บทที่ 679 บทส่งท้าย (1) เรื่องราวของผม (2)

The Novel’s Extra

บทที่ 679 บทส่งท้าย (1) เรื่องราวของผม  (2)

 

“ฮะ?”

 

“ขอบคุณนายมากนะ ฉันไม่ต้องเห็นพี่ชายกลายเป็นปีศาจ ฉันหยิบดาบขึ้นมาเพราะนาย และนายก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันแข็งแกร่งแบบนี้”

 

แชนายอนพูดราวกับว่าเธอกำลังท่องบทอยู่ เธอฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน ผมบอกได้เลยว่าเธอเขินอายเพราะใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ

 

“และขอบคุณ ฉันได้ปู่ที่แท้จริงของฉันคืนมา”

 

“…มันใช้เวลา 20 ปีกว่าเขาจะหายจากโรคนี้”

 

ยาที่ลดผลข้างเคียงของพรสวรรค์ เมื่อผมสร้างมันขึ้นมาโดยใช้การตั้งค่าการแทรกแซง การทำซ้ำมันยากมาก แต่เภสัชศาสตร์ที่สำคัญประสบความสำเร็จในการสร้างจำนวนเล็กน้อย และพวกเขาได้มอบให้กับ เฮย์เนค และแชจูชึล

มันเป็นความจริงที่แชจูชึลฟื้นอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเล็กน้อย แต่ผมไม่คิดว่าแชนายอนกำลังพูดถึงเรื่องนี้

 

“แค่ยอมรับความกตัญญูของฉันก็พอ นายเป็นเหตุผลที่ฉันยังมีชีวิตอยู่และยืนอยู่ที่นี่ตอนนี้”

 

“….”

 

รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม

มองย้อนกลับไป…ต้องขอบคุณแชนายอนที่ทำให้ผมรักโลกนี้ คนที่แสดงให้ผมเห็นว่าโลกนี้ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่ใครนอกจากแชนายอน

 

ผมตอบว่า “…มันเหมือนกันกับฉันแหละ เหตุผลที่ฉันมาที่นี่…อาจเป็นเพราะเธอ”

 

“ใช่หรอ? ดีใจที่ได้ยินนะ”

 

แชนายอนเดินมาหาผมและหยุด เราสองคนห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เธอมองตรงเข้ามาในดวงตาของผม เธอเกาแก้มก่อนที่จะวางหัวของเธอ

และเมื่อเธอจ้องมอง มันก็ทำให้ไม่ได้กลับมาสักพัก

 

“แล้ว….”

 

หลังจากก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าว

ในขณะที่มองลงมาที่เท้าของผม เธอก็เงยหน้าราวกับว่าในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกมา ผมสะดุ้งอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าการกระทำของเธอช่างน่ากลัว

 

“อ-อะไร?”

 

“นี่”

 

เมื่อแชนายอนเปิดกำปั้นของเธอ วัตถุที่เปล่งประกายก็ห้อยลงมา

 

“อะ”

 

ผมอุทานออกมา

นี่คือสร้อยคอที่ผมมอบให้แชนายอนเมื่อนานมาแล้ว

แชนายอนจ้องมองด้วยใบหน้าที่ขมขื่น

 

“นายให้ฉันไง จำได้ไหม? ตั้งแต่สงครามสิ้นสุดลง ฉันควรคืนมัน”

 

“…ไม่เป็นไร”

 

ผมผลักมือเธอกลับไป เห็นได้ชัดว่าสรุปแล้ว ผมทำสร้อยนี้สำหรับเธอ

 

“อะไร? ไม่ เอาไป”

 

“ฉันบอกว่าไม่เป็นไร แค่คิดว่ามันเป็นของขวัญจากเพื่อนสิ”

 

แชนายอนหยุดไปชั่วครู่ เธอยืนนิ่ง กำหมัดแน่น ใบหน้าของเธอแข็งและไหล่ของเธอก็แข็งทื่อเช่นกัน

แชนายอนสะบัดผมของเธอกลับไปอย่างเกรี้ยวกราด

 

“นาย…นายยังคิดว่าเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้หรอ?”

 

เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ราวกับว่าเธอกำลังโกรธ…ไม่สิ เธอเศร้า เธอจ้องมองผมด้วยความเกลียดชัง

 

“นายควรจะรู้นะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้”

 

ผมไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ผมจะบอกแชนายอนได้ ผมทำได้แค่รอ ‘ทางเลือก’ ของแชนายอนที่จะมาในวันหนึ่งในอนาคต

 

“นายรู้ไหมว่านายเป็นคนแบบไหนสำหรับฉัน”

 

ผมส่ายหัว

แชนายอนจ้องที่ผมอย่างคงที่และทำรอยยิ้มที่สิ้นหวัง

 

“ส่วนใหญ่…ฉันจะเกลียดนายต่อไปและรักนายต่อไป จนกระทั่งวันที่ฉันตาย”

 

เสียงของเธอเย็นชาดุจน้ำแข็งและลึกราวกับมหาสมุทร ดั่งความมืดที่ไม่อาจเข้าใจได้

 

“เพราะงั้น นี่!”

 

โดยไม่ให้โอกาสผมคิด เธอยื่นมือออกมา

 

“เอาไปสิ ไอ้คนสารเลว!”

 

“…ถ้าเธอว่างั้น”

 

“ฮะ?”

 

เมื่อผมเห็นด้วย ทันใดนั้นเงาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแชนายอน แต่ครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่สดใส เธอทุบหน้าอกของผมด้วยมือที่ถือสร้อยอยู่

 

“เอ้า เอาไป”

 

“ฉันเอา แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันจะเอากลับมาหลังจากที่เธอกลับมาจากการพิชิต”

 

“…อะไรนะ?”

 

“เธอได้ยินแล้วนี่ ฉันกำลังพูดถึงหอคอยแห่งปาฏิหาริย์ หากเธอต้องการประสบความสำเร็จหรืออย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จแม้จะเล็กน้อย เธอก็จำเป็นต้องมีสร้อยคอนั้น”

 

แชนายอนตกตะลึงและผมหัวเราะ

 

ความจริงแล้ว หอคอยแห่งปาฏิหาริย์ ในเรื่องราวของผมคือ McGuffin

ผมไม่ได้เขียนโครงร่างคร่าวๆเกี่ยวกับหอคอยแห่งปาฏิหาริย์ ผมแค่คิดว่า ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้านี่คือรางวัล’ ในหัวของผม

ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่รางวัลของหอคอยจะเหมือนกับที่ผมคิดไว้

 

อย่างไรก็ตาม

 

หากรางวัลของหอคอยนั้นคล้ายกับสิ่งที่ ‘ผมคิด’ จริงๆ

และถ้าแชนายอนมาเพื่อครอบครอง ‘ปาฏิหาริย์’ เธอจะมีความสุขอีกครั้งได้ไหม?

 

“…เข้าใจ๋? คืนให้ฉันหลังจากที่เธอพิชิตหอคอยแห่งปาฏิหาริย์ อย่าปฏิเสธละ แค่เพื่อประโยชน์ของมัน”

 

ผมผลักกำปั้นของแชนายอนกลับไป เธอขมวดคิ้ว จากนั้นก็ใส่สร้อยเข้าไปในกระเป๋าของเธออย่างไม่เต็มใจ

 

“โครตงงเลย…ดี เป็นความจริงที่ว่าสร้อยคอนี้จะช่วยได้มาก….”

 

แชนายอนหันหลังกลับ

พระอาทิตย์ตกดินเสร็จก่อนที่ผมจะสังเกตเห็น และแชนายอนก็ถูกย้อมด้วยความมืดของโลก

เมื่อล้มเหลวในการบรรลุวัตถุประสงค์แรกของเธอ แชนายอนก็พูดขณะที่หันหลังให้กับผม

 

“ฉันไปก่อนนะ แล้วพบกันใหม่”

 

ผมพยักหน้า ขณะที่เก็บเธอไว้ในความทรงจำ

 

“…ใช่ ขอให้มีความสุขในชีวิตนะ”

 

ซึ่ง…ผมไม่ได้พูดว่า ‘เจอกันใหม่’

 

**

 

– ดิสนีย์แลนด์เป็นไง สนุกไหม?

 

-อื้ม! สนุกสุดๆเลยยย ~!

 

เสียงเกะกะทำให้ผมตื่นขึ้น ในขณะที่ผมกำลังหลับอยู่บนระเบียง

 

– ฉันเห็นรถฟักทองบินด้วย!

 

ผมนวดคอของตัวเองที่เคล็ด มองไปที่ห้องนั่งเล่นผ่านหน้าต่าง

ผมเห็นอีเวนเดลในชุดนางฟ้าและที่คาดผมนางฟ้า

 

– แต่บ้านผีสิงน่ากลัวเกินไปอะ….

 

รูปลักษณ์ที่น่ารักของเธอทำให้ผมยิ้มได้ และมันก็สายเกินไปที่ผมจะสังเกตเห็นคนที่นั่งข้างๆ

ผมหันหน้าและเผชิญหน้ากับอีบยอล

ผู้ซึ่งเอนหลังพิงราวระเบียงและจ้องมองมาที่ผม

 

“อะ เธอมองฉันอยู่เหรอ? เธอปลุกฉันได้นิ”

 

ผมพูดขณะที่ผมลูบเปลือกตาอันหนักอึ้ง

 

“…โทษที”

 

แต่อีบยอลขอโทษทันที การแสดงออกของเธอเองก็มืดมนเช่นกัน

ผมสับสน แต่แล้วผมก็ตระหนักถึงสาเหตุที่เปลือกตาของผมรู้สึกหนักมาก

ผมกำลังร้องไห้

ผมเช็ดน้ำตาและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“อ่อ นี่เหรอ? ไม่เป็นไร ฉันคงฝันนะ”

 

“….”

 

“จริงๆนะ เธอไม่ต้องเสียใจอะไรหรอก”

 

อีบยอลจับมือผมแน่น มือที่เย็นเฉียบของเธอสั่น

ผมรู้สึกเหมือนผมรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ท้ายที่สุด…เธอเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงเกี่ยวกับผม

 

อีบยอลพูดว่า “…นายสามารถไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการนะ ฉันเข้าใจ”

 

“ไม่ ฉันจะไม่ไปไหน”

 

ผมปฏิเสธอย่างราบเรียบ และมองตาเธอ เธอน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกผิด

นี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถพูดว่า ‘ผมไปไม่ได้’ ได้

สำหรับเรามันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการไม่ไปและไม่สามารถไปได้

 

“ฉันอยู่ที่นี่ เพราะเธอบอกว่าเธอจะไม่ลืมฉัน และเพราะเธอมาหาฉันก่อน”

 

“ฉัน-“

 

เมื่ออีบยอลกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ประตูระเบียงก็เปิดออกทันทีและอีเวนเดลก็เข้ามา

 

“ฮาจิน ~ ฮาจิน ~ ฉันกลับมาแล้ว ~!”

 

หลังจากคุยโม้ราเชลอย่างภาคภูมิใจดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนต่อไป ผมแลกเปลี่ยนสายตากับอีบยอลก่อนออกไปที่ห้องนั่งเล่น

มีคนมากมายรวมตัวกันที่นั่น เรเชลและยูยอนฮา, ดรูนและอียูริ และแม้แต่เพื่อนแปดคนของอีเวนเดล

 

“สวัสดีค่ะ ~”

 

ยูยอนฮาโบกมือของเธอ

 

“โย่”

 

ผมโบกมือ

แม้ว่าในขณะนี้ ยูยอนฮาจะเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก

แต่เธอก็ไม่ได้เป็นแขกที่หายากโดยเฉพาะที่นี่ แม้ว่าเธอจะยุ่ง เธอก็มาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

 

“เดี๋ยวก่อน อีเวนเดล?”

 

“งื้มมม ~?”

 

“ไปเล่นกับเพื่อนๆ ที่ชั้น2 ก่อนนะ ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

 

“ตกลง! เราเล่นเกมได้ไหม!?”

 

“แค่สองชั่วโมงเท่านั้นนะ”

 

“เย้ ~!”

 

อีเวนเดลและเพื่อนๆ รีบขึ้นไปที่ชั้น2 ทันที

ผมถอนหายใจแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะยาวในห้องนั่งเล่น พร้อมจานสเต็กหนาๆ ตรงหน้าผม

ยูยอนฮาถามทันทีที่อีบยอล และผมนั่งลง

 

“นายอนมาและไปทันทีเลยหรอ?”

 

“… .”

 

ผมพยักหน้าอย่างเงียบๆ