ตอนที่ 749 ตัดขาดความสัมพันธ์(4)

อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!

ตอนที่ 749 ตัดขาดความสัมพันธ์(4) โดย Ink Stone_Romance

ไป๋หลางกับเลขาเฉินบอกแค่ป่วย ไม่กล้าบอกไปว่าแท้ง

 “ค่ะ หายดีแล้ว”

 “…” ปลัดมองเธอแล้วชะงักค้างไปพักใหญ่ถึงถามลองเชิง “คุณเพิ่งกลับมา คงยังไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ดี ครั้งนี้เวลาที่เหลือให้เรา น่าจะไม่ถึงสองเดือนดี”

ปลัดพูดไม่มีที่มาที่ไปแต่ไป๋ซู่เย่ฟังเข้าใจแล้ว

อย่างที่คิด…

ไม่พ้นจากเรื่องของเย่เซียว

 “ตอนนี้เย่เซียวแทนที่ไฟเรนเซ่ แต่กลับมาโหดกว่าไฟเรนเซ่”

 “เมื่อกี้ฉันฟังไป๋หลางพูดถึงบ้างแล้ว” ไป๋ซู่เย่ตอบกลับปลัด

 “ซู่เย่ ภารกิจครั้งนี้ คุณไปเถอะ!” ปลัดเอ่ยขึ้นกะทันหัน ไป๋ซู่เย่ใจบีบรัดและตอบปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล “ไม่ได้ ฉันทำไม่ได้!”

สายตาปลัดตวัดมองเธอเขม่นสองที “คุณปฏิเสธได้เฉียบขาดขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าเป็นคำสั่งจากกองบัญชาการกองทัพล่ะ?”

ไป๋ซู่เย่สองมือกำแน่น

หากเป็นคำสั่งจากกองทัพต้องรับไว้ นี่เป็นกฎของประเทศ คนที่ขัดขืนคำสั่งถือว่ามีโทษร้ายแรงเท่ากบฏ โดยเฉพาะประเทศกำลังตกอยู่ในยามคับขัน

ปลัดวางเอกสารลับฉบับหนึ่งไว้ตรงหน้าเธอ “นี่เป็นรายงานที่ได้รับมาเมื่อวาน คุณน่าจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแล้ว”

ไป๋ซู่เย่มือสั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะเปิดอ่านเอกสารฉบับนั้น ถามเสียงเรียบ “ทำไมเป็นฉัน?”

 “เพราะฝ่ายข่าวกรองรู้ดีว่าเย่เซียวปฏิบัติต่อคุณพิเศษกว่า”

เธอแค่นหัวเราะ“พิเศษตรงไหน?”

“ที่ทะเลทรายซ่าเหยียน คุณออกมาได้คิดว่าเป็นเพราะคุณงามความดีของถังเจวี๋ยเหรอ? ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเย่เซียวเสี่ยงชีวิตไปช่วยคุณ ถังเจวี๋ยจะยอมให้คุณเป็นหนี้บุญคุณ ยอมให้รัฐบาลเราเป็นหนี้บุญคุณขนาดนี้ได้ยังไง?”

ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัดน้อยๆ

 “แล้วก็ ตอนที่คุณอยู่ทะเลทรายซ่าเหยียนถูกตัวอ่อนยุงก้นปล่องกัด ได้คุณหมอข่ายปินของไฟเรนเซ่ช่วยชีวิตไว้แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าข่ายปินนอกจากจะช่วยรักษาให้ไฟเรนเซ่ไม่มีทางช่วยชีวิตคนอื่น แล้วอย่างนั้นคุณคิดว่าตอนนั้นเย่เซียวใช้วิธีไหนเพื่อโน้มน้าวใจให้ไฟเรนเซ่ช่วยคุณ?”

ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างฉงน

 “จากข่าวที่ฝ่ายข่าวกรองเราได้รับมา ช่วงเวลาที่คุณได้รับการรักษาเย่เซียวก็ได้รับการรักษาในห้องทดลองของข่ายปินทุกวัน รักษาอะไร รักษาอาการถูกตัวอ่อนยุงก้นปล่องกัดเหมือนคุณ ซู่เย่ คุณลองคิดดูสิ เดิมทีเย่เซียวไม่ได้ถูกยุงก้นปล่องกัด ทำไมพอกลับมาที่ห้องทดลองกลับได้รับเชื้อไวรัสนี้?”

ไป๋ซู่เย่มึนไปแล้วเพราะคำพูดของปลัด

เธอมองอีกฝ่ายแน่วแน่คล้ายกำลังตัดสินว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริงหรือเท็จ

ปลัดยังคงตรงไปตรงมา “คุณคือคนฉลาด สาเหตุนี้ ลองคิดดูดีๆ แล้วคุณน่าจะรู้ดีกว่าผม”

เธอสูดหายใจเข้าลึก หลับตานึกที่ถังซ่งบอกว่าระยะนั้นเขาไม่มีเวลาว่างมาหาตน ภายหลังในโรงแรมตรงแขนเขามีรอยเข็มจริงๆ—เนื่องด้วยความเศร้าเสียใจที่มีมากกว่าในเวลานั้น พวกเขาเกี่ยวกระหวัดกอดรัดไม่หยุดพัก ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เปิดปากถามมากยิ่งคิดไม่ถึงที่มาที่ไปในเรื่องนี้—หากเมื่อนั้นเขาได้รับการรักษาอยู่ในห้องทดลองเหมือนกันจริงๆ ถ้าอย่างนั้น ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ…

 “วันนั้น เขาได้รับเชื้อจากตัวอ่อนยุงก้นปล่องเหมือนกับคุณ ใช้ความตายบีบบังคับให้พ่อบุญธรรมของเขาช่วยคุณ” ปลัดกล่าวขึ้นและพูดเปิดโปงความคิดในใจเธอทันที

เธอตะลึงอยู่กับที่ด้วยหัวใจที่ว้าวุ่นหาที่เทียบไม่ได้

เย่เซียว…

ผู้ชายคนนั้น…ลับหลังเธอ ทำอะไรไปบ้างกันแน่?

 “เย่เซียวไม่กลัวแม้แต่ความตายเพื่อคุณ ผมคิดว่าคนทั้งโลกคงมีแค่คุณ ที่จะปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จโดยไม่เกิดความเสียหาย”

 “ไม่เกิดความเสียหาย?” ไป๋ซู่เย่พึมพำประโยคนี้ แค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น “แล้วฉันล่ะ? ฉันนับว่าเป็นคนที่เสียหายมั้ย?”

ปลัดเม้มปาก แววตาล้ำลึกขึ้น

 “นี่ก็คือหน้าที่ของเรา!” พักใหญ่ปลัดถึงพูดขึ้น “เมื่อแรกที่เราเข้ากระทรวงมา เรายืนอยู่ในตำแหน่งนี้ก็ต้องรู้แล้วว่าไม่ว่าอนาคตเราจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากลาแบบไหน เพื่อประเทศชาติ เราจำเป็นต้องเสียสละ คนทั้งประเทศไม่ได้มีแค่คุณที่กำลังเสียสละ–”

พูดถึงนี่ปลัดชะงักไปอึดใจ รอกล่าวอีกทีน้ำเสียงได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย“สองปีก่อน ลูกชายของผม…ถูกกลุ่มอาชญากรตัดคอสังหารตอนออกปฏิบัติภารกิจ ตอนที่ส่งตัวเขาไปปฏิบัติภารกิจ เขารู้อยู่แล้วว่ามีอันตรายรออยู่มากเพียงใด ผมจะไม่รู้ได้ยังไงว่าถ้าไปอยู่ที่นั่น 90% ไม่มีทางรอดกลับมา? แต่ในฐานะที่เขาเป็นทีมปฏิบัติพิเศษ เป็นหน่วยกล้าแนวหน้า เขาไม่มีเหตุผลที่จะถอยหลัง!ต่อให้ตาย ตายอยู่ในสนามรบ เขาก็มีเกียรติยศ ผมภาคภูมิใจในตัวเขาเสมอ!เราใส่ชุดเครื่องแบบนี้ ใช้ภาษีประชาชน ใช้สัญชาติของประเทศนี้ ก็มีหน้าที่ที่ต้องปกป้องประเทศชาติ ปกป้องความปลอดภัยมั่นคงของประชาชนของเรา รัฐมนตรีไป๋ ต่อหน้าเหตุการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วน ความเข้าใจตรงจุดนี้ผมคิดว่าเราน่าจะฝังลึกเข้าไปในกระดูกแล้ว ไม่ต้องมีใครสอนคุณ!”

ไป๋ซู่เย่นั่งตัวแข็งอยู่ตรงนั้นอยู่นาน

นั่งจนตัวเย็นไปทั่วร่างถึงค่อยๆ เอ่ยปาก “บางที…บางทีเมื่อก่อนเย่เซียวอาจจะมีใจกับฉันอย่างลึกซึ้ง แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นสามีของผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว อีกอย่างเขาเคยบอกฉันเองกับปากว่า ‘ตัดขาดความสัมพันธ์’ กับฉัน ปลัดคะ คุณคิดว่าฉันมีโอกาสที่จะฆ่าเขาจริงๆ เหรอ?”

“เย่เซียวไม่ได้แต่งงาน แล้วพรุ่งนี้เขาจะจัดงานแต่งงานกับน่าหลันใหม่”

ไป๋ซู่เย่หยุดหายใจ

 “คำสั่งจากเบื้องบนบอกว่าให้คุณหาวิธีฆ่าเขาในงานแต่งงานพรุ่งนี้ คนของเราจะหาทางป่วนงาน ขอแค่คุณฉวยโอกาสช่วงโกลาหลลงมือกับเขาตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัว หลังจากนั้นจะมีคนของเราไปรับคุณ”

ไม่!

เธอทำไม่ได้!

อดีตเธอเคยคิดว่าหากให้เธอเลือกใหม่อีกครั้งกับเรื่องสิบปีก่อน ต่อหน้าสถานการณ์คับขัน เธอจะเลือกเป็นสายลับข้างกายเขาเหมือนเดิม

แต่…

ณ ชั่วขณะนี้เธอกลับทำไม่ได้แล้ว…

หากให้เธอฆ่าเย่เซียวด้วยตัวเอง เธอคิดว่าเธอน่าจะเลือกฆ่าตัวเอง

 “ฉันมีวิธีที่ดีกว่านี้” หลังเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็หาเสียงตัวเองเจอ

 “คุณว่ามาเลย”

 “ยังมีเวลาเหลือสองเดือนไม่ใช่เหรอ? สองเดือนนี้ฉันจะหาทางหยุดการเจรจาสัญญาของพวกเขา ฉันจะพยายามโน้มน้าวใจให้เย่เซียวไม่ดำเนินการเจรจาสัญญาฉบับนี้” เธอพูดต่อ “เบื้องบนขอแค่ให้ฉันทำภารกิจสำเร็จ ฉันทำให้สำเร็จก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นเราจำเป็นต้องสู้กับเย่เซียวถึงขั้นฆ่ากันเลยเหรอ? เศรษฐกิจประเทศเราในตอนนี้ได้รับความเสียหายมากแล้ว ถ้าเย่เซียวตายในงานแต่งงานพรุ่งนี้ ไม่มีอะไรรับประกันว่าลูกน้องของเขาที่อยากแก้แค้นให้เขาจะเหมือนเมื่อสิบปีก่อน ลอบสังหารตามแต่ละประเทศ สร้างกลุ่มอาชญากรเพื่อจู่โจมหรือเปล่า ปลัดคะ ฉันจะไม่พูดถึงผลของมันคุณก็คงคิดได้ ดังนั้น ฉันหวังว่าคุณจะช่วยเสนอให้กับเบื้องบนแทนฉันด้วย”

…………………………