TB:บทที่ 282 กว้างไป

 

หลังจากนั้นไม่นาน รถสองคันผ่านเข้ามา ครั้งนี้อู๋ห่าวนำทีมมาเอง ดูเหมือนว่าฟางเจ่อเจี่ยจะเป็น เรื่องนี้สำคัญยิ่ง

“เสี่ยวเฉิน ครั้งนี้ผมต้องขอบคุณจริงๆนะ หากว่าไม่มีนายแล้วเสี่ยวฟางคงไม่ได้กลับมาจีนได้ราบรื่นแบบนี้ ในนามของประเทศ ผมขอขอบคุณ” หลังจากที่ออกมาจากรถ อู๋ห่าวมองเฉินหลงด้วยสีหน้าจริงจัง

อย่างไรก็ตามนี่คงไม่ใช่เรื่องปกติที่อู๋ห่าวจะพูดจริงจังแบบนี้

 

“ไม่เป็นไร แค่เรื่องนี้เป็นเรื่องแค่ต้องยกมือบอกเท่านั้น” เฉินหลงไม่ได้สนใจสายตาเขา สำหรับเฉินหลงแล้ว เรื่องนี้ง่ายดายมากจริงๆ

“จะว่าไป นี่คุณทำลายพลังของตาแก่ซ่งและตาแก่คงจริงๆหรือ” อู๋ห่าวเริ่มนินทาหลังผ่านไปนาทีหนึ่ง

“หากว่าคุณต้องเผชิญหน้ากับผู้คนที่กำลังจะฆ่าคุณและเมื่อคุณสามารถจะฆ่าคนพวกนั้นได้แล้ว คุณจะฆ่าพวกเขาเหมือนกันไหม นี่เป็นเพียงความเสียเปล่าของพลังที่พวกเขาเก็บเกี่ยวมาได้ ผมเมตตาแล้วนะ” เฉินหลงมองอู๋ห่าวพร้อมยิ้มแย้ม

 

“หากว่าละทิ้งไปแล้ว ก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรแล้วผมก็ไม่ชอบคนทั้งคู่อยู่ดี ทว่าหากมีสงครามใหญ่ในอนาคตคุณก็ต้องเป็นคนนำทัพ” อู๋ห่าวไม่ชอบซ่งจิวเทียนและคงหวันเต๋า หากพวกเขาละทิ้งพลังที่มีไปแล้ว พวกเขาจะต้องโดนทอดทิ้ง เขาคงได้แต่กังวลถึงสงครามใหญ่ที่กำลังจะเกิด

เขารู้ว่า เพราะการปรากฏของ “นิวเวิร์ล” กองกำลังบางอย่างบนโลกคงไม่ชอบใจนัก

 

โดยเฉพาะในโลกคาทอลิคของโลกตะวันตก พวกเขาด่าทอ “นิวเวิร์ล” ไปเรื่อยว่าจาบจ้วงศาสนาและสกปรกโสมม และเพื่อจะป้องกันผู้เลื่อมใสจากการเข้าสู่ “นิวเวิร์ล” อีกทั้งยังเพื่อจะให้บริษัทหยุดการผลิต “นิวเวิร์ล” ด้วย จะว่าอะไรได้อีก หากทางบริษัทไม่หยุดแล้ว พวกเขาจะมีคำตัดสินอย่างพระเจ้า แม้ว่าโบสถ์แห่งแสงจะยังไม่แสดงท่าทีอะไร แต่อู๋ห่าวเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น

“สงครามหรือ สงครามแบบไหนกัน” เฉินหลงถามอย่างใคร่รู้

แล้วอู๋ห่าวก็เล่าให้เฉินหลงฟัง

 

“ถ้าโบสถ์แห่งแสงกล้าที่จะทำแบบนั้น  กล้าที่จะควบคุมดินแดนของจักรพรรดิแห่งหยก ละก็  ผมจะรออยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ผมจะไปอยู่ข้างพวกเขาและสั่งสอนบทเรียนให้เอง” เมื่อได้ยินคำของอู๋ห่าว เฉินหลงไม่ได้โกรธอะไร

 

“เสี่ยวเฉิน นายจะต้องไม่หุนหันพลันแล่นนะ แม้ว่าทางโบสถ์แห่งแสงจะไม่มีพลังสูงส่งทว่าพวกเขาก็ใช้พลัง “คำสวดที่ยิ่งใหญ่ได้” เพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้เป็นระดับที่ร้ายกาจ ดังนั้นไม่ต้องรีบไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกนักสูงระดับต้นๆของจีนไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขามาก ตราบใดที่พวกเขากล้าเข้ามาแล้ว พวกเขาจะต้องเจอกับพวกเรา” อู๋ห่าวกลัวความใจเร็วของเฉินหลงจริงๆ กลัวเขาไปยังโบสถ์แห่งแสงถึงพยายามจะหว่านล้อมเขา

 

“เอาล่ะ ผมรู้ ผมจะไม่หุนหันหรอก อย่างไรเสียผมคงจะไม่สบายใจเอามากๆถ้าปล่อยให้พวกตัวร้ายจองหองอยู่แบบนั้น ผมอยากหาให้เจอว่าปัญหาของพวกนั้นว่าอะไรที่ทำให้จองหองนัก” เฉินหลงอารมณ์ไม่ดี เขาจึงกล่าวไปด้วยความเกลียดชัง

 

“เสี่ยวเฉิน ความจริงแล้วหากว่านายอยากจะโกรธละก็ นายทำได้นะ” อู๋ห่าวพลันดูเหมือนว่าจะนึกอะไรบางอย่างออก ใบหน้าเขาแสดงยิ้มประหลาดออกมา

“ผมทำอะไรได้บ้าง” เฉินหลงมองอู๋ห่าวอย่างสงสัย

“ตามฉันไปที่ที่หนึ่งแล้วคุณจะรู้” อู๋ห่าวหัวเราะและบอกเขา

 

แม้อู๋ห่าวจะไม่ได้จริงจัง แต่เขาเชื่อถือได้แน่นอน เขากล่าวว่ายังมีทาง และนั่นคือจะต้องมีทาง

หลังจากนั้น เฉินหลงตามอู๋ห่าวไปยังสำนักงานใหญ่ของกลุ่มซีโร่

สำหรับฟางเจ่อเจี่ยแล้ว เขายังต้องตามรถคันหนึ่งไปที่กลุ่มซีโร่ด้วย ดูเหมือนว่าเขาควรจะต้องเข้ากลุ่มซีโร่เสียแล้ว ท้ายที่สุดแล้วเขายังเก่งกาจด้านเภสัชวิทยามาก เขามีพลังของของเขาเอง

เมื่อเขาไปถึงสำนักงานใหญ่ อู๋ห่าวปล่อยฟางเจ่อเจี่ยให้ทำตัวให้คุ้นชินกับกลุ่มซีโร่ แล้วเขาจึงพาเฉินหลงไปนอกห้องภายในศูนย์ใหญ่ ที่ที่ฉินลั่วและเฉินอ๋าวป้องกันอยู่

 

เขาเห็นเฉินหลงและอู๋ห่าวเดินมา ฉินลั่วและเฉินอ๋าวพลันมีรอยยิ้มประดับใบหน้า

ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเฉินหลง ฉินลั่วและเฉินอ๋าวไม่ได้ทำตัวดีเท่าไหร่ แต่อย่างไรเสีย สองปีต่อมา พลังของเฉินหลงแข็งแกร่งอย่างมากทำให้เขาสามารถจะทำลายซ่งจิวเทียนและคงหวันเต๋าที่มีพลัง “ระดับหลอมรวมธรรมชาติ”ได้ นี่ช่างเลวร้าย ฉะนั้นในตอนนี้ คนทั้งสองจึงต้องทำตัวให้ดีกว่าเดิม

“ชายคนนั้นยังอยู่ในนั้นไหม” อู๋ห่าวถาม

“ใช่” ฉินลั่วและเฉินอ๋าวพยักหน้าและฉีกยิ้มแปลกๆ

 

ชายคนข้างในไม่เคยออกนอกห้องมาก่อนตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขาเพิ่งกินอาหารทุกชนิดที่อร่อยเข้าไป จากคำของเขา ไม่สำคัญหรอกหากว่าพวกเขาจะมาช้าชนาดไหนอย่างไรชายคนนั้นก็ยังคงอยู่ที่นี่

 

“เช่นนั้น คงยากสำหรับคุณนะ” อู๋ห่าวและเฉินหลงพยักหน้าและเดินเข้าห้องไป

เมื่อเขาเข้าห้องไป เฉินหลงมองเห็นแสงจ้า สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือโต๊ะตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยหาหารรสเลิศ ด้านหนึ่งของด้านหนึ่งของโต๊ะมีชายรูปร่างผอมคนหนึ่งในชุดคลุมแบบพ่อมดสีดำ แบบที่เฉินหลงเคยเห็นใน “เมืองหมอก” เขานั่งอยู่ตรงนั้น กินและดื่ม ตอนแรกผู้ช่วยบาทหลวงแห่งโบสถ์แห่งความมืดแห่งนี้ควรจะเก็บความเป็นปริศนาไว้ แต่ชายคนนี้กลับกินและดื่มไปมากมายและทำลายบรรยากาศความลึกลับของเขาไปหมด

 

เขาเห็นว่าอู๋ห่าวและเฉินหลงเขามาในห้องแล้ว ชายคนนั้นรีบเช็ดปากและแสร้งให้ดูสง่างามได้อย่างทุลักทุเล เขากล่าวกับอู๋ห่าว “หัวหน้าอู๋ สวัสดีผม แอนเดส”

“อ่า อาหารของจีนเราคงไม่แย่นะครับ” อู๋ห่าวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่แย่เลย อร่อย เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยกินเลยทั้งชีวิต ช่างอร่อยจริง” แอนเดสว่า เขามองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ แล้วเขาจึงกลืนน้ำลาย ดูเหมือนว่าหากเฉินหลงไม่ได้เข้ามาเขาคงกวาดอาหารที่อยู่บนโต๊ะไปหมดแน่

 

“หากคุณอยาก ผมยินดีจะให้คุณมาที่นี่เพื่อเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศนี่ได้บ่อยๆนะครับ” อู๋ห่าวว่า

“แน่นอน แน่นอน” แอนเดสพยักหน้าอีกสองครั้ง “จะว่าไป มีข่าวคราวอะไรดีๆไหมคราวนี้”

“นี่คือคุณเฉินหลง ตัวแทนของบริษัทเว่ยหลงจะมาคุยเรื่องการร่วมมือกับคุณ” อู๋ห่าวพยักหน้า

เมื่อได้ยินที่อู๋ห่าวว่า เฉินหลงมืดแปดด้าน แต่เพื่อจะให้แอนเดสได้เห็น เขาจึงพยักหน้าเบาๆด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

“เอ่อ คุณเฉินหลง สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เมื่อได้ยินว่าเฉินหลงเป็นตัวแทนของบริษัทเว่ยหลงแล้ว แอนเดสจึงกระตือรือร้นอย่างมากที่ได้เจอเฉินหลง

“คุณแอนเดส รอสักครู่ หัวหน้ากลุ่มอู๋และตัวผมมีอะไรบางอย่างจะกล่าว” สิ้นคำเฉินหลงยิ้มให้แอนเดสและดึงตัวอู๋ห่าวออกจากห้อง

 

ยังมีโต๊ะที่มีจานอยู่เบื้องหน้าเขา ดังนั้นโดยธรรมดาแล้วควรจะให้เวลาแอนเดสสักพักหนึ่งแล้ว เพื่อให้เขาได้จัดการธุระเรื่องอาหารที่ยังไม่สะสางได้

“หัวหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน คนจากโบสถ์แห่งความมืดมากินอาหารมื้อโตในกลุ่มซีโร่ของเราได้อย่างไร” หลังจากที่ปิดประตูแล้ว เฉินหลงจึงถามอู๋ห่าว

“นายไม่ชอบโบสถ์แห่งแสงนี่ ตอนนี้นายมีโอกาสจะสอนบทเรียนให้พวกนั้นแล้ว” ว่าจบ อู๋ห่าวจึงเล่าเรื่องไป