ตอนที่ 970

Alchemy Emperor of the Divine Dao

แม้มันจะเป็นจ่าฝูงอสูรลาวาระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด แค่มันก็เพิ่งจะทะลวงผ่านเท่านั้น ด้านหลังของมันมีภาพเงาภูผาสี่ลูกแต่กลับมีวารีเพียงสามสาย แถมภูผาลูกที่สี่ก็ยังมีขนาดเล็กมากอีกด้วย

ภายในเขตแดนลี้ลับนี้ตัวตนระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเรียกได้ว่าไร้พ่าย แต่ตอนนี้ตัวตนเช่นนั้นกลับกำลังตกอยู่ในวิกฤตภายใต้ฝ่ามือของหลิงฮัน

เนื่องจากต้องคอยระวังว่าเมื่อไหร่หลิงฮันจะยิงลูกศรมา จ่าฝูงอสูรลาวาจึงไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูบาดแผล ลวดลายเปลวเพลิงของมันดับมอดพร้อมกับร่างที่ล้มลงกับพื้น มันส่งเสียงโอดครวญในลำคอพร้อมกับพลังที่ค่อยๆถดถอย

จ่าฝูงอสูรลาวาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ

หลิงฮันที่ยืนอยู่กับที่ในที่สุดก็ฟื้นฟูพลังกายกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนปราณก่อเกิดของเขาเองก็เกือบจะฟื้นฟูกลับมาเต็มเปี่ยมด้วยผลึกก่อเกิดเช่นกัน

จ่าฝูงอสูรลาวายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันโหดเหี้ยม เพียงแต่ว่าแววตาของมันเริ่มค่อยๆกลายเป็นมัวหมอง

นี่เขาจะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานเท่าใด?

ครึ่งวัน หนึ่งวัน สามวัน? อีกฝ่ายเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลัง เกรงว่าต่อให้มันอยู่สภาพเช่นนี้ไปอีกสิบวันมันก็คงไม่ตาย

หลิงฮันไม่สามารถรอได้ขนาดนั้น เวลาของเขามีจำกัด หากถูกเขตแดนลี้ลับส่งตัวกลับผลึกภูผาวารีเจ็ดก้อนใต้ร่างของจ่าฝูงอสูรลาวาก็จะไม่ใช่ของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองเสี่ยงดูด้วยกายหยาบที่แสนทนทานของเขา

เขาเดินตรงเข้าหาจ่าฝูงอสูรลาวา

……

“ลุงเจ็ด ครั้งนี้พวกเรานำตาข่ายผนึกสีชาดมาด้วย พวกเราจะต้องกักขังจ่าฝูงอสูรลาวานั่นได้แน่นอน!” ภายในถ้ำเปลวเพลิง คนสี่คนกำลังเดินไปยังจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำ

“เหอๆ ตระกูลของเราใช้เวลาเตรียมการเป็นพันปีจนในที่สุดก็หลอมตาข่ายผนึกสีชาดได้สำเร็จ ถ้าถูกตาข่ายนี้กักขัง อีกฝ่ายจะถูกลดระดับพลังไปเหลือภูผาวารีขั้นต้น” ชายชราหัวเราะ

ในหมู่คนสี่คน มีชายคนนี้ที่เป็นชายชราผมขาว ส่วนอีกสามคนเป็นรุ่นเยาว์ พลังบ่มเพาะของรุ่นเยาว์ทั้งสามนั้นไม่อ่อนด้อย หนึ่งเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นปลายและอีกสองคนเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด

ถ้าหลิงฮันเห็นพวกเขา หลิงฮันจะต้องจำได้แน่ว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลหลัว ก่อนที่จะเข้าเขตแดนลี้ลับมาทั้งสี่คนแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาอย่างชัดเจน แต่หลังจากเข้าเขตแดนลี้หลับมาแล้วพวกเขาก็ถูกสุ่มแยกย้ายกันออกไปทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอกัน

“ช่างน่ารังเกียจนัก ทำไมข้าถึงยังไม่เจอมดปลวกจากโลกใบเล็กเสียที!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกล่าว

“เจ้าไม่ต้องเก็บเรื่องของเขามาใส่ใจ ถ้าจะไม่ได้พบอย่างไรก็ไม่ได้พบ ยิ่งกว่าจากนั้นสมาคมราตรีนิรันดร์ก็รับงานสังหารเจ้าหนูนั่นไว้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางรอด! ตอนนี้พวกเราควรมีสมาธิกับการโค่นจ่าฝูงอสูรลาวาและชิงผลึกภูผาวารีมาให้ได้” ชายชรากล่าวเตือน

“อืม!” รุ่นเยาว์ทั้งสามตอบตกลงด้วยความเชื่อฟัง

ถึงแม้พรสวรรค์ของชายชราผู้นี้จะไม่สูง เขาพึงพาทักษะต้องห้ามบางอย่างทำให้เขากลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาว ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่สามารถพัฒนาพลังบ่มเพาะต่อไปได้ในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้ชายชราก็มีพลังเหนือกว่าพวกเขาและได้รับหน้าที่มาชี้นำพวกเขาจากคำสั่งของตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงต้องแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย

ชายชราพยักหน้าและกล่าว “จ่าฝูงอสูรลาวาเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูง ถึงแม้มันจะถูกลดพลังบ่มเพาะไปเป็นภูผาวารีขั้นต้น มันก็ยังมีพลังต่อสู้ที่เทียบได้กับภูผาวารีขั้นกลาง พวกเจ้าห้ามประมาทเด็ดขาด”

“ลุงเจ็ด พวกเราทุกคนต่างก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ พวกมันเพียงพอจะเพิ่มพลังต่อสู้ให้พวกเราหนึ่งตา ตราบใดที่จ่าฝูงอสูรลาวาถูกกักขังเอาไว้ เราจะต้องสังหารมันได้แน่” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกล่าว

“อืม นั่นแหละคือสิ่งที่เจ้าควรคำนึงไว้ในใจ!” ชายชรากล่าวอย่างพึงพอใจ

……

หลิงฮันเดินเข้าใกล้ แต่จ่างฝูงอสูรลาวากลับไม่ขยับเคลื่อนไหว ราวกับว่าบาดแผลที่มันได้รับนั้นสาหัวจนขยับไม่ได้แม้แต่นิ้ว

“เหอะ ถ้าเจ้าคิดจะแกล้งตาย งั้นข้าก็จะตามน้ำไปกับเจ้า!” หลิงฮันควบแน่นสัมผัสสวรรค์และกำลังจะใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหาร

หากเป็นก่อนหน้านี้ทักษะนี้คงจะใช้ไม่ได้ผลเพราะจ่าฝูงอสูรลาวาที่พลังบ่มเพาะที่สูงเกินไป

แต่ตอนนี้จ่าฝูงอสูรวารีนั้นตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ดังนั้นสัมผัสสวรรค์ของมันจึงถดถอยลงไปด้วย

‘ฉึบ!’

ทันใดนั้นเองจ่าฝูงอสูรลาวากลับยกกรงเล็บโจมตีใส่หลิงฮันเสียก่อน

หลิงฮันไม่หลบเข้าไปในหอคอยทมิฬแต่เลือกโจมตีตอบโต้

‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาส่องแสงสว่างจากการใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพี

‘ตูม!’

ฝ่ามือของเขาปะทะกับกรงเล็บของจ่าฝูงอสูรลาวา ร่างของลอยกระเด็นทันที พลังของทั้งสองคนไม่ใช่ระดับเดียวกันแม้แต่น้อย

โครม!’ ร่างของลิงฮันกระเด็นไปกระแทกผนังและกระเด้งกลับ เขาล้มนั่งอยู่ที่พื้นพร้อมกับกระอักโลหิตออกมา เขาเช็ดปากและรู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม

“สมกับเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ช่างแข็งแกร่ง!” หลิงฮันฝืนลุกขึ้นยืน ‘แกรก แกรก แกรก’ กระดูกส่วนที่แตกร้าวของเขาเริ่มฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว

กายหยาบของเขาทรงพลังเกินไป แม้แต่การโจมตีของระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถบดขยี้กระดูกเขาได้ กระดูกของเขาเพียงแค่แตกร้าวเท่านั้น แต่แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะจ่าฝูงอสูรวารีอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่

จ่าฝูงอสูรลาวาจ้องมองเขาด้วยตาที่เหลือข้างเดียว ดวงตาของมันเปิดกว้างด้วยความตะลึง สับสนและโกรธเกรี้ยว

หนึ่งการโจมตีของมันไม่สามารถสังหารเผ่ามนุษย์ผู้นี้ได้…

มันที่ตอนแรกก็อยู่ในสภาพย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งย่ำแย่มากขึ้นไปอีก ดวงตาของมันแทบจะเปิดไม่ขึ้นและเริ่มหรี่ลงช้าๆอย่างหมดแรง

“ข้าจะทำให้เจ้าหลับสบายเอง!” หลิงฮันใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีจิตวิญญาณของจ่าฝูงอสูรลาวา เมื่ออีกฝ่ายหมดสติเขาก็นำร่างเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อสังหารมันอย่างไม่ให้มันเจ็บปวด

ดวงตาของหลิงฮันจ้องไปยังผลึกภูผาวารีเจ็ดก้อนที่วางอยู่บนโขดหินสีดำ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม กว่าจะได้เก็บเกี่ยววาสนาครั้งนี้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างยาวนานเหลือเกิน

หืม?

สัมผัสสวรรค์ของเขาตรวจพบอะไรบางอย่าง เขารีบหันหลังไปทันที

‘ตุบ ตุบ ตุบ’ คนสี่คนเดินเข้ามาในโพรงถ้ำ หนึ่งเป็นชายชรา สามเป็นรุ่นเยาว์ พวกเขาทุกคนจับตาข่ายขนาดยักษ์เอาไว้คนล่ะมุมโดยโคจรปราณก่อเกิดเพื่อทำให้ตาข่ายขนาดยักษ์ปลดปล่อยแสงเงาสีแดงออกมา

พวกเขาทั้งสี่คือคนของตระกูลหลัว พวกเขาทั้งสี่เตรียมตาข่ามาตั้งแต่ก่อนเข้าโพงถ้ำมาเพื่อที่จะแอบลอบกักขังจ่าฝูงอสูรลาวา

แต่เมื่อพวกเขาเข้ามากลับไม่พบร่างของจ่าฝูงอสูรลาวาเลย กลับกัน ด้านหน้าพวกเขาดันมีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งจ้องมองพวกเขาอยู่แทน

“เป็นเจ้า!” ทั้งสี่คนจำได้ทันที นั่นมันมดปลวกจากโลกใบเล็กไม่ใช่รึ?

ฮ่าๆๆ ขนาดพวกข้าไม่ได้ตามหาเจ้า พวกข้ายังพบเจอเจ้าโดยไม่ต้องพยายาม!” เหล่ารุ่นเยาว์หัวเราะ