“ในที่สุดก็ตอบกลับมาได้สักทีนะ”
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ‘ไม่แกล้งตายแล้วหรือ?’
ก่อนหน้านี้เขาส่งข้อความไปหาตั้งเยอะ นางไม่เคยตอบกลับมาเลยสักครั้ง
แล้วเหตุไฉนอยู่ดีๆ เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ส่งข้อความกลับมาเช่นนี้
มิหนำซ้ำ ยังเป็นข้อความที่ไม่เป็นมงคลอีกด้วย
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความตอบว่า ‘นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาโต้เถียงกัน’
‘ไม่ใช่เวลานี้แล้วจะเวลาไหน?’
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ไปพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ‘ถ้าอยากให้ข้ารีบออกไปจากเมืองนี้ ก็อธิบายมาสิว่าเป็นเพราะเหตุใด’
‘ข้าจะอธิบายให้ฟังก็ได้’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามหายไปสักครู่ ก็ส่งกลับมาด้วยข้อความยาวเหยียด ‘เพราะเห็นแก่หน้าเจ้า ข้า… และเทพีกระบี่จึงได้เดินทางไปหาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เราได้ต่อสู้กันอย่างหนัก การต่อสู้ครั้งนี้ เรียกได้ว่าทำให้ดินแดนทวยเทพเกิดความปั่นป่วนไปทั่วทุกดินแดน แม้แต่พระอาทิตย์และดวงจันทร์ก็ไม่กล้าฉายแสงไปหลายวัน อาคารบ้านเรือนและวิหารของเทพเจ้าหลายคนต้องพังถล่มทลาย สัตว์เทพเจ้าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน พื้นดินเนืองนองไปด้วยเลือดสีแดงสดยาวไกลหลายพันลี้…’
หลินเป่ยเฉินถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้อ่านข้อความนั้น
นี่ตกลงว่าเทพีกระบี่ไปสู้กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจริงๆ หรือ?
เด็กหนุ่มรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที
มิน่าล่ะ หลายวันที่ผ่านมา เทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงไม่ยอมตอบข้อความของเขาเลย
ไม่ใช่ว่านางต้องการแกล้งตายไม่อ่านข้อความของเขา
แต่เป็นเพราะนางและเทพีกระบี่กำลังต่อสู้อยู่กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลต่างหาก
แต่จะมีอะไรมากไปกว่านี้หรือไม่?
มันไม่ถูกต้อง
ก็ในเมื่อไปต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแล้ว เหตุไฉนถึงมาบอกให้เขารีบหนีออกไปจากเมืองหยุนเมิ่งล่ะ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็เกิดความคิดอัปมงคลขึ้นมาวูบหนึ่ง
หรือว่า…
‘พวกท่านเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามกลับไปโดยเร็ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาว่า ‘พวกข้าจะแพ้ได้อย่างไร?’
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘งั้นหมายความว่าชนะใช่ไหม?’
‘เอ่อ พวกข้าจะชนะได้อย่างไร?’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาเกือบจะเป็นข้อความเดิม
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุกด้วยความพิศวง
‘หมายความว่ายังไงกันแน่?’
เขาแทบจะเสียสติแล้ว
‘เจ้าเด็กโง่’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามอธิบายด้วยข้อความสั้นๆ ‘ผลการต่อสู้คือเสมอไงล่ะ’
หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่
เทพีกระบี่หิมะไร้นามบอกว่าเสมอ แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนางต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
ดูเหมือนเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะทราบว่าหลินเป่ยเฉินคิดอะไรอยู่ นางจึงพิมพ์ข้อความอธิบายต่อไป ‘ข้าและเทพีกระบี่เกือบจะชนะอยู่แล้ว แต่ช่วยไม่ได้ที่ในจังหวะสุดท้าย เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีลงน้ำ พวกเราจึงไม่สามารถตามลงไปเอาเรื่องได้อีก’
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
ยิ่งเทพีกระบี่หิมะไร้นามบรรยายสถานการณ์อย่างสวยหรูเท่าไหร่ เขาก็มั่นใจว่าความเป็นจริงต้องเลวร้ายมากกว่านั้นร้อยเท่าพันทวี
ไม่ว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะพูดอะไรออกมา ให้คิดเอาไว้เลยว่าความเป็นจริงต้องเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันเสมอ
‘ข้าอยากจะจับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมาบีบคอบังคับให้นางสั่งสาวกของตนเองถอนกำลังออกจากเมืองหยุนเมิ่งแทบแย่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีความเจ้าเล่ห์มากเกินไป…’
‘เพราะฉะนั้น เจ้าจงรีบคิดหาวิธีหลบหนีออกจากเมืองหยุนเมิ่งให้ได้โดยเร็วที่สุดเสียเถิด’
‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเลกำลังโกรธแค้นสุดขีด’
‘ข้าเชื่อมั่นว่าอีกไม่นาน นางจะต้องสั่งให้สาวกของตนเองไปตามล่าตัวเจ้าแน่…’
‘รับรองได้ว่ามันย่อมไม่สนุกเด็ดขาด’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความมารัวๆ ไม่หยุด
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออก
นี่เรียกว่าเป็นมหันตภัยจากสวรรค์ก็คงได้ใช่ไหม?
แต่ปัญหาก็คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เทพีกระบี่และเทพีกระบี่หิมะไร้นามใจดีกับเขาเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินไม่อยากกล่าวโทษว่านี่เป็นความผิดของพวกนางทั้งหมด
‘แล้วคนอื่นๆ จะให้ข้าทำอย่างไร?’
หลินเป่ยเฉินสอบถามกลับไป ‘หยุนเมิ่งมีประชากรอยู่เป็นหมื่นคน หากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลคิดโจมตีขึ้นมาจริงๆ ชาวเมืองก็คงต้องเดือดร้อนไปด้วย ใจคอพวกท่านคิดจะเฝ้าดูพวกเขาถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาเลยหรือ?’
‘อย่าเพิ่งกังวลถึงเรื่องนั้นเลยดีกว่า’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาฉับไว ‘ตอนที่เราไปต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ข้ากับเทพีกระบี่ไปในนามของเจ้าเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น เทพเจ้าแห่งท้องทะเลคงไม่โกรธแค้นชาวเมืองหรอก แต่นางคงโกรธแค้นเจ้ามากกว่า’
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต อ่านข้อความด้วยใบหน้าร้อนผ่าว
ในใจมีแต่คำหยาบคายเต็มไปหมด
เทพีกระบี่หิมะไร้นามกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันเนี่ย พวกนางอุตส่าห์ต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในชนิดที่ภูเขาพังถล่มแผ่นดินพังทลาย แล้วนี่คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?
ขอบใจจริงๆ นะที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากกว่าเดิม
‘จริงด้วยสิ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะรบกวนเจ้า’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง
‘ว่ามาเลย’
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินแทบไม่มีแรงพิมพ์ข้อความอีกแล้ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามสอบถามผ่านทางข้อความว่า ‘เจ้ายังพอซื้อรากชงโหลวได้อยู่หรือไม่?’
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว ‘หมายความว่าอย่างไร? เทพีกระบี่บาดเจ็บอีกแล้วหรือ?’
‘ไม่ใช่อย่างนั้น’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความกลับมารวดเร็วเหมือนได้เตรียมคำตอบเอาไว้ก่อนแล้ว ‘รากชงโหลวมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังของเทพเจ้า ช่วยเสริมสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกาย หากเทพีกระบี่และตัวข้ามีพลังมากขึ้นกว่านี้อีกสักเล็กน้อย ย่อมสามารถเอาชนะเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เจ้าได้แน่นอน’
‘เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว’
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจหนักหน่วง ‘ข้าสามารถซื้อหาจากสหายของข้าได้ แต่ปัญหาคือมันมีราคาแพงมาก และบัดนี้ข้าก็ยากจนมาก ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่ารากชงโหลวให้พวกท่านได้อีก’
เด็กหนุ่มตัดสินใจโกหก
‘ก็คิดวิธีหาเงินให้ได้สิ’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาด้วยความร้อนรน
‘เดี๋ยวนี้เงินหาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน’
หลินเป่ยเฉินยังคงยืนกรานคำเดิมว่าตนเองจ่ายไม่ไหว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความตอบมาด้วยความร้อนใจ ‘ถ้าอย่างนั้น…เจ้าลองดูในร้านค้าของข้า ในนั้นมีสิ่งที่เจ้าต้องการบ้างหรือไม่ โปรดเลือกมาได้เลย ข้าจะส่งให้เจ้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นหญ้าดาราน้อยหรือสมุนไพรชนิดใดก็ตาม… ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าสามารถขนส่งให้เจ้าได้โดยทันที’
ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
ฮ่าฮ่าฮ่า
แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เทพีกระบี่หิมะไร้นามคิดจะเอาเปรียบเขาหรืออย่างไร
‘ท่านคิดว่าสมุนไพรพวกนั้นมันสามารถเทียบกับรากชงโหลวได้หรือ?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามกลับอย่างตรงไปตรงมา
เทพีกระบี่หิมะไร้นามนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่
หลังจากนั้น นางก็ส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง “เจ้าช่วยพี่สาวคนนี้หน่อยไม่ได้หรืออย่างไร ถ้าครั้งนี้เจ้ายอมช่วยข้า ในอนาคตข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สาวก็จะยินดีช่วยเหลือเจ้าสามครั้งสามคราโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน”
‘ให้ท่านช่วยเหลือแล้วมันจะมีประโยชน์อันใด?’
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความเหยียดหยาม ‘ท่านเป็นเพียงเทพีฝึกหัดเองนะ’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามเงียบหายไปหลายนาที
‘ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปขอร้องให้เทพีกระบี่มาช่วยเหลือเจ้าสามครั้งก็แล้วกัน’
ในที่สุด นางก็ส่งข้อความใหม่กลับมา
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ รอยยิ้มของผู้ชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้า
‘วันนี้เจ้าหนักข้อกับข้าเหลือเกินนะ’
‘จะโทษว่าเป็นความผิดข้าได้อย่างไร’
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ ‘แต่คำสัญญาว่าจะช่วยเหลือแค่นี้ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี เพราะข้าไม่เหลือเงินติดตัวเลยสักเหรียญเดียว เหมืองแร่หินที่ข้ามีอยู่ มันก็เป็นเพียงเหมืองเล็กๆ ขุดแร่ขึ้นมาขายออกไป เอาเป็นว่าข้อแลกเปลี่ยนสำหรับการส่งรากชงโหลวในครั้งนี้ ข้าขอเป็นหญ้าดาราน้อย 20 ต้นกับผลไม้สวรรค์อีก 20 ลูกเป็นอย่างไร?’
นี่คือการเอาเปรียบกันอย่างแท้จริง
หลินเป่ยเฉินกำลังซื้อสินค้าที่มีราคาสูง แต่เขาเรียกร้องสิ่งตอบแทนที่มีราคาสูงกว่านั้นหลายเท่า
เด็กหนุ่มคิดว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามคงจะต้องปฏิเสธข้อเสนอของเขาเป็นแน่แท้
หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเจรจาต่อรองขอลดจำนวนสินค้าลง
คิดไม่ถึงเลยว่า…
‘ประเสริฐ ตกลงตามนั้น’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความตอบรับอย่างว่าง่าย
หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอ
แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามรับปากง่ายดายขนาดนี้ หรือว่าสิ่งที่เขาร้องขอ มันมีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากเกินไป?
รอยยิ้มมั่นใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่มเมื่อสักครู่ พลันค่อยๆ หายไปอย่างเชื่องช้า
‘ข้าอยากได้สินค้าของท่าน ก่อนที่จะซื้อรากชงโหลวส่งไปให้’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความกลับไป ‘รีบหน่อยก็แล้วกัน’
‘ไม่มีปัญหา’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความนั้นกลับมา
เพียงไม่กี่ลมหายใจให้หลัง
ข้อความแจ้งเตือนจากแอปจิงตงมอลล์ก็เด้งขึ้นมาว่า
‘พัสดุของท่านได้จัดส่งถึงปลายทางแล้ว กรุณาลงนามยืนยันการรับของ’
เมื่อกดเข้าไปดูรายละเอียด หลินเป่ยเฉินก็พบว่าพัสดุที่ถูกส่งมานั้นเป็นหญ้าดาราน้อยและผลไม้สวรรค์อีกหกชนิด ซึ่งรวมกันแล้วได้ 20 ลูกพอดิบพอดี นับว่าเป็นของที่ตรงตามความต้องการของหลินเป่ยเฉินครบถ้วน
ว่าแต่ทำไมถึงขนส่งรวดเร็วขนาดนี้?
หมายความว่าสินค้าเหล่านี้ไม่มีค่าเลยสินะ
เพราะการขนส่งสินค้าจากดินแดนทวยเทพลงมายังโลกมนุษย์ ยิ่งสินค้ามีราคาถูกเท่าไหร่ การขนส่งก็ยิ่งรวดเร็วเท่านั้น
ในทางกลับกัน ยิ่งสินค้ามีราคาแพง การขนส่งก็ยิ่งช้า
หลินเป่ยเฉินนึกเสียใจที่ไม่ได้ขูดเลือดขูดเนื้อเทพีกระบี่หิมะไร้นามให้มากกว่านี้
ต่อจากนั้น เขาก็เปิดเข้าไปในร้านค้าที่ชื่อว่าเพื่อนพ้องพี่น้องโจร…
‘สวัสดีขอรับเถ้าแก่ ไม่ทราบว่าค้าขายหรือไม่?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความไปสอบถามอย่างสุภาพอ่อนน้อม
‘ต้องการอะไรว่ามา’
ผู้ดูแลร้านค้าส่งข้อความตอบกลับห้วนสั้นเช่นเคย
มาถึงก็วกเข้าประเด็นเลยเหรอเนี่ย?
เด็กหนุ่มสอบถามผ่านตัวอักษร ‘ไม่ทราบว่าทางร้านยังมีรากชงโหลวจำหน่ายอยู่หรือไม่?’
ผู้ดูแลร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรไม่ใช่คนที่ชอบการสื่อสารเยิ่นเย้อ เขาจะพิมพ์แต่สิ่งที่สมควรพิมพ์เท่านั้น
‘มีสองต้น’
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘ส่งไปที่อยู่เดิมกับครั้งที่แล้วนะขอรับ’
‘จ่ายเงิน’
ผู้ดูแลร้านค้าตอบ
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย