ตอนที่ 164 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 164 ด้านของพ่อแม่ (10)
ลั่วจื่อหานมองท้องของอี้เป่ยซี ไม่มีความกังวลอีกต่อไป คิดจะรีบพาอี้เป่ยซีไปที่ประเทศ U เพื่อหารือกันเรื่องแต่งงาน
“หา ไปพรุ่งนี้เลยเหรอ” ปากกาที่หมุนอยู่ในมือของอี้เป่ยซีร่วงจากปลายนิ้วเป็นครั้งคราว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความวิตก
“เป็นอะไรไป?”
เธอรวบรวมความกล้ามองลั่วจื่อหาน “ฉัน คือว่า กลัวแม่ฉันจะว่า”
ทีนี้ถึงตาลั่วจื่อหานอึ้งบ้าง เขากุมสองมือของอี้เป่ยซี “ไม่เป็นไร เป่ยซีไม่ต้องเป็นห่วง อย่าเพิ่งบอกพวกเขาก่อน หืม?”
เธอพยักหน้า เมื่อความง่วงเข้าจู่โจมก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของลั่วจื่อหานแล้วหลับไป ลั่วจื่อหานเรียกชื่อของเธอแผ่วเบาพอเห็นว่าเธอไม่ตอบสนอง ก็ยิ้มแล้ววางเธอลงบนเตียง ไปโทรศัพท์ที่ระเบียงเพื่อจัดการเรื่องวันพรุ่งนี้
ที่ประเทศ U เยี่ยฉินอยู่ที่บ้านอี้นานแล้ว ตัวเองต้องไปจากที่นี่แล้ว คุณแม่อี้คว้ามือของเธอ มองสำรวจเธอราวกับว่ากำลังมองลูกสาวของตัวเอง มีความอาลัยอาวรณ์อยู่ในดวงตา เมื่อเยี่ยฉินนึกถึงตัวเองในวันพรุ่งนี้แล้ว ในใจก็เหมือนกับถูกมีดทิ่มแทง
“คุณน้าคะ ฉันรบกวนพวกน้านานเกินไปแล้วจริงๆ ฉันจะไปกับเพื่อนไม่กี่วันแล้วจะรีบกลับมา” คุณแม่อี้กระพริบตา ไม่เชื่อคำพูดของเธอ
“คุณน้า ฉันก็ไม่อยากจากน้าไปไหน” เยี่ยฉินกอดคุณแม่อี้ รู้ได้ถึงความอบอุ่นที่เธอส่งผ่านให้ตัวเอง “คุณน้ารู้เรื่องของฉันแล้วสินะคะ ก็เลยยิ่งไม่อยากให้ฉันไปไหน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยฉิน คุณแม่อี้รู้ว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไปแล้ว เธอพูดเสียงสะอื้น “เด็กที่น่าสงสารของน้า ทำไมต้องเป็นเธอด้วย”
“เมื่อก่อนฉันก็คิดแบบนี้ ทำไมต้องเป็นฉัน แต่ว่าพอคิดๆ ดูแล้ว ทำไมถึงไม่ใช่ฉันล่ะ มีเรื่องมากมายที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ที่พวกเราทำได้ก็คือยอมรับมัน คุณน้าคะ ปล่อยให้ฉันไปดีไหมคะ คุณน้าก็คิดเสียว่าฉันไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆ จริงๆ ไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย พวกเราเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว เป็นคนผ่านทางที่ชอบพอกัน คิดแบบนี้พอจะรับได้ขึ้นมาบ้างหรือเปล่า”
“มันไม่ได้จริงเหรอ…บางทีอาจยังมีหวังในการรักษา”
เยี่ยฉินส่ายหัว “คุณน้าคะ ฉันได้นำความวุ่นวายมาให้ครอบครัวของฉันมามากพอแล้ว พ่อแม่ของฉันก็แก่แล้ว ตอนนี้พวกเขารับไม่ได้มากมายขนาดนี้แล้ว ฉันคิดว่า ที่ฉันทำได้ก็มีแค่นี้”
“เธอเป็นเด็กดีคนนึง แต่ว่าเธอไม่เข้าใจหัวใจของคนเป็นพ่อแม่ แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กับชะตากรรมของตัวเอง แต่ก็ไม่ยอมที่จะเห็นลูกสาวของตัวเอง…จากไป ทั้งแบบนี้หรอก พวกเขาจะไม่เอาอะไรก็ได้ จะทนความยากลำบากอะไรก็ได้ เธอทำแบบนี้ไม่เป็นการเอาความหวังของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิงหรอกเหรอ?”
“คุณน้าคะ ฉันรู้และฉันก็เข้าใจ แต่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนกัน ฉันก็แค่ไม่ให้ความหวังพวกเขา มันดีกว่าการที่ให้พวกเขามีความหวังแล้วเอามันไปในตอนท้าย คุณน้า ขอโทษนะคะ ฉันไม่อยากทำให้คนอื่นเหนื่อย ฉันต้องไปแล้วจริงๆ”
คุณแม่อี้มองเยี่ยฉินน้ำตานองหน้า “พ้นพรุ่งนี้ไปแล้วค่อยไปดีหรือเปล่า ลูกสาวน้าจะกลับมาพอดี บางทีเขาก็อาจจะชอบเธอมาก บางทีพวกเธออาจจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากก็ได้ เป็นการเพิ่มประสบการณ์อย่างนึง ไม่คุ้มค่าหรอกเหรอ?”
เยี่ยฉินครุ่นคิด ถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ งั้นก็รบกวนคุณน้าแล้ว”
“ไม่รบกวน ไม่รบกวน”
ช่วงค่ำของวันรุ่งขึ้น เที่ยวบินที่อี้เป่ยซีกับลั่วจื่อหานนั่งได้มาถึงที่หมายแล้ว อี้เฉิงจัดแจงให้คนที่มารับพวกเขารออยู่ที่ทางออกของสนามบินนานแล้ว
“คุณอาอู๋ แม่หนูส่งคุณอามารอตั้งแต่เช้าเลยใช่ไหมคะ”
คุณอาอู๋เปิดประตูรถที่เบาะหลัง “ก็ไม่เช้ามากครับ คุณนายรู้จักกับเด็กคนนึง ช่วงนี้อยู่กับเธอตลอดเลย”
“เฮ้อ งั้นตำแหน่งในบ้านของฉันก็มีความเสี่ยงแล้วสิ” อี้เป่ยซีลากลั่วจื่อหานเข้าไปในรถ คุณอาอู๋มองลั่วจื่อหานไม่ได้พูดอะไร แต่กลับสั่นด้วยความกลัวจากออร่าบนตัวเขาโดยไม่รู้ตัวแล้ว
ดูเหมือนว่าแฟนของคุณหนูรองจะเก่งมากเลย และดูเหมือนรักคุณหนูรองมากด้วย แบบนี้คุณนายกับคุณชายก็คงจะสบายใจแล้วสินะ
เยี่ยฉินรอลูกสาวที่คุณแม่อี้พูดถึงอยู่ในสวนด้วยความอึดอัดเล็กน้อย ทุกครั้งที่เธอได้ยินคุณแม่อี้พูดถึงลูกสาวคนนี้ ความสุขบนใบหน้านั้นมักจะทำให้เธอตกตะลึงอยู่บ้าง ก็เหมือนกับได้เห็นแม่ของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เธอรู้สึกอิจฉาเด็กสาวคนนี้มากที่มีครอบครัวที่มีความสุขแบบนี้
ครอบครัวแบบนี้จะมีลูกสาวแบบไหนกัน จะต้องสูงส่งมากสินะ
เยี่ยฉินนั่งอยู่ด้านข้าง ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ความคิดหมื่นพันวนเวียนอยู่ในหัวของตัวเอง เขาจะไม่ชอบเธอหรือเปล่า จะดูถูกเธอหรือเปล่า และจะคิดว่าเธอเป็นตัววุ่นวายหรือเปล่า
เธอรีบส่ายหัว ไหนๆ ก็มาถึงวันนี้แล้ว ถ้าไม่ชอบเธอ เธอก็จากไปได้ทันที
เสียงที่สดใสเป็นอย่างยิ่งดังขึ้นภายในสวนและยังมีเสียงเตือนจากผู้ชายด้วยความเอ็นดู เธอเบิกตากว้าง รีบดึงคนที่อยู่ข้างๆ ทันที “คุณหนูของพวกเธอชื่อว่าอี้เป่ยซีเหรอ”
คนนั้นพยักหน้าด้วยความงุนงงเล็กน้อย ทำไมพอรับรู้ชื่อของคุณหนูแล้ว คุณหนูท่านนี้ก็หวาดกลัวและร้อนรนขนาดนั้น แม้แต่สีเลือดบนใบหน้าก็หายไปชั่วขณะด้วย เยี่ยฉินเดินสะดุดอ้อมพวกอี้เป่ยซีแล้ววิ่งกลับไปที่ห้อง
“แม่คะ หนูกลับมาแล้ว พ่อล่ะคะ?” อี้เป่ยซีพุ่งเข้าสู่อ้อมอกของคุณแม่อี้ทันที ลั่วจื่อหานอยากจะบอกว่าอย่าพูดอะไรเชียวนะ แต่สุดท้ายก็ได้แต่ขยับนิ้ว ยิ้มมองเธอ
“คุณป้า” ลั่วจื่อหานทักทายคุณแม่อี้อย่างสบายๆ และสุภาพอยู่ด้านข้าง แม้ว่าภายในใจของคุณแม่อี้ยังเสียใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วนี่คือคนที่ลูกสาวของตัวเองชอบ และเขาก็ชอบลูกสาวของเธอมากด้วย ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก เธอยิ้มน้อยๆ ให้กับลั่วจื่อหาน สุภาพจนดูเหินห่าง
อี้เป่ยซีมองไปที่ลั่วจื่อหาน ยิ้มให้เขา ลั่วจื่อหานจับรอยยิ้มของเธอได้อย่างแม่นยำ พยักหน้าเล็กน้อย บอกให้เธอสบายใจ
“มาแล้ว ให้ซ้ออู๋ทำความสะอาดห้องรับแขกที่ชั้นสองเถอะ พวกเขาคงเหนื่อยกันแล้ว นั่งแป๊บนึงก่อน”
อี้เป่ยซีพยักหน้า มองไปรอบทิศ “แม่คะ ยัยหนูคนนั้นที่คุกคามตำแหน่งของหนูล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นเขา”
“แม่จะให้คนไปเรียกเขา เสี่ยวลิ่ว เธอไปดูสิว่าคุณหนูเยี่ยอยู่ไหน ให้เขามาที่ห้องโถงใหญ่นี่”
เสี่ยวลิ่วออกไปเดินรอบนึงแต่ไม่เห็นเงาของเยี่ยฉิน ถามคนที่อยู่ด้านข้างก็บอกว่ากลับไปที่ห้องแล้ว เธอบอกคุณแม่อี้ตามความจริง
“เห็นว่ากลับห้องไปแล้วค่ะ”
“งั้นพวกเราไปหาเขาด้วยกัน” อี้เป่ยซีลุกขึ้นยืน ควงแขนแม่ของตัวเอง คุณแม่อี้ยิ้มพร้อมจิ้มๆ หัวของเธอ เมื่อเดินถึงหน้าประตู เคาะประตูอย่างไรก็ไม่มีคนตอบ อี้เป่ยซีเปิดประตูออกด้วยความสงสัย ห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่คุ้นเคยลอยอยู่ในอากาศ
“ทำไมถึงไม่มีใครล่ะ” คุณแม่อี้มองกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างๆ เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ส่ายหน้า
“น่าจะไปแล้ว อาจจะกลับมาเมื่อไรก็ได้”
“หา?”
————