ตอนที่ 346 หวาดกลัว โดย Ink Stone_Fantasy
รอจนกระทั่งจางจือซวนถูกคนลากออกมาจากวิลล่าทั้งร้องไห้ทั้งตะโกน หวาเซิ้งมองไปที่เฉินจิ้งหลัน พูดว่า “คุณเฉิน ขอโทษจริงๆ ลูกน้องผมไม่รู้ความจริงๆ พลอยทำให้คุณตื่นตระหนกตกใจไปด้วย”
“ผมว่า…การร่วมมือระหว่างเราจะต้องปรับเปลี่ยนสักหน่อย รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ผมจะให้คน ไปคุยกับผู้จัดการของคุณ”
หวาเซิ้งฉลาดมาก เรื่องนี้แค่จัดการให้เฉินจิ้งหลันพอใจ เยี่ยเทียนก็ไม่พูดอะไรมากแล้ว จัดการกับผู้หญิงที่เพิ่งออกมา จากแผ่นดินใหญ่ ง่ายกว่าการคบหาสมาคมกับเยี่ยเทียนเสียอีก
หากผู้เสียหายอย่างเฉินจิ้งหลันพอใจเรื่องนี้ เยี่ยเทียนก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้อีก ไม่อย่างนั้นหวาเซิ้งต้องยืนอยู่ข้างความมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าไม่เคารพเยี่ยเทียนอาจารย์ใหญ่คนนี้
“ขอบคุณเถ้าแก่หวา นี่……ละครเรื่องนี้ ยัง……ยังเป็นผู้กำกับจางที่กำกับอยู่ไหม”
เฉินจิ้งหลันก็เหมือนกับการนั่งเสลี่ยง ที่มีความไม่แน่นอนเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ในสมองก็รู้สึกเลอะเลือนไปหมด เธอก็ไม่คิดว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น จางจือซวนทำไมยังกำกับหนังเรื่องนี้ต่อได้อีก
“แหะๆ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของบริษัทเราเยอะมาก คุณเฉินสบายใจได้ ไม่ให้ความคืบหน้าของการถ่ายทำ ล่าช้าหรอก”
หวาเซิ้งพูดแล้วก็ยิ้มขึ้นมา เดิมทีก็อยากให้จางจือซวนกำกับหนังเรื่องนี้ เพราะดูจากการถ่ายทำที่ออกมาได้ดี และความขยันขันแข็ง แต่ตอนนี้เขาทำตัวเขาเอง ดีกว่าการลงโทษแบบสามมีดหกรู
“พอแล้ว เวลามันก็ช้ามากพอแล้ว พี่เหวิน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของคุณ เดี๋ยวผมก็น่าจะต้องกลับไปแล้ว”
เมื่อเห็นเรื่องได้แก้ไขแล้ว เยี่ยเทียนก็ยืนขึ้น พูดกับเฉินจิ้งหลันว่า “พี่จิ้งหลัน ผมต้องกลับแล้ว ต่อไปถ้ากลับไปที่ปักกิ่งพวกเราค่อยติดต่อกัน น้องสาวผมชมพี่ว่าแสดงละครดีตลอด ยังอยากจะขอลายเซ็นพี่เลย ”
คำพูดของเยี่ยเทียนนี้ไม่ใช่คำพูดที่โกหก หลิวหลันหลันชอบเฉินจิ้งหลันมาก หลังจากที่ได้ยินอวี๋ชิงหย่า บอกว่าเยี่ยเทียนรู้จักเฉินจิ้งหลัน ก็รบเร้าให้เยี่ยเทียนขอลายเซ็นอยู่หลายครั้ง
แค่เยี่ยเทียนไม่มีช่องทางการติดต่อกับเฉินจิ้งหลัน จะไปขอลายเซ็นเธอได้ที่ไหน ยิ่งกว่านั้น น้ำเสียงตอนที่อวี๋ชิงหย่าพูดเหมือนจะมีเสียงแปลกๆ เยี่ยเทียนยิ่งไม่กล้าที่จะไปหาเฉินจิ้งหลัน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันก็ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไรกันแน่ สักพักใหญ่ถึงพูดออกมาว่า “เยี่ยเทียน ขอบคุณนะ”
ทุกครั้งที่เจอกับเด็กหนุ่มคนนี้ มักจะทำให้เฉินจิ้งหลันไม่สามาถลบเลือนเขาจากความทรงจำได้ แต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเยี่ยเทียนเลย นี่ก็เป็นผู้ชายที่ลึกลับคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไร อย่าลืมเซ็นลายเซ็นให้ผมก็พอแล้ว พี่เหวิน แขกคุณเยอะขนาดนี้ ไม่ต้อง ไปส่งแล้ว…” เยี่ยเทียนยิ้มแล้วก็โบกไม้โบกมือ พาหลิวติงติงและอาติงเดินออกจากวิลล่า
“เอ๊ะ เยี่ยเทียน ผมจัดรถให้ไปส่งคุณแล้ว” เมื่อเห็นเยี่ยเทียนจะไป เหวินหลวนสงรีบลุกขึ้น พูดกับ หวาเซิ่งว่า“น้องหวา คุณนั่งรอสักครู่นะ ผมจะรีบกลับมา”
“ดูสิ คนที่หักแขนคุณหลัวออกมาแล้ว”
“ใช่ วัยรุ่นคนนั้นเอง มาทำอะไรกันแน่”
เยี่ยเทียนและเหวินหลวนสงเพิ่งเดินออกมาจากวิลล่า กลุ่มดารากลุ่มนั้นเดิมทีที่ คุยกันตรงมุมของสวนดอกไม้ สายตาก็มาจับจ้องที่ตัวของเยี่ยเทียน เรื่องทุกอย่างที่เกิดในคืนนี้ ยอดเยี่ยมมากกว่าประสบการณ์ ที่พวกเขาถ่าย ในภาพยนตร์เสียอีก
สถานะของเยี่ยเทียนที่พวกเขาทายกันต้องสำคัญแน่ๆ เพราะดาราพวกนี้เชื่อว่า ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวเล็กๆ คนนั้นอยู่ที่นี่ ไม่เห็นต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเหวินหลวนสง
“ได้ ต่อไปนี้บอกเลยว่า ถึงฟ้าจะถล่ม ก็ไม่เข้าร่วมงาน รวมตัวที่น่าเบื่อแบบนี้อีก” เยี่ยเทียนได้ยินคำพูดพวกนั้นจากรอบๆตัวอย่างชัดเจน อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ และเพิ่มฝีเท้าอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยเทียน รอก่อน”
เพิ่งจะออกมากจากสวนดอกไม้ ยังไม่ได้ถึงที่จอดรถ ด้านหลังก็มีเสียงเรียกของเฉินจิ้งหลันตามมา
เยี่ยเทียนหันกลับหลัง เมื่อมองไปที่หน้าอกที่กำลังหอบของเฉินจิ้งหลัน ถามอย่างแปลกใจว่า
“พี่จิ้งหลัน เกิดอะไรขึ้น”
“เยี่ยเทียน ฉันให้ ในกระเป๋าฉันมีรูปถ่ายในละครอยู่ เซ็นเรียบร้อยแล้ว”
เฉินจิ้งหลันเอารูปภาพแผ่นหนึ่งส่งให้เยี่ยเทียน พูดอย่างลังเลว่า “เยี่ยเทียน เธออยู่ฮ่องกงมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว พรุ่งนี้ว่างไหมฉันอยากจะเชิญเธอกินข้าวสักหน่อย”
เฉินจิ้งหลันรู้ว่าตำแหน่งศิลปินในฮ่องกงนั้นไม่สูงมาก ถ้าวันนี้ไม่ได้เยี่ยเทียน ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกคน ที่นามสกุลหลัวทำให้เธอขายหน้าไปแล้ว คำขอบคุณของเฉินจิ้งหลันเป็นคำขอบคุณที่มาจากความจริงใจ
“เหอะ ขอบคุณมากเลยพี่จิ้งหลัน”
หลังจากรับรูปภาพ เยี่ยเทียนส่ายหัวแล้วพูดว่า
“พี่จิ้งหลัน พรุุ่งนี้ไม่ว่างจริงๆ เอาแบบนี้เถอะ รอสักสองสามวันถ้าผมมีเวลา ก็จะมาดูพวกพี่ถ่ายละคร”
พรุ่งนี้นัดกงเสี่ยวเสี่ยว เยี่ยเทียนต้องช่วยเธอคำนวณหาร่างศพสามีที่ตกลงน้ำไป การคำนวณต้องยุ่งยากมากแน่ๆ คาดว่าต้องใช้เวลาสองสามวัน ไม่ใช่ว่าเยี่ยเทียนอยากจะปัดการนัดของเฉินจิ้งหลัน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เฉินจิ้งหลันก็มีใบหน้าที่ผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ยังควักนามบัตร ออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดว่า
“งั้นเอาแบบนี้ นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้าเธอว่างก็โทรศัพท์มาหาฉันได้เลย”
“แน่นอน พี่จิ้งหลันถ้าพี่อยู่ฮ่องกงแล้วมีเรื่องอะไร ไปหาเถ้าแก่เหวินก็พอแล้ว”
เยี่ยเทียนยิ้มมองไปที่เหวินหลวนสง พูดว่า “พี่เหวิน ไม่ต้องส่งแล้ว พาคุณเฉินกลับไปดูแลก็พอแล้ว คุณมีชื่อสียงในการดูแลเอาใจใส่ผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อของตัวเองสิ”
“วางใจเถอะ น้องเยี่ย คุณเฉินมีเรื่องอะไร ผมก็ไม่มีหน้าที่จะสู้เหมือนกัน…”
เหวินหลวนสงถูกเยี่ยเทียนพูดจนรู้สึกอับอาย ในใจกลับเดาความสัมพันธ์ของเยี่ยเทียนกับเฉินจิ้งหลัน ทั้งสองคนดูเหมือนไม่ใช่คู่รัก เขากลับไม่เข้าใจว่าทำไมเยี่ยเทียนถึงดูแลเฉินจิ้งหลันดีขนาดนี้
“อาเฟิน คุณไปคุยเป็นเพื่อนกับคุณเฉินนะ ”
หลังจากที่ส่งเยี่ยเทียนเสร็จ เหวินหลวนสงหันกลับไปที่สวนดอกไม้ เรียกผู้หญิงที่ดูแลวันนี้ให้มาอยู่ เป็นเพื่อนเฉินจิ้งหลัน ตัวเองกลับไปที่ในห้องรับแขก
“คุณเหวิน เด็กหนุ่มนี้ ไม่ระมัดระวังตัวเองจริงๆ”
เหวินหลวนสงเพิ่งเข้ามาที่ในห้อง ก็ได้ยินคำบ่นจากหัว หวาเซิ่ง ตอนที่เยี่ยเทียนเข้ามาเมื่อครู่ก็ไม่ได้มีคำทักทายอะไรกับเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ไว้หน้าเถ้าแก่หวา
หวาเซิ่งที่เมื่อครู่ลงโทษจางจือซวนแบบนั้น ไม่ใช่ว่ากลัวเยี่ยเทียน แต่ไม่อยากทำให้เขาโกรธเท่านั้น แต่เขาก็ไว้หน้าเยี่ยเทียนพอแล้ว ในขณะที่ตัวเองกลับไม่ได้ไว้หน้า
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเถ้าแก่ คนด้านข้างของหวาเซิ่งก็พูดอย่างกับลูกผู้ชายอกสามศอกว่า
“พี่เซิ่ง ให้ผมหาลูกน้องสักสองสามคน ไปสั่งสอนเขาไหม”
“หุบปาก นี่คือคำพูดที่ออกจากปากนายเหรอ” อารมณ์ของหวาเซิ่งไม่ค่อยดี เมื่อได้ยิน ขาก็ยกขึ้นมาถีบ ไปที่ด้านหลังของผู้ชายคนนั้นไปนั่งลงกับพื้น
คนอย่างหวาเซิ่ง ถ้าคนที่ไม่ใช่เพื่อนก็เป็นศัตรู แต่สำหรับเยี่ยเทียน เขากลับไม่กล้าลงมือจริงๆ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แม้แต่เหวินหลวนสงคนเดียว ก็ทำให้เขาหวาดกลัวพอแล้ว
เหวินหลวนสงส่ายหัว ปริปากพูดว่า “น้องหวา ฟังผมพูดสักประโยคนะ เยี่ยเทียนเป็นเพื่อนผม อย่าไปก่อเรื่องไม่ดีกับเขาเด็ดขาด…”
เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งรู้จักกันมาหลายสิบปี ความสัมพันธ์ทั้งสองดีมาก เขาไม่อยากให้เพื่อนนำความเดือนร้อนมาให้ตัวเอง ดังนั้นพูดเรื่องที่ตัวเองรู้จักกับเยี่ยเทียนให้ฟัง
“เขาก็รู้เรื่องการทำนายเหรอ”
หลังจากที่ฟังเหวินหลวนสง ทันใดนั้นหวาเซิ่งถึงกับตะลึง ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นแค่คนที่เคารพนับถือ ในสำนักชิงปังเท่านั้น ไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนเป็นหมออาคมที่มีวิชา คำบ่นเมื่อกี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว
คนที่อยู่ในยุทธภพ ไม่ยอมรับคนที่ก่อเรื่องไม่ดีกับคนที่มีวิชาอาคม หวาเซิ่งถึงแม้จะมีรากฐานอยู่ที่ฮ่องกง แต่ถ้าเยี่ยเทียนทำสิ่งที่ไม่ดีบนหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเขา หวาเซิ่งเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้
พอคิดถึงจุดนี้ หวาเซิ่งในใจก็รู้สึกดีใจอย่างเงียบๆ โชคดีที่เมื่อกี้ตัวเองทำตัวเหมาะสม ไม่อย่างนั้นถ้ายั่วโมโหหรือก่อเรื่องไม่ดีกับเยี่ยเทียน ไม่แน่ว่าตัวเองอาจจะได้รับภัยพิบัติไปด้วยก็ได้
……
ตอนที่หวาเซิ่งและเหวินหลวนสงถกเถียงกันเรื่องเยี่ยเทียน อาติงก็คุยกับเยี่ยเทียนในเรื่องที่เกิดขึ้นตอนบ่ายวันนี้บนรถ ด้านหน้ารถเบนซ์คันนี้มีกระจกกั้นเสียง คำพูดของเขาไม่ต้องกลัวว่าคนขับรถจะได้ยิน
“นายน้อย จางจือซวนคนนั้นไม่ใช่คนดีนะ เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ตามที่ผมรู้จัก หาคนจัดการเขาไหม”
ในฮ่องกง วงการบันเทิงอยู่ในการควบคุมโดยแก๊งต่างๆ ในฐานะผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่างหวาเซิ่งก็ต้องอาศัยทรัพยากรจากทางใต้ดินอย่างจางจือซวน
อาติงรู้จักจางจือซวนมาสิบกว่าปี รู้ว่าคนนี้ถึงแม้จะมีความสามารถ แต่ในใจกลับขี้ขลาด วันนี้เยี่ยเทียนไม่เพียงทำให้เขาอับอาย ยิ่งอายกว่านั้นคือเขากลับไปถูกตบปากด้วยไม้ไผ่ ความแค้นในครั้งนี้คงไม่เล็ก
การกระทำของเยี่ยเทียนทำให้อาติงสาแก่ใจเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะคิดถึงยุคสมัยในตอนที่อยู่ยุทธภพ ตามความหมายของอาติง ต่อให้จางจือซวนมีบุญคุณและความแค้น วิธีทางที่ดีที่สุดก็คือทำให้เขาระเหยเป็นไอ
“อาติง พลังพิฆาตของแก มีมากเกินไป”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า พูดว่า “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น แต่วันข้างหน้าแกฆ่าคนให้น้อย ๆ หน่อย มันจะช่วยให้ฉันใช้เวลาในการสลายพลังพิฆาตให้แกได้เร็วขึ้น”
เยี่ยเทียนไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับจงจือซวน จนกระทั้งขี้เกียจแม้แต่จะดูรูปลักษณ์ใบหน้าของเขา ตอนนี้ในสังคมก็มีคนแบบนี้เยอะ ถ้าเห็นคนหนึ่งแล้วฆ่าคนหนึ่ง ไม่เกินสามวันเยี่ยเทียนคงต้องถูกฟ้าผ่าตาย
ในขณะที่หลิวติงติงที่ฟังเยี่ยเทียนกับอาติงคุยกันตลอด จู่ๆก็ปริปากพูดว่า “อา จางจือซวนคนนั้นเป็นคนไม่ดีจริงๆ ปล่อยให้ฉันจัดการเขาเป็นทางที่ดีที่สุด”
“ฉันคิดว่านะติงติง ผู้หญิงอย่างเธอทั้งวันก็คิดแต่เรื่องชกต่อย กับเรื่องฆ่าแกงเหมือนกัน”
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงก็คือ หลิวติงติงที่อยู่ด้านข้างกลับเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของอาติง อะไรที่ทำให้พวกพี่ๆน้องถึงคิดก่อกรรมทำชั่วขนาดนี้และทำให้หลิวติงติงหญิงสาวคนนี้จู่ๆตั้งใจที่คิดจะฆ่าแกงขึ้นมา
“เมื่อก่อนเขาบังคับจางเสวี่ยโหย่วไปถ่ายละคร…”
หลิวติงติงแบะปากพูด พอพูดถึงสาเหตุแล้วก็ทำให้เยี่ยเทียนหมดคำจะพูด ที่เธอกล้าเพราะเขาไปก่อเรื่องที่ไม่ดีให้กับไอดอลของเธอ
“พอแล้ว เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว”
เยี่ยเทียนรีบโบกมือขัดจังหวะคำพูดของหลิวติงติง แต่ใจกลับรู้สึกสั่นสะเทือนโดยไม่มีเหตุผล แต่ว่าความรู้สึกนี้เป็นเพียงแว่บเดียว เยี่ยเทียนไม่ได้ใส่ใจอะไร
กลับไปพักที่วิลล่าของจั่วเจียจวิ้นหนึ่งคืน วันที่สองตอนเช้าเยี่ยเทียนก็พาเหมาโถวกลับมาที่บ้านถังเหวินหย่วน ฮวงจุ้ยที่นี่ดีกว่าของที่จั่วเจียจวิ้น หลังจากที่ช่วยกงเสี่ยวเสี่ยวคำนวณเสร็จ ที่นี่จะช่วยให้เยี่ยเทียนเพิ่มพลังที่สูญเสียไปได้ดีกว่า
…….