“เจ้าทำให้ข้าสมดั่งใจปรารถนาได้จริงหรือ? ”
“แน่นอน แต่ข้ามีเงื่อนไข! ”
หลิงเซียวจวิ้นจู่ตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา
“อันใด… เงื่อนไขอันใด! ”
ท่ามกลางดวงตาสีแดงดั่งเปลวเพลิงของพ่อมด รอยยิ้มของเขาเผยให้เห็นความชั่วร้ายอีกครั้ง เขาพูดข้างใบหูของหลิงเซียวจวิ้นจู่อย่างหลงใหลในกลิ่นกายของนาง “กลิ่นกายพลังหยางบริสุทธิ์บนเรือนร่างของเจ้าคือสิ่งที่ข้าชื่นชอบมากที่สุด ทั้งยังเป็นสิ่งที่ร่างกายของข้าต้องการมากที่สุด ข้าต้องการให้เจ้าหลอมรวมพลังหยินหยางกับข้าอย่างเต็มใจ และใช้โลหิตบริสุทธิ์ของเจ้าเพิ่มระดับพลังเวทให้ข้า”
หลิงเซียวจวิ้นจู่หวาดกลัวจนไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร นางตกตะลึงจนร่างกายแข็งทื่อ พลางจ้องมองใบหน้าของพ่อมด ด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
พ่อมดยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้น และไม่มองหลิงเซียวจวิ้นจู่อีก “จิตใจมนุษย์นั้นโลภมาก ความปรารถนาและความเกลียดชังเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คิดให้ดี เมื่อคิดได้แล้วก็มาหาข้า ข้าไม่เคยบังคับผู้ใด สิ่งที่ได้มาจากเจ้า ข้าจะตอบแทนด้วยสิ่งที่เจ้าปรารถนา”
พูดจบ เขาก็แบกสตรีงามเดินจากไป
เมื่อเห็นว่าพ่อมดและคนที่อยู่ในถ้ำเดินจากไปไกลแล้ว บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบสงัด ความกลัวและความกังวลได้รับการระบายออกราวกับระเบิดครั้งใหญ่ มันกัดเซาะหัวใจของหลิงเซียวจวิ้นจู่
นางทรุดตัวลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พลางกอดร่างของตนเองแน่นและร้องไห้คร่ำครวญ “พี่ฉี หลิงเซียวกลัวเหลือเกิน ท่านอยู่ที่ใด พี่ฉี ท่านรีบมาช่วยหลิงเซียวเร็วๆ หลิงเซียวกลัวมากจริงๆ ”
ท่ามกลางความหวาดกลัว สิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น และอดีตที่ผ่านมาเริ่มเกาะกินหัวใจของนางอย่างต่อเนื่อง
นางถูกคนในครอบครัวทรยศและแสวงหาผลประโยชน์ ตั้งแต่เด็ก นางต้องอยู่ในวังหลวงที่ราวกับขุมนรกอย่างหวาดระแวด ทุกย่างก้าวต้องกระทำอย่างระมัดระวัง เบื้องหลังฐานะอันสูงส่งนั้น ทำให้หลายคนมองนางด้วยสายตาเย็นชาและไม่พอใจ
ในเวลาต่อมา ใบหน้าอันหล่อเหลาและอ่อนโยนของมู่หรงฉีค่อยๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง นางยกยิ้มมุมปากอย่างมีความหวัง รอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั้นดูน่ารักเป็นพิเศษ เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ได้พบมู่หรงฉี
นางยื่นมือออกไปคว้าแขนเสื้อของมู่หรงฉี อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่ามือที่ยื่นออกไปกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ฝ่ามือของนางตกกระทบพื้นอย่างแรง ปลุกสติที่เลือนรางของนางให้ตื่นขึ้นมา
จิตใต้สำนึกอันน่าสะพรึงกลัวได้จู่โจมก้นบึ้งหัวใจของนางอีกครั้ง
“ไปให้พ้น! ไปให้พ้น! ” หลิงเซียวจวิ้นจู่ที่ยืนหลังพิงผนังเย็นเฉียบ ร้องตะโกนและโบกไม้โบกมือราวกับคนคลุ้มคลั่ง
ทว่าความน่ากลัวของ ‘ปีศาจ’ ที่กัดเซาะหัวใจอันบอบบางของนางยังคงอยู่
ทันใดนั้น ในความคิดของนางก็ปรากฏร่างของคนสองคน
คนหนึ่งคือตงหลิงหวง อีกคนหนึ่งคือซูจิ่นซี
หลิงเซียวจวิ้นจู่เบิกตากว้าง มองดูถ้ำด้านบนด้วยความหวาดกลัว “พวกเจ้า เป็นเพราะพวกเจ้า เป็นพวกเจ้าที่ทำร้ายจวิ้นจู่อย่างข้า ข้ามาถึงจุดนี้ก็เพราะพวกเจ้า ตงหลิงหวง เจ้าแย่งพี่ฉีผู้ที่อยู่ในใจของข้า ซูจิ่นซี เจ้าแย่งฐานะอันสูงศักดิ์ที่สุดของข้าไป ข้า หลิงเซียว ไม่ปล่อยพวกเจ้าอย่างแน่นอน ไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้อย่างแน่นอน พวกเจ้าคอยดูเถิด! ”
นางพูดพลางลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปข้างนอกทันที “พ่อมด ข้าต้องการพบท่าน! ข้าต้องการพบท่าน! ”
เมื่อวิ่งมาถึงประตู ร่างของพ่อมดก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหลิงเซียวจวิ้นจู่
ร่างของหลิงเซียวจวิ้นจู่ยังคงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ทว่านางพยายามเชิดใบหน้าซีดขาวขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “พ่อมด เจ้าเคยบอกว่า เพียงข้าตกลงทำการหลอมรวมพลังหยินหยางกับเจ้า เจ้าจะทำตามความปรารถนาของข้าหนึ่งข้อ เจ้าจะรักษาคำพูดหรือไม่? ”
“แน่นอน? ”
“ตกลง! ข้า… ความต้องการของข้าคือให้สังหารสตรีสองนาง”
ดูเหมือนพ่อมดจะคิดได้ว่าหลิงเซียวจวิ้นจู่ต้องการสิ่งใด เขายกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “เป็นดั่งที่คาดไว้จริงๆ จิตใจของสตรีร้ายกาจที่สุด”
พ่อมดพูดพลางโน้มตัวไปเลียลำคอของหลิงเซียวจวิ้นจู่ด้วยลิ้นสีแดงที่เหมือนกับลิ้นงู จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น ดวงตาทอประกายความยินดี “รสชาติของผู้สูงศักดิ์ช่างดียิ่งนัก! ”
หลิงเซียวจวิ้นจู่รีบก้าวถอยหลัง “เจ้า… เจ้าต้องทำตามความปรารถนาของจวิ้นจู่อย่างข้าเสียก่อน สังหารสตรีทั้งสอง แล้วข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนวิชามาร”
พ่อมดมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย “เจ้าคิดว่ายังมีสิทธิ์ต่อรองกับข้าอีกหรือ? ข้าไม่เคยมีกฎเกณฑ์เช่นนี้”
หากเขาต้องการบังคับ ร่างเล็กบอบบางของหลิงเซียวจวิ้นจู่ย่อมไม่อาจขัดขืนได้ นับประสาอันใดกับการยืนอยู่ที่นี่เพื่อต่อรองเงื่อนไขกับเขา
ทว่าสิ่งที่เขาต้องการคือความเต็มใจ
เพียงมีความเต็มใจ จึงจะมีพลังและความบริสุทธิ์อันสูงสุด
หลิงเซียวจวิ้นจู่กัดริมฝีปาก น้ำตาไหลพรากดั่งสายน้ำ
“เฮ้ เฮ้… ” พ่อมดแสดงท่าทีสงสาร เล็บเรียวยาวดั่งกรงเล็บนกอินทรีค่อยๆ เชยใบหน้าอันงดงามของหลิงเซียวจวิ้นจู่ที่กำลังร้องไห้ขึ้นมา “ช่างเป็นแม่นางที่ข้าเห็นแล้วรู้สึกสงสารยิ่งนัก น้ำตาจะไหลก็ไหลในทันที วันนี้ข้ามีความสุข ข้าตอบตกลงเจ้า! ”
พ่อมดพูดพลางจับแขนของหลิงเซียวจวิ้นจู่ เขายกเสื้อคลุมกว้างสีดำขึ้น กลุ่มควันสีดำพลันลอยออกมาปกคลุมพวกเขาทั้งสอง ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็หายวับไป
ชั่วพริบตา ภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าของหลิงเซียวจวิ้นจู่ก็เปลี่ยนแปลงไป
ถ้ำอันงดงามก่อนหน้านี้ กลายเป็นแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ รอบแท่นบูชาเต็มไปด้วยของตกแต่งที่น่าสะพรึงกลัว
เพียงมองดูก็รู้สึกราวกับถูกพวกมันลากลงขุมนรก
หลิงเซียวจวิ้นจู่ไม่กล้ามอง จึงมองพ่อมดด้วยท่าทางจริงจัง
พ่อมดลากนางไปบนแท่นบูชา ลูกแก้วที่วางอยู่บนเสาหินค่อยๆ ลอยขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าของคนทั้งสอง
เมื่อลอยจนถึงความสูงระดับหนึ่งแล้ว เสาหินจึงหยุดเคลื่อนไหว
พ่อมดมอบกริชเล่มหนึ่งที่ทำจากกระดูกสัตว์ให้หลิงเซียวจวิ้นจู่ “นี่คือไข่มุกเจ็ดนักษัตรแห่งแดนปีศาจที่รวบรวมวิญญาณเจตภูตในใต้หล้าไว้ มันสามารถช่วยให้มนุษย์ทำลายทุกสิ่งที่พวกเขาเกลียดชัง โดยการแกะสลักชื่อของคนที่เจ้าเกลียดชังลงไป และสักการะด้วยเลือดของเจ้า หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าวจะตายภายในเจ็ดวันอย่างแน่นอน”
“เจ็ดวันหรือ? ” หลิงเซียวจวิ้นจู่เบิกตาโต
“คนผู้นี้ช่างละโมบเสียจริง ต้องใช้เวลาเจ็ดวันเพื่อสังหารคนอย่างไร้ร่องรอย”
พ่อมดอ้อมไปทางด้านหลังของหลิงเซียวจวิ้นจู่ ก่อนจะโอบกอดร่างของหลิงเซียวจวิ้นจู่อย่างเชื่องช้า
กลิ่นอายความชั่วร้ายค่อยๆ พุ่งเข้าสู่ใบหูของนาง นางหลุบตาลงเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่มองดูเล็บเรียวยาวอันน่าสะพรึงกลัวของพ่อมด
หลิงเซียวจวิ้นจู่รู้สึกเพียงว่าตนเองหวาดกลัวและรังเกียจ นางเกลียดชัง เกลียดชังมากจริงๆ เกลียดที่ตนเองเดินมาถึงจุดนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นการบีบคั้นจากซูจิ่นซีและตงหลิงหวง นางถูกพวกนางบังคับ
นางต้องอดทน เพียงอดทน อดทนจนกว่าซูจิ่นซีและตงหลิงหวงตายไป พี่ฉีจะกลับมาหานางอีกครั้ง และพวกเขาจะกลับคืนสู่ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดดังเช่นก่อนหน้านี้
ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป
อดทน…
หลิงเซียวจวิ้นจู่บอกกับตนเองในใจ สองมือถือกริชกระดูกสัตว์ไว้แน่น นางรวบรวมความลุ่มหลงทั้งหมด พลางแกะสลักชื่อของซูจิ่นซีและตงหลิงหวงไว้ในไข่มุกเจ็ดนักษัตรแห่งแดนปีศาจ
เมื่อแกะสลักเสร็จเรียบร้อย จึงกรีดฝ่ามือและวางมือลงบนไข่มุกเจ็ดนักษัตรแห่งแดนปีศาจ
เลือดไหลเข้าสู่ไข่มุกเจ็ดนักษัตรแห่งแดนปีศาจอย่างต่อเนื่อง หลิงเซียวจวิ้นจู่รู้สึกเพียงว่าเลือดทั้งหมดในร่างของนางกำลังไหลออกไป พลังความแข็งแกร่งของร่างกายค่อยๆ เลือนหาย และสติของนางก็พร่ามัว
ท่ามกลางสติที่พร่ามัว นางยังสามารถรับรู้ได้ถึงริมฝีปากสีแดงอันน่าขยะแขยงของพ่อมดที่ซุกไซ้ลำคอของนาง และเล็บเรียวยาวอันน่าสะพรึงกลัวที่ค่อยๆ ถอดสายรัดเอวทางด้านหน้าของนาง
ความรู้สึกสิ้นหวัง ความหวาดกลัว การดิ้นรน และความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอับจนหนทาง แทบทำให้หลิงเซียวจวิ้นจู่หายใจไม่ออก
อย่างไรก็ตาม เพื่อความยึดติดที่อยู่ในใจ เพื่อให้ได้อยู่กับพี่ฉีตลอดไป นางทำได้เพียงอดทน ทำได้เพียงกำหมัดอย่างเชื่องช้า และอดกลั้นต่อความสิ้นหวัง