเช่นนี้

 

 

หยวนเฟยเห็นแล้ว ก็รู้สึกว่าหัวใจไร้รสชาติอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ยากนักที่จะหาคนที่มีขนหน้าอกดกๆ ได้สักคน แต่ว่าในใจของเขากลับมีผู้อื่นอยู่แล้ว

 

 

นับตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันหายตัวไป ตู๋กูจุนก็ไม่กลับไปเป่ยเจียง หากแต่เสาะหาน้องอยู่ตลอด

 

 

นางเองก็คอยช่วยเหลือเขา…..

 

 

ยิ่งได้ใกล้ชิดกับตู๋กูจุน ก็ยิ่งรู้สึกว่าบุรุษที่คมเข้มและบึกบึนผู้นี้น่าเกรงขามแต่ภายนอกเท่านั้น ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่จิตใจละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

 

 

บางครั้งไม่ทันระวังก็บังเอิญได้เห็นเขาอาบน้ำ….จุ๊ จุ๊ …..ขนหน้าอกแบบนั้นแม้แต่นักรบอันดับหนึ่งของหนานเจียงก็ยังเทียบไม่ได้เลย

 

 

ช่างน่าเสียดาย…..

 

 

นางเก็บสายตากลับมา เดินไปที่เบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลัน “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันก็คิดถึงท่านเช่นกัน”

 

 

คิดถึงตู๋กูซิงหลันนั้นเป็นเรื่องจริง ช่วงที่นางไม่อยู่ในวัง ตนก็เบื่อมากจริงๆ

 

 

ตอนนี้ในเมื่อปลอดภัยกลับมา ก็นับว่าดีแล้ว

 

 

“ข้าเองก็คิดถึงเจ้า เสี่ยวหยวนเฟย” ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ดีๆ ตนก็เปิดวังหลังส่วนตัวขึ้นมา ในวังหลังนี้มีเหล่าคนน่ารักที่ตนโปรดปรานมากมาย

 

 

คนนั้นนางก็อยากจะลูบๆ คลำๆ คนนี้นางก็คิดจะใกล้ชิดสนิทสนม วุ่นวายทำอะไรไม่ทันไปหมดแล้ว

 

 

ทางนี้พึ่งจะพูดกันจบ ก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านนอก “อาหลัน!”

 

 

ทันใดนั้นก็เห็นซูกุ้ยเฟยที่ท้องโตพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้แต่นางกำนัลข้างกายของนางก็ยังรั้งไว้ไม่ทัน

 

 

พอซูเม่ยมาถึงเบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน แม้แต่ตู๋กูเจวี๋ยก็ยังต้องถอยออกไปด้านข้าง

 

 

“อาหลัน วันนี้ข้ามาช้าไปแล้ว” ถึงซูเม่ยจะเห็นว่ามีผู้คนภายในห้องมากมาย ก็ยังไม่คิดจะเก็บอาการ เขาแทบจะเอาตัวครึ่งหนึ่งพาดลงไปบนร่างของตู๋กูซิงหลันอยู่แล้ว

 

 

เขาถึงกับสูดดมกลิ่นกายจากตัวนางเข้าไปอย่างอาจหาญ ค่อยรู้สึกว่าจิตใจอิ่มเอิบ สบายใจขึ้น

 

 

“อาหลัน ข้าฝันถึงเจ้าทั้งคืนเลย เช้านี้ก็ฝันถึงเจ้า ก็เลยตื่นสายไปหน่อย” ซูเม่ยกอดแขนของนางเอาไว้ “ข้าฝันว่าเจ้าหายไปอีกแล้ว ทำเอาข้าตกอกตกใจหมดเลย”

 

 

ซูเม่ยพูดพลาง ขนตาก็เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำ “อาหลัน เจ้าอย่าได้หายไปอีกเลยนะ ได้ไหม?”

 

 

ตอนที่นางหายสาปสูญไป เขาไม่เป็นอันกินอันนอน และเพราะว่าฐานะของตนคือซูกุ้ยเฟย จึงไม่อาจไปตามหานางได้อย่างเปิดเผย ได้แต่ตามหานางอย่างเงียบๆ

 

 

แต่มิว่าอย่างไรก็ไม่เจอแม้แต่เงา พอคิดว่านางอาจจะ….หัวใจของเขาก็เย็นยะเยือกแล้ว

 

 

ตอนนี้ดีแล้ว นางกลับมาแล้ว

 

 

ขาพิการ

 

 

ก็ไม่เป็นไร…..เขาจะต้องหาหนทางทำให้นางหายดี

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูซูเม่ย นับตั้งแต่ที่นางกลับมา ซูเม่ยก็ขยันมาเยี่ยมเหมือนกับพวกพี่ชาย อะไรดีอะไรอร่อยล้วนต้องขนมายัดเยียดให้นาง

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

ไรท์: หยวนเฟยคะ บังเอิญยังไงให้ได้เห็นผู้ชายอาบน้ำคะ

 

 

หยวนเฟย: (เขินอาย) บังเอิญตาดีค่ะ

 

 

——

 

 

ไรท์ : ตู๋กูซิงหลัน อบอุ่นจนร้อนเลยไหม?

 

 

ตู๋กูซิงหลัน: ข้าชอบ ครึกครื้นดีออก

 

 

ไรท์: งั้นเพิ่มอีกเบอร์เป็นไง?

 

 

ตู๋กูซิงหลัน:???

 

 

ไรท์: เดี๋ยวก็รู้ว่าใครมา….หุ หุ