ตอนที่ 1060 - ซากโครงกระดูก

The Divine Nine Dragon Cauldron

ซือหยูเหลือบมองคนรอบๆ และพบคนที่เขารู้จักอีกคน กู้ไทซู! กู้ไทซูมาคนเดียว ไม่มีคนตำหนักเมฆาม่วงตามมาด้วย
  ซือหยูสัมผัสกลิ่นอายที่โหดร้ายรุนแรงอย่างมากของสัตว์อสูรในตัวกู้ไทซู
  เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของซือหยูกู้ไทซูก็มองกลับไป เขาแสยะยิ้มอย่างเย็นชา แววตานั้นมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาได้โลหิตของจิตวิญญาณหยดสุดท้ายมาแล้วและกำลังจะปรุงโอสถเก้าภูติรึ? ถ้าหากเขาได้ดื่มโอสถเก้าภูติเมื่อไหร่ เขาจะมีกายาวิญญาณที่สมบูรณ์ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
  กลิ่นอายสัตว์อสูรดุร้ายที่เขามีอยู่อาจมาจากจิตวิญญาณสัตว์อสูรในสวนสัตว์อสูร
  “หึหึแทบทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว ถึงเวลาที่พวกเจ้าทุกคนจะได้เริ่มไปเที่ยวนรก”
  หมาดำยิ้มและคายไม้เท้าสีดำออกมาจากปาก
  “เอ๋!นั่นมันไม้เท้าเซียนมณีไม่ใช่เรอะ?”
  ยอดฝีมือคนหนึ่งตกใจพวกเขาเห็นจางอู๋ชวงเอาไม้เท้าเซียนมณีไปกับโลงศพของเซียนมณีไปกับตา แล้วไม้เท้าเซียนมณีที่หมาดำคายออกมามันคืออะไรกัน?
  “อย่างที่คิด”
  ซือหยูพูดเบาๆ เมื่อเขาเห็นหมาดำคลานออกมาจากหลุมศพเซียนมณี ซือหยูก็รู้ว่าสิ่งที่จางอู๋ชวงได้ไปอาจจะมีปัญหา
  ตงฟางเถียนเฟิงไม่ได้ตกใจเลยนางยิ้มด้วยความสนใจที่มุมปาก
  “จางอู๋ชวงแข็งแกร่งก็จริงแต่เขามีข้อมูลน้อยเกินไป สิ่งที่เขาทำเลยสูญเปล่า! สิ่งที่เขาเอาไปไม่ได้ของของเซียนมณีเลย!”
  เมื่อได้ฟังยอดฝีมือหลายคนตกตะลึง
  “แม่นางตงฟางชี้แนะพวกเราด้วยพวกเราเห็นกับตาว่าจางอู๋ชวงเอาโลงศพหยกไป”
  ถ้าจางอู๋ชวงไม่ได้เอาของจริงไปพวกเขาก็ยังมีโอกาสที่จะได้สมบัติสุดยอด!
  ตงฟางเถียนเฟิงตอบกลับ
  “ใครบอกเจ้ากันล่ะว่านั่นคือหลุมศพของเซียนมณี?”
  หลายคนตกตะลึง
  ในความจริงเหล่าผู้เฒ่าและเจ้าสำนักมิอาจบอกพวกเขาได้ว่าหลุมศพของเซียนมณีหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้เฒ่าจากสำนักส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้เห็นเช่นกัน
  พวกเขาคิดว่าหลุมศพเซียนมณีจะต้องเป็นหลุมที่มีป้ายใหญ่ที่สุดดั่งดวงจันทร์ที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาว
  จะมีใครนอกจากเซียนมณีเล่าที่มีสิทธิ์ได้รับป้ายหลุมศพขนาดเช่นนี้ในแดนมณี?จะต้องเป็นเซียนมณีผู้เดียวเท่านั้น!
  พวกเขามาถึงทางตันจางอู๋ชวงเองก็ไม่ต่าง
  ปิงหวูชิงขึ้นเสียง
  “ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกว่าหลุมศพเซียนมณีอยู่ที่สุสานไม่ใช่รึ?เจ้ายังพูดอีกว่าหลุมศพธรรมดาเป็นของศัตรูแข็งแกร่งที่เซียนมณีฆ่ามาทั้งชีวิตและทำให้วิญญาณเหล่านั้นมาปกป้องหลุมศพของนาง”
  ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะเบาๆ
  “ใช่เซียนมณีอยู่ในสุสานก็จริง แต่ข้าเคยบอกเจ้ารึว่านางอยู่ในหลุมศพใด?”
  ไม่เลยนางไม่เคยบอก!
  “อยู่ในสวนสุสานแต่ไม่ได้อยู่ในหลุมศพงั้นรึ?”
  ผู้คนเหลือบมองกันด้วยความสับสนเมื่อได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจน
  “แม่นางตงฟางโปรดอย่าให้พวกเราสงสัยอยู่เลย หรือว่าเซียนมณีจะถูกฝังใต้ดินโดยไร้ป้าย?”
  หลายคนกระวนกระวาย
  ตงฟางเถียนเฟิงจ้องมองหมาดำด้วยความเยือกเย็น
  “เจ้ารู้เรื่องสวนลับในแดนมณีหรือไม่?”   พวกเขาหัวใจเต้นแรงมันคือสวนที่หก! สวนที่หกที่ไม่เคยมีใครเห็นมาตลอดหน้าประวัติศาสตร์!
  “เซียนมณีสูงส่งนักเจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือที่ร่างของนางจะถูกฝังในสวนสุสานที่ใครเข้าออกได้ตามใจ? ร่างของนางถูกฝังอยู่ในสวนสุดท้ายมาโดยตลอด นั่นคือสวนที่หก!”
  ตงฟางเถียนเฟิงตาร้อนผ่าวเมื่อจ้องมองหมาดำ
  “หลุมศพที่กลางสวนสุสานเป็นเพียงจ้าวสวนสุสานสหายสนิทของเซียนมณีที่ปกป้องสุสานหลังจากนางตาย! น่าเศร้าที่เขาถูกผนึกอีกครั้งและถูกจางอู๋ชวงเอาตัวไปก่อนที่จะตื่นขึ้นมา”
  ทุกคนตระหนักถึงความจริงเมื่อได้รู้ความจริงทั้งสองสวนที่หกคือสถานที่ที่เซียนมณีถูกฝังเอาไว้!
  “แต่พวกข้าเห็นไม้เท้าเซียนมณีในโลกหยกกับตาเรื่องนี้มีเหตุผลอะไรกัน?”   ชายคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
  ตงฟางเถียนเฟิงยังคงมองหมาดำ
  “เจ้าก็ถามเจ้าหมาตัวนี้ดูสิเจ้าอยู่ในหลุมนั่นมานาน มันคือแผนเจ้าไม่ใช่รึ?”
  “ฮ่าๆๆๆแม่สาวน้อย เจ้ารู้หลายเรื่องนะ”
  หมาดำหัวเราะขณะที่คาบไม้เท้าเซียนมณีของจริงเอาไว้ในปาก
  “ใช่แล้วทุกอย่างเป็นมายาที่ข้าสร้าง!”
  จางอู๋ชวงอวดดีถึงที่สุดถ้าเขารู้ว่าถูกหมาดำหลอก จะมีเหตุผลที่เขาไม่แค้นหรือ?
  ทุกคนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อคลายข้อสงสัย
  สวนที่หกมีเพียงการเปิดสวนที่หกเท่านั้นที่พวกเขาจะมีโอกาสได้เห็นที่ฝังศพเซียนมณี สมบัติส่วนใหญ่ของนางอยู่ในสวนแห่งนั้น
  เรื่องต่อมาคือพวกเขาต้องหาวิธีเปิดสวนที่หกให้เจอ!และมีทางเดียวในการเปิดสวนที่หก ตามคำร่ำลื่อ…นั่นคือการรวบรวมจ้าวสวนทั้งห้า!   ตงฟางเถียนเฟิงแนะนำ
  “ในการเปิดสวนที่หกเราต้องการจ้าวสวนทั้งห้า ข้ามีจ้าวสวนตำรา ซือหยูเซี่ยนมีจ้าวสวนบุพผา คนที่ชื่อกู้ไทซูอาจจะมีจ้าวสวนสัตว์อสูร!”
  “เราขาดจ้าวสวนแค่สองคน!นั่นคือจ้าวสวนสุสานกับจ้าวสวนวิชา! จ้าวสวนวิชาอยู่ตรงหน้าเรา! พวกเจ้ารออะไรกันอยู่?”
  คำพูดของตงฟางเถียนเฟิงนั้นดูมีพลัง
  แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ทำตามคำพูดของคนอื่นง่าย ๆ
  “แม่นางตงฟางเจ้าเพิ่งจะบอกว่าจ้าวสวนสุสานถูกจางอู๋ชวงเอาตัวไป ต่อให้พวกเราได้ตัวจ้าวสวนวิชา เราก็ยังขาดจ้าวสวนอีกหนึ่งคน สิ่งที่พวกเราทำจะหมดความหมาย”
  ตงฟางเถียนเฟิงตอบกลับทันที
  “เจ้าลืมไปแล้วรึว่าถ้าหากจ้าวสวนตายไปจ้าวสวนคนใหม่จะเกิดขึ้นมาทันที? ตอนนี้จ้าวสวนถูกเอาออกไปจากแดนมณีแล้ว มันก็เท่ากับว่าจ้าวสวนนั้นตาย! จ้าวสวนสุสานคนใหม่อยู่ในบรรดาวิญญาณเซียนเหล่านั้น!”
  พวกเขาหายใจเร็วขึ้นพวกเขามองดูเงาทมิฬอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะหาวิญญาณที่ดูจะเป็นจ้าวสวนคนใหม่
  “ข้าจะบอกเจ้าอีกเรื่องมีแค่คนที่มีจ้าวสวนเท่านั้นที่จะถูกพาไปยังสวนที่หก หรือก็คือ มีเพียงห้าคนที่จะได้ไปสวนที่หก!”
  นางพูดอย่างไม่รีบร้อนตงฟางเถียนเฟิงบอกข้อมูลสำคัญมาอีกครั้ง
  อะไรนะ?เหล่าคนที่แอบวางแผนนั่งรอและปล้นจ้าวสวนจากคนอื่นใจหายเมื่อแผนใช้การไม่ได้ พวกเขาจำเป็นต้องจับตัวจ้าวสวนด้วยตัวเอง ปัญหาก็คือพวกเขาจะทำอย่างไร
  พวกเขามีทางเลือกไม่มาก
  อย่างแรกพวกเราต้องจับตัวจ้าวสวนวิชา นั่นก็คือหมาดำ อย่างที่สอง พวกเขาอาจต้องตามหาจ้าวสวนสุสานคนใหม่จากเสี้ยววิญญาณเซียน อย่างที่สาม พวกเขาต้องชิงจ้าวสวนตำราจากตงฟางเถียนเฟิง สี่ พวกเขาต้องชิงจ้าวสวนสัตว์อสูรจากกู้ไทซู และห้า พวกเขาต้องชิงตัวจ้าวสวนบุพผาจากซือหยู!
  สามทางเลือกแรกคือทางเลือกที่ยากที่สุดพลังราวสัตว์ประหลาดของหมาดำยังคงตราตรึงใจพวกเขา พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับมันมากนัก ส่วนตงฟางเถียนเฟิง ใครกันจะกล้าแตะต้องคนตระกูลบูรพา? ดังนั้นการชิงบางอย่างจากกู้ไทซูและซือหยูเซี่ยนดูจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดกว่า
  กู้ไทซูนั้นไม่เป็นไรเขาคือยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนพรสวรรค์และเข้าร่วมงานคัดเลือกคู่หมั้นของฮั่นเฟยมาก่อน พลังของเขาโดดเด่นเหนือใครและยังมีชื่อเสียง มีคนน้อยกว่าหยิบมือในที่นี่ที่กล้าจะหันดาบใส่เขา
  แต่กับอีกคนสำหรับคนที่ไม่ได้เข้าไปที่หอคอยร้อยชั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลย สำหรับพวกเขา ซือหยูคือเป้าหมายที่ดีที่สุด
  แต่พวกเขาลังเลเพราะซือหยูนั้นใกล้ชิดกับฮั่นเฟยและตงฟางเถียนเฟิงก่อนที่พวกเขาจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างกัน พวกเขาย่อมไม่กล้าบุ่มบ่าม
  “พี่ซือดูเหมือนจะต้องการคนช่วยนะ”
  ตงฟางเถียนเฟิงพูดด้วยความดีใจ
  “มาแลกจ้าวสวนกับข้าไหมล่ะ?แล้วข้าจะช่วยปกป้องเอง”
  ซือหยูเพียงแค่ยิ้มเขาไม่ตอบนางด้วยซ้ำ
  หากลืมเรื่องที่ตงฟางเถียนเฟิงรู้พลังของซือหยูและกลัวที่จะชิงจ้าวสวนบุพผาจากเขานางก็กระตือรือร้นในการได้ตัวจ้าวสวนบุพผามากซะจนเขาไม่คิดจะให้ในสิ่งที่นางต้องการ
  “ตงฟางเถียนเฟิงเอาจ้าวสวนตำรามาให้ข้า และเจ้าก็เอาหมาดำนั่นไป”
  ฮั่นเฟยหันมาพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ
  ตงฟางเถียนเฟิงไม่ทันตั้งตัวนางชี้ซือหยูและโต้แย้งด้วยความโมโห
  “พี่เฟยเอ๋อคิดว่าชิงจ้าวสวนจากข้าง่ายกว่าจากเขางั้นรึ?”   ฮั่นเฟยพยักหน้านางยื่นมือและตะโกน
  “ส่งมันมา!”
  ตงฟางเถียนเฟิงหงุดหงิดมากที่ขู่ซือหยูไม่ได้และเป็นฝ่ายถูกฮั่นเฟยขู่แทนนางตั้งมั่นว่าจะไม่ส่งจ้าวสวนตำราให้ นางถอยไปด้านหลังและเชิดจมูก
  “ย่อมได้ข้าก็สงสัยเหมือนกันว่าตอนนี้ใครจะแข็งแกร่งกว่าในหลายปีที่ผ่านมานี้!”
  นางซัดมือวิหคยักษ์แดงเพลิงก่อตัวเบื้องล่างเท้า มันทะยานฟ้าไปกับนาง
  ฮั่นเฟยส่ายหน้าสุริยาดำสนิทปรากฏขึ้น นางขึ้นเหยียบมันและปรากฏตัวอีกครั้งที่เหนือตงฟางเถียนเฟิง
  เสียงระเบิดสายฟ้าดังนั้นสองนภาจรัสเริ่มประลองกันแล้ว
  ซือหยูพูดไม่ออกหมาดำยังไม่ทันถูกจับ แต่พวกนางก็เริ่มเข่นฆ่ากันเองแล้ว
  “ฮ่าๆๆๆข้าก็สนใจพวกจ้าวสวนเหมือนกันนะ”   ปี้หลิงเทียนยิ้มและก้าวเข้าไปยังสวนสุสานเขากำลังจะมองหาจ้าวสวนสุสานคนใหม่
  หลังจากครุ่นคิดยอดฝีมือหลายคนตามไปมองหาตัวจ้าวสวนสุสานด้วย มีเพียงส่วนน้อยที่มองซือหยูอย่างระวัง
  “ฮ่าๆๆๆซือหยูเซี่ยน ให้ข้าลองกับเจ้าหน่อยสิ!”
  เฉียนเฟิงมองปี้หลิงเทียนที่เข้าไปยังสวนสุสานและตัดสินใจที่จะเข้ามาหาซือหยูเขาทนปี้หลิงเทียนมามากพอแล้ว
  ไม่ต้องพูดถึงพวกสารเลวที่สังหารสหายร่วมสำนักไปมากกว่าครึ่งปี้หลิงเทียนยังพยายามคิดจะผูกมิตรกับซือหยู ผู้เหลือรอดในดินแดนมีดสวรรค์ผิดหวังในตัวเขายิ่งนัก
  ถ้าหากปี้หลิงเทียนไม่ได้ถูกบ่มเพาะโดยจ้าวดินแดนด้วยตัวเองเขาคงจะสงสัยปี้หลิงเทียนว่าเป็นสายลับจากตำหนักโลหิตไปแล้ว
  ปี้หลิงเทียนหยุดเฉียนเฟิงไม่ให้ล้างแค้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่เป็นเวลาดีที่เขาจะได้ล้างแค้นสักที
  ส่วนเรื่องสมบัติและพลังวิเศษของซือยหูเฉียนเฟิงนั้นระวังแต่เขาก็มั่นใจ เขาเป็นอันดับสองแห่งดินแดนมีดสวรรค์ เขาจะไม่มีสิ่งใดไว้ใช้เลยหรือ?
  เขาคิดว่าเมื่อเขาเผยไพ่ในมือออกมาซือหยูจะทำอะไรไม่ได้ ดูจากที่เห็นพลังของเขาในหอคอยร้อยชั้นและมิติมายาในวิบัติวิชา ทุกอย่างที่เขาต้องทำเพื่อเอาชนะซือหยูก็คือการเผยไพ่ในมือ!
  ซือหยูเหลือบมองด้วยหางตา
  “เจ้าลืมคำเตือนของปี้หลิงเทียนไปแล้วรึ?”
  “คำเตือนให้ร่วมมือผูกมิตรกับศัตรูงั้นเรอะ?ขอโทษที ข้าจำไม่ได้หรอก”
  เฉียนเฟิงหัวเราะถ้าเขาฆ่าซือหยูก่อนปี้หลิงเทียนรู้ตัว เขาจะป้ายความผิดให้กับยอดฝีมืออื่น  ฟึ่บ!
  เฉียนเฟิงอ้าปากพ่นเข็มบางดำสนิทออกมามันคือสมบัติกึ่งภูติ
  “พิษเซียนพ่าย?”
  คนใกล้ๆ อุทานด้วยความตกใจ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัวและบินกระจายราวกับผึ้งแตกรัง
  ซือหยูเลิกคิ้วชื่อของพิษนี้ดังกระฉ่อนตั้งแต่สมัยอดีต ใครกันจะไม่ได้ยินเรื่องพิษนี้? ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่รู้จักพิษชนิดนี้ไม่ว่าจะเป็นคนในยุคอดีตหรือปัจจุบัน
  พิษนี้ได้มาจากผู้ที่ล้มเหลวในการเป็นเซียน!เมื่ออสูรเนรมิตรขั้นหกล้มเหลวในการเป็นเซียน พลังอสูรเนรมิตรในกายของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงและลดระดับลงอย่างรวดเร็ว สิ่งนั้นจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นพิษร้ายแรงอันดับต้น ๆ ของโลก มันคือพิษเซียนพ่าย! ผู้ที่เป็นเซียนไม่ได้จะถูกเรียกว่าเซียนพ่าย ซึ่งมันคือที่มาของชื่อพิษ  พิษนี้ร้ายแรงมากนอกจากเซียนพ่ายเองก็ไม่มีใครทนพิษเซียนพ่ายได้อีกแล้ว เมื่อถูกพิษนี้เมื่อใด มันจะเข้ากัดกร่อนดวงวิญญาณจนแตกสลายไปพร้อมกับกายเนื้อ! นอกจากผู้โดนพิษจะถูกรักษาจากเซียนโดยตรงก็ไม่มีใครรอดพ้นความตายไปได้
  “ซือหยูเซี่ยนไม่ว่าเจ้าจะมีสมบัติมากเท่าใด เจ้าก็หนีความตายไปไม่ได้แล้ว!”
  เฉียนเฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย
  เขาสะบัดดัชนีเขาทะลวงมิติด้วยเข็มพิษและแทงหน้าผากซือหยูในเสี้ยววินาที