ตอนที่ 173 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 173 โชคชะตาฟ้าลิขิต (8)

             อี้เป่ยซีไม่ได้บอกแม่ของตัวเองอย่างชัดเจน แต่หาข้ออ้างไปเรื่อยแล้วพาลั่วจื่อหานไปยังโรงพยาบาลที่เยี่ยฉินอยู่อย่างรวดเร็ว

        “เธอระวังหน่อยสิ” ลั่วจื่อหานดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง เพื่อลงความความเร็วของอี้เป่ยซีลง

            “ฉัน ฉันรีบนี่นา ยังไงฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ยอมแพ้แบบนี้” อี้เป่ยซีนิ่วหน้า คว้าเสื้อของลั่วจื่อหานต้องการนำไปข้างหน้า

            เขาส่ายหน้า วางมือโอบอยู่บนเอวของอี้เป่ยซี

            อี้เป่ยซีมองหมายเลขประตูห้องด้วยความร้อนใจ ผลักเข้าไป เยี่ยฉินกำลังถือแก้วน้ำ เมื่อเห็นอี้เป่ยซีที่เดินหน้าเข้ามาก็กระพริบตา

            “เธอมาได้ยังไง”

            อี้เป่ยซีต้องการวิ่งเข้าไป แต่ถูกลั่วจื่อหานดึงคอเสื้อเอาไว้ เธอหน้าบึ้ง เดินเข้าไปหาเยี่ยฉินทีละก้าวๆ

            “เธอรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ?” เยี่ยฉินมีท่าทางสงบ วางแก้วลงบนโต๊ะเงียบๆ จับมือน้อยๆ ที่อบอุ่นของเธอเบาๆ

            “ข้างนอกไม่หนาวเหรอ?”

            อี้เป่ยซีพยักหน้า ดึงๆ แขนเสื้อของลั่วจื่อหานเป็นสัญญาณให้เขาออกไป เขายกมุมปากขึ้น จากไปแล้วปิดประตู

            “เยี่ยฉิน ลองดูเถอะ ลั่วจื่อหานบอกว่า ว่ามีลั่วจื่อจี้อยู่เธอจะต้องไม่เป็นไรแน่ เขาเก่งเรื่องนี้ที่สุดแล้ว”

            “พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”

            อี้เป่ยซีเม้มปาก หยุดครู่หนึ่งจึงพยักหน้า ประคองเยี่ยฉินแล้วเดินออกไป

            อากาศกำลังดี ลมอ่อนโชยมาทำให้รู้สึกสบายมาก ทั้งสองคนประคองกันและกัน

            “เธอก็เลยคิดจะเก็บเด็กไว้?”

            อี้เป่ยซีมุ่ยปาก “พวกเรากำลังคุยเรื่องของเธออยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาเรื่องฉันอีกแล้วล่ะ”

            เยี่ยฉินหัวเราะ “เรื่องฉันไม่มีอะไรน่าคุยหรอก เป่ยซี มันทำได้จริงเหรอ?”

            อี้เป่ยซีพยักหน้าหงึกหงัก “จริงสิๆ อีกอย่าง ลั่วจื่อจี้ยังบอกว่า เพราะกรณีของเธอค่อนข้างพิเศษ เข้ากับโครงการที่เขาจะทำตอนนี้พอดี ฉะนั้นเธอไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายกับกำลังคนเลย”

            “เยี่ยฉิน ลองดูสักครั้งเถอะ ต่อให้…”

            “อาซ้อ” ลั่วจื่อจี้จัดแต่งทรงผม เดินเข้ามาหาอี้เป่ยซีอย่างรวดเร็ว “ทำไมไม่ให้พยาบาลเฝ้าล่ะ พี่ชายผมล่ะ?”

            อี้เป่ยซีมองเขาอย่างหัวเสีย ‘เมื่อกี้เธอกำลังจะตอบตกลงแล้วเชียว จู่ๆ นายจะโผล่มาทำไม’ “อ๋อ ฉันมาเดินเล่นกับเยี่ยฉิน”

            ลั่วจื่อจี้มองเยี่ยฉิน “ให้ผมดูแลเขาเถอะ อาซ้อไปตรวจครรภ์กับพี่ชายผมดีกว่าไหม?”

            “ไม่ต้องหรอก นายว่างหรือไง?”

        “อืม ตอนนี้ก็มีแค่เรื่องของเยี่ยฉินเรื่องเดียว ผมก็ไม่ได้ยุ่งอะไร แค่เขาพยักหน้าก็เริ่มได้เลย ยังมีอะไรอีกนะ ก็มู่ลี่ไป๋น่ะสิ ทำให้เขาลำบากจริงๆ เลย”

            เยี่ยฉินพูดขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว “เขาเป็นอะไรไป”  อี้เป่ยซีรู้สึกว่ามือที่ผอมบางเห็นกระดูกบีบแขนตัวเองแน่นเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่ว

            ลั่วจื่อจี้ไม่ได้มองเธอ “หา ก็แค่เรื่องเยอะนิดหน่อย หากเขาอยากอยู่ข้างๆ ก็ต้องเข้าใจนิสัยของฉัน ไม่อย่างนั้นจะร่วมมือกับฉันได้ยังไง”

            “หา เขาไม่ถนัดทางนี้ไม่ใช่เหรอ?”

            “อืม ที่จริงก็ใช้ได้น่ะ ถ้าเป็นผู้ช่วยก็โอเคอยู่ แค่สไตล์ของพวกเราไม่เหมือนกัน”

            มือของเยี่ยฉินยิ่งบีบแน่น

            “เยี่ยฉิน” อี้เป่ยซีสะกิดเธอด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย “เจ็บ”

            “ขอโทษ ขอโทษ” เยี่ยฉินรีบชักมือกลับ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

            “เป่ยซี” ลั่วจื่อหานเห็นสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน เข้าไปใกล้มือของลั่วจือจี้ที่วางอยู่บนตัวของอี้เป่ยซี ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนตัวเองอย่างแนบเนียน แล้วถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว แยกทั้งสองคนออกจากกัน

            “ทำไมออกมาซะล่ะ”

            “เยี่ยฉินบอกว่าอยากออกมาเดินเล่น ฉันก็เลยออกมาเป็นเพื่อนเขา” ลั่วจื่อหานจูงมือของเธอ ถอยหลบไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดขาวของมู่ลี่ไป๋

            ลั่วจื่อจี้หัวเราะ “ฉันก็เป็นหมาหัวเน่าสินะ ไปละๆ จะได้ไม่เศร้า”

            ‘ใช่ๆ นายควรจะไปตั้งนานแล้ว’ อี้เป่ยซีพยักหน้าอยู่ในใจ ลั่วจื่อหานก็พาอี้เป่ยซีจากไปเงียบๆ

            “พวกเราจะไปไหน?” อี้เป่ยซีดึงเสื้อของลั่วจื่อหานพูดเสียงเบา

            “ตรวจครรภ์”

            อี้เป่ยซีขมวดคิ้ว “ฉัน ฉันคิดว่าวันนี้พวกเราเพิ่งลงจากเครื่อง รู้สึกไม่ค่อยสบาย ถ้ายังไงพวกเราไปพักผ่อนกันก่อนดีไหม?”

            “เมื่อกี้ทำไม่คิดไปพักผ่อน”

            “หา ฉันเหนื่อยมาก…”

            เยี่ยฉินมองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินแอบอิงกันจากไป เปี่ยมไปด้วยความอิจฉา

            “เยี่ยฉิน”

            “คนเป็นหมอก็มีจิตใจเหมือนพ่อแม่ ขอบคุณพวกคุณค่ะ” เยี่ยฉินถอยหลังไปช้าๆ “ต้องฝากพวกคุณแล้ว”

            “อืม” ข้อนิ้วของมู่ลี่ไป๋ขาวเล็กน้อยเพราะออกแรง เขาข่มอารมณ์ที่ปะทุอยู่ในใจ เผยรอยยิ้มที่ห่างเหินเป็นอย่างยิ่ง

            สองวันต่อมา…

            เดิมทีอี้เป่ยซีอยากไปเยี่ยมเยี่ยฉินตั้งแต่เช้า ผลก็คือเมื่อคืนวุ่นวายจนดึก อีกทั้งยังถูกลั่วจื่อหานรั้งไว้ จนกระทั่งสิบโมงกว่าจึงรีบไปอาบน้ำ

            “กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปเถอะ” ลั่วจื่อหานพันอี้เป่ยซีด้วยเสื้อผ้าอีกชั้น แล้วจูงมือของเธอ

            อี้เป่ยซีดึงๆ เสื้อบนตัว “ฉันอยากไปเยี่ยมเขาเร็วหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”

            “เธอต้องให้ช่องว่างพวกเขาหน่อยสิ ลั่วจื่อจี้บอกแล้วว่าสิบโมงกว่าถึงจะตื่น จะรีบทำไม?”

            อี้เป่ยซีครุ่นคิด ซุกอยู่บนตัวลั่วจื่อหาน “นายนี่รอบคอบจริงๆ เลย จูบนายทีนึง”

            “ตอนนี้มาคิดถึงฉันเหรอ?”

            อี้เป่ยซีกอดเขาอย่างเอาอกเอาใจ “เปล่าๆ คิดถึงนายตลอดเวลาแหละ”

            ในห้องคนไข้ มู่ลี่ไป๋มองคนที่อยู่บนเตียงตลอดเวลา ขยี้ตาที่ระคายเคืองเล็กน้อยของตัวเอง บนใบหน้ามีรอยยิ้มพึงพอใจ

            “เยี่ยฉินดีจังเลย คุณไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”

            มือของเยี่ยฉินขยับ ขณะที่ลืมตาขึ้นก็ได้ยินเสียงดังตึง

            “มู่ลี่ไป๋ มู่ลี่ไป๋” เสียงของเธออ่อนแรงเล็กน้อย คนที่อยู่บนพื้นเหมือนจะได้ยิน ยิ้ม แล้วหลับตาสนิท

            เยี่ยฉินรู้สึกว่าดวงตาของตัวเองเต็มไปด้วยน้ำตา เธอเรียกชื่อของเขา “มู่ลี่ไป๋ คุณตื่นสิ มีใครอยู่หรือเปล่า มู่ลี่ไป๋…”

            ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก อี้เป่ยซีได้ยินเสียงแผ่วเบาแล้วรีบพุ่งเข้าไป

            “เป็นอะไรไป มู่ลี่ไป๋เป็นอะไรไป?”

            ลั่วจื่อหานขมวดคิ้ว ประคองคนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา “วุ่นวายจริงๆ”

            ลั่วจื่อจี้ก็เดินหาวเข้ามา “หา เกิดอะไรขึ้น มู่ลี่ไป๋เป็นอะไรไป?”

            “จะพูดมากทำไม รีบพาคนออกไปเร็ว” ลั่วจื่อหานมองเขา ลั่วจื่อจี้เข้าใจในทันที พาคนออกไป อี้เป่ยซีนั่งลงข้างเยี่ยฉิน

            “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มู่ลี่ไป๋ไม่เป็นอะไรหรอก เธอวางใจเถอะ วางใจเถอะ มู่ลี่ไป๋ไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยเกินไปหน่อย เธอไม่ต้องเป็นห่วง”

            เยี่ยฉินพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แล้วหลับตาลงช้าๆ

            อี้เป่ยซีก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ช่วยเธอทำความสะอาดแล้วเดินออกไป

            “เขาเป็นอะไรไป?” อี้เป่ยซีดึงๆ เสื้อของลั่วจื่อหาน ถามด้วยความเป็นกังวล

            “ไม่มีอะไร แค่เหนื่อยเกินไป”

        ลั่วจื่อจี้พูดขัด “ไม่ได้พักผ่อนมาสามวันแล้ว เป็นใครก็ทนไม่ไหวหรอก อาซ้อไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าเรื่องนี้ก็ถือว่าจบแล้ว ผมกลับไปได้แล้วสิ”

————