ตอนที่ 270-1 เรื่องอื้อฉาว

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เรื่องอื้อฉาวเรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของเสิ่นเวย ก็คือเรื่องที่ท่านอ๋องจิ้นเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกถูกพระชายาอ๋องจิ้นรู้เข้าน่ะสิ อย่างไรเสียความลับก็ไม่มีในโลก เพียงแต่ไม่คิดว่าจะปูดออกมายามนี้เท่านั้น

 

 

ที่ตลกร้ายที่สุดคือเรื่องนี้ยังเป็นบุตรคนที่สี่ของท่านอ๋องจิ้นสวีฉ่างหลุดปากออกมาต่อหน้าเสด็จแม่ของเขา สวีฉ่างรู้ได้อย่างไรว่าบิดาของเขาเลี้ยงผู้หญิงอยู่ข้างนอกนะ? เรื่องนี้ว่าไปแล้วก็เพราะความบังเอิญ

 

 

สวีฉ่างก็คือคนสำมะเลเทเมาที่อยู่ตามกองบุปผาในหอคณิกา คบหาสหายเสเพลกลุ่มใหญ่ สหายของเขาย่อมเป็นคนประเภทเดียวกับเขาทั้งนั้น ในนั้นเขาสนิทกับชีเว่ยที่สุด อย่าเห็นว่าชีเว่ยเกลียดสวีโย่วเข้ากระดูกดำ ทว่าไม่กระทบความสัมพันธ์อันดีของเขาและสวีฉ่างเลยสักนิด

 

 

ระยะนี้ชีเว่ยถูกตาต้องใจหญิงสาวนางหนึ่งที่อาศัยอยู่ตรอกใบหลิว บอกว่าเป็นหญิงที่พ่อค้าจากต่างถิ่นเลี้ยงไว้ข้างนอก หน้าตาสวยอย่างไรอย่างไร ยิ่งกว่านั้นพ่อค้าต่างถิ่นปีหนึ่งอยู่เพียงสองเดือน บัดนี้ท้ายปี พ่อค้าต่างถิ่นนั่นกลับบ้านไปฉลองปีใหม่นานแล้ว ชีเว่ยจึงคิดจะฉวยโอกาสเอาคนมาเป็นของตน

 

 

เขาโอ้อวดรูปโฉมของหญิงสาวนางนั้นต่อหน้าสวีฉ่างเสียจนอย่างกับเป็นางฟ้านางสวรรค์ ราวกับฉางเอ๋อในวังจันทราอย่างไรอย่างนั้น พูดจนสวีฉ่างใจคันคะเยอตามไปด้วย จึงปีนกำแพงไปเกี้ยวพาราสีเป็นเพื่อนชีเว่ยอย่างมีน้ำใจยิ่งนัก

 

 

เจ้าสองคนนี้ดื่มไปเล็กน้อย โต๋เต๋ๆ ไปถึงตรอกใบหลิว ใช้แรงของวัวเก้าตัวกับเสืออีกสองตัวมารวมกันถึงปีนขึ้นกำแพงบ้านของหญิงสาวนางนั้นได้ เพิ่งโผล่หน้าออกไป สวีฉ่างก็ตกใจสะดุ้งเฮือกตกจากข้างบนลงมา สร่างเมาไปกว่าครึ่งทันที แล้วก็ไม่ทันได้สนใจความเจ็บปวดลากชีเว่ยแล้วก็เผ่นแนบ

 

 

ชีเว่ยนั่นยังไม่เข้าใจสถานการณ์เลย “เป็นอันใดหรือ? เป็นอันใดหรือ? เจ้าวิ่งหาอะไร?” ชีเว่ยหายใจหอบแฮ่กๆ พลางพูดอย่างไม่พอใจยิ่งนัก

 

 

สวีฉ่างก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน มือหนึ่งพยุงกำแพง มือหนึ่งกดหน้าอก แล้วหอบหายใจแรง ครึ่งค่อนวันถึงทุเลาขึ้น

 

 

“เจ้าก็ไม่สืบให้แน่ชัดก็ลากข้ามา เจ้าเกือบทำให้ข้าตายแล้วรู้หรือไม่?” สวีฉ่างถลึงตาใส่ชีเว่ยปราดหนึ่ง ถึงบัดนี้เขายังกลัวไม่หายเลยนะ

 

 

“ไยข้าถึงทำให้เจ้าตายล่ะ? เมื่อครู่เจ้าเห็นใครล่ะ? หรือว่านั่นไม่ใช่ผู้หญิงที่พ่อค้าต่างถิ่นเลี้ยงไว้ข้างนอก?” ชีเว่ยถาม เมื่อครู่เขายังเห็นอะไรไม่ชัดทั้งนั้นก็ถูกสวีฉ่างกระชากลงมาแล้ว

 

 

“พ่อค้าต่างถิ่นผายลมสิ นั่นมันบิดาข้า” สวีฉ่างระเบิดคำหยาบออกมา เมื่อครู่เขาเห็นเสด็จพ่อของเขากำลังอุ้มนางหนูนั่นยืนอยู่ในลานบ้าน นางหนูนั่นสองมือกอดคอของเสด็จพ่อเขาไว้ ปากยังเรียกท่านพ่อ ท่านพ่ออย่างร่าเริง

 

 

“อะไรนะ? ท่านลุงอ๋องจิ้น?” ชีเว่ยตกใจจนปากยัดไข่ไก่เข้าไปได้ทั้งใบ “ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงที่เสด็จพ่อเจ้าเลี้ยงไว้ข้างนอก!” ชีเว่ยรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดมาก

 

 

“มิเช่นนั้นข้าวิ่งอะไรล่ะ?” สวีฉ่างพูดอย่างไม่สบอารมณ์ หากถูกเสด็จพ่อจับได้จะเป็นผลดีกับเขาหรือ? ส่วนเสด็จพ่อเขาเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอก นั่นเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น ผู้ชายนี่นา โดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์เช่นเสด็จพ่อเขาเช่นนี้ เลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกสักคนจะเป็นไรไป?

 

 

ชีเว่ยหลังจากตกตะลึงผ่านไปก็หัวเราะร่าฮ่าๆ ว่า “นี่มันน้ำเชี่ยวชนปะทะวังพญามังกรจริงๆ แหะ ไม่คิดว่าท่านลุงอ๋องจิ้นก็เป็นคนร่วมอุดมการณ์เดียวกันหรือเนี่ย!” เขายักคิ้วหลิ่วตาให้สวีฉ่าง “ในเมื่อเรือนหลังนั้นเป็นของท่านลุงอ๋องจิ้น เช่นนั้นข้าก็ไปหาคนสวยที่อื่นดีกว่า จุ๊ๆๆ!” สีหน้ายังผิดหวังมากอย่างคาดไม่ถึง

 

 

สวีฉ่างก็ไม่ได้คิดจะบอกความลับกับเสด็จแม่ของเขาหรอกนะ เขารู้สึกจริงๆ ว่าผู้ชายเที่ยวหอคณิกาเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกเป็นเรื่องปกติ และก็เพราะสวีฉ่างพบความลับเรื่องนี้ของเสด็จพ่อเขาเข้า เขาถึงรู้สึกว่าเขาและเสด็จพ่อเป็นพวกเดียวกัน มองเสด็จพ่อเขาแล้วรู้สึกใกล้ชิดกันเหลือเกิน

 

 

เป็นเพราะพระชายาอ๋องจิ้นเห็นสวีฉ่างแต่งงานแล้วยังออกข้างนอกเป็นเรื่องไม่สมควรจริงๆ จึงสั่งสอนเขาไปสองสามประโยค สวีฉ่างปากไวชั่วขณะหลุดปากออกมาว่า “เสด็จแม่ ลูกเพียงแต่รักสนุกนิดหน่อย ไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมายเสียหน่อย ข้างกายชายมีสาวงามรู้ใจสองสามคนจะเป็นไรไป? เสด็จพ่อยังเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกเลย ลูกเที่ยวหอคณิกาหน่อยจะเป็นไรไป?”

 

 

พอพระชายาอ๋องจิ้นได้ยินเรื่องนี้เข้าก็หายนะแล้ว บีบให้บุตรชายสารภาพทันที สวีฉ่างถูกบีบจนช่วยไม่ได้ ได้แต่พูดเรื่องที่เขารู้ออกมาจนหมด รวมทั้งผู้หญิงข้างนอกนั่นชื่ออะไร อายุเท่าไร อาศัยอยู่ที่ไหน แม้แต่เรื่องที่นางให้กำเนิดบุตรสาวเล็กๆ สองคนให้เสด็จพ่อเขาก็พูดออกมาจนหมด

 

 

พระชายาอ๋องจิ้นทรุดลงทันที มือสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่คิดว่าท่านอ๋องจิ้นจะปิดบังนางเลี้ยงผู้หญิงอยู่ข้างนอก อีกทั้งยังให้กำเนิดบุตรสาวสองคน นางกลับไม่ระแคะระคายอะไรเลยแม้แต่น้อย นี่หมายความว่าอะไรล่ะ? ความเชื่อใจและรักเดียวใจเดียวในหลายปีมานี้เป็นเรื่องตลกชัดๆ ในใจพระชายาอ๋องจิ้นเศร้าโศกและอ้างว้างเหลือจะกล่าว ที่มีมากกว่าความเศร้าและอ้างว้างคือความโกรธแค้น

 

 

“เด็กๆ เด็กๆ ยายซือเจ้าพาคนไปตรอกใบหลิวมัดนางชั่วช้านั่นมาให้ข้า ข้าจะดูเสียหน่อยว่างามหยาดฟ้ามาดินปานใดถึงทำให้ท่านอ๋องลุ่มหลงไม่ลืมหูลืมตาถึงเพียงนี้” พระชายาอ๋องจิ้นกัดฟันออกคำสั่ง

 

 

สวีฉ่างเห็นว่าก่อเรื่องใหญ่แล้ว งงเป็นไก่ตาแตกทันที หากให้เสด็จพ่อรู้ว่าเขาทำความลับรั่วไหล เช่นนั้นเขายังอยู่ดีได้อีกหรือ? ฉวยโอกาสที่ไม่มีคนสนใจ สวีฉ่างเผ่นพรวดไปแล้ว รีบไปหาเสด็จพ่อของเขาแล้ว

 

 

และก็ให้บังเอิญนัก ท่านอ๋องจิ้นที่ปกติอยู่ในจวนเป็นประจำวันนี้กลับไม่อยู่ สวีฉ่างพาเด็กรับใช้หาอยู่ครึ่งค่อนวันถึงหาเขาพบ รอถึงยามที่ท่านอ๋องจิ้นรุดมาถึงเรือนที่ตรอกใบหลิว ข้างในก็เละตุ้มเป๊ะไปหมด ม่านเอ๋อร์ผู้หญิงที่เลี้ยงไว้และบุตรสาวตัวน้อยสองคนล้วนไม่อยู่ คนรับใช้ไม่กี่คนล้มหัวร้างข้างแตกอยู่บนพื้น

 

 

ท่านอ๋องจิ้นทั้งโกรธทั้งตกใจ ไม่ต้องถามเขาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร เขากระทืบเท้าหันหลังแล้วก็พุ่งกลับจวนอ๋องจิ้น สวีฉ่างที่ตามอยู่ข้างหลังมองดูสภาพน่าอนาถในลานบ้านแล้ว ใจทั้งดวงเย็นชืดหมดแล้ว เสด็จแม่เอ๊ย ไยท่านจึงลงมือโหดเช่นนี้นะ? ทีนี้ท่านแหย่จนเสด็จพ่อโกรธแล้วนะ!

 

 

ยามที่ท่านอ๋องจิ้นรุดกลับมาถึงจวนอ๋องพระชายาอ๋องจิ้นกำลังลงทัณฑ์ม่านเอ๋อร์อยู่เลย ใบหน้าที่งามดุจบุปผาหยกงามถูกตบจนเหมือนหัวหมู บุตรสาวตัวน้อยตกใจจนร้องไห้กระจองอแง คนเล็กนั่นเพิ่งจะอายุสองสามเดือนเอง ถูกแม่นมกอดไว้แน่นๆ อยู่ในอก

 

 

“ก็เพียงแค่หน้าตายั่วยวนเหมือนนางจิ้งจอกไม่ใช่หรือ? วันนี้ข้าจะทำลายใบหน้าของเจ้าเสีย ดูสิเจ้าจะเอาอะไรยั่วยวนท่านอ๋อง” พระชายาอ๋องจิ้นใบหน้าแฝงความดุร้าย พอหันหน้าเห็นเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมอกแม่นม ในตายิ่งพ่นไฟโกรธอาฆาตแค้นออกมา “ก็มีความสามารถดีนี่นา แม้แต่สายพันธุ์ชั่วๆ นี่ก็คลอดออกมาถึงสองคน เห็นแล้วก็รำคาญ จงทุ่มให้ตายเสีย”

 

 

แล้วก็มียายเฒ่าทำงานหยาบเข้ามาแย่งเด็ก เลือดเนื้อเชื่อมใจ ม่านเอ๋อร์นั่นก็ไม่สนใจว่าตนถูกตบจนหน้ามืดวิงเวียนแล้ว ดิ้นรนขึ้นมาขัดขวาง “พระชายา พระชายา ขอร้องล่ะ ได้โปรดปล่อยลูกของข้าน้อยด้วยเถอะ นางยังเล็ก ยังไม่ครบสามเดือนเลยเจ้าค่ะ! ท่านโกรธก็ลงที่ข้าน้อยเถอะ ท่านจะตีจะฆ่าก็ได้ ขอได้โปรดให้ทางรอดกับเด็กด้วยเถอะเจ้าค่ะ! ข้าน้อยขอร้องท่านแล้ว ข้าโขกศีรษะให้ท่านแล้ว” นางวิงวอนอย่างทุกข์ทน

 

 

ม่านเอ๋อร์ศีรษะแตะพื้น โขกศีรษะดังโป๊กๆ ขึ้นมา เพียงครู่เดียวหน้าผากก็เต็มไปด้วยเลือด ไหลอาบหน้า เป็นที่น่าสยดสยอง

 

 

ในใจพระชายาอ๋องจิ้นรู้สึกสะใจแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “มัวไปทำอะไรอยู่ตั้งนาน? สายไปแล้ว! โยนเจ้าพันธุ์ชั่วช้าเล็กๆ นี่ออกไป”

 

 

แม่นมที่บอบบางไหนเลยจะสู้ยายเฒ่าบึกบึนได้ สุดท้ายเด็กยังคงถูกยายเฒ่านั่นแย่งไปไว้ในมือ นางยกเด็กขึ้นสูงกำลังจะทุ่มลงพื้น

 

 

“หยุดนะ!” พอดีท่านอ๋องจิ้นรุดมาถึง เขามองดูผ้าอ้อมที่ถูกยายเฒ่าทำงานหยาบนั่นยกขึ้นสูง แล้วตกใจจนวิญญาณแทบแตกซ่าน “รีบหยุดเดี๋ยวนี้”

 

 

ท่านอ๋องจิ้นวิ่งเข้าไปแย่งเด็กจากมือของยายเฒ่า กอดไว้แน่นๆ ที่หน้าอก แล้วมองดูม่านเอ๋อร์ที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัวที่อยู่บนพื้นและบุตรสาวที่ร้องไห้จนหน้าแดงไปหมด ทั้งปวดใจ ทั้งโกรธ

 

 

ม่านเอ๋อร์นั่นพอเห็นท่านอ๋องจิ้นมาแล้ว ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิตก็ไม่ปาน นางร้องอย่างเศร้าโศกเสียงหนึ่งว่า “ท่านอ๋อง ช่วยบุตรสาวเราด้วย” แล้วร่างกายก็อ่อนยวบล้มลงบนตัวท่านอ๋องจิ้น ส่วนบุตรสาวที่โตหน่อยคนนั้นยิ่งถลาเข้ามากอดขาของท่านอ๋องจิ้นไว้ ร้องห่มร้องไห้ว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ข้ากลัว ข้ากลัว!” ร่างกายเล็กๆ สั่นไม่หยุด

 

 

ไฟโกรธของท่านอ๋องจิ้นยิ่งโชติช่วงขึ้น “นางซ่ง นางอสรพิษ!” ท่านอ๋องจิ้นชี้พระชายาอ๋องจิ้นด่า สั่นไปทั้งตัว ขาดเพียงนิดเดียว หากเขามาช้าไปครู่หนึ่ง บุตรสาวคนเล็กของเขาก็ไม่รอดแล้ว ก็จะถูกยายเฒ่าที่สมควรตายนี่ทุ่มตายแล้ว ท่านอ๋องจิ้นถีบยายเฒ่านั่นแรงๆ ทีหนึ่งว่า “เจ้าทาสรับใช้ที่สมควรตาย หมิ่นเบื้องสูง ลากออกไปโบยให้ตาย”

 

 

ยายเฒ่านั่นงงเป็นไก่ตาแตกทันที คุกเข่าลงดังตุ๊บ แล้วโขกศีรษะราวกับสับกระเทียมว่า “ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย พระชายาช่วยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวทำตามคำสั่งของท่านนะเจ้าคะ!”

 

 

“ลากลงไป ลากลงไป หนวกหูเหลือเกิน” พระชายาอ๋องจิ้นกลับไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย นางจ้องท่านอ๋องจิ้นเขม็ง บนใบหน้าแฝงด้วยความเศร้าโศกและน้อยใจว่า “ท่านอ๋องบอกว่าข้าเป็นนางอสรพิษ? ท่านอ๋องแอบเลี้ยงผู้หญิงอยู่ข้างนอกลับหลังข้ายังมีเหตุผลอีกหรือ? นั่นเป็นเพียงผู้หญิงไพร่คนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดข้าจะสั่งสอนไม่ได้” พูดถึงท้ายสุดนางก็กัดฟันจนแทบแตก

 

 

คำพูดนี้ราวกับราดน้ำมันบนกองไฟ ท่านอ๋องจิ้นโกรธยิ่งกว่าเดิม “ข้าเป็นถึงอ๋อง เลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกคนหนึ่งจะเป็นไรไป? เจ้าลืมคำพูดที่สั่งสอนสะใภ้โย่วเกอเอ๋อร์หมดแล้วหรือ? เจ้าเป็นคนบอกว่าผู้ชายก็ควรมีสามภรรยาสี่อนุมิใช่หรือ? ม่านเอ๋อร์ฐานะต่ำต้อยไม่ผิด ทว่าสองคนนี้ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ไม่คิดว่าเจ้าจะลงมือกับเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า เจ้าไม่ใช่นางอสรพิษแล้วเป็นอะไร?”

 

 

“ข้าเป็นนางอสรพิษ ข้าเป็นนางอสรพิษ ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะบอกว่าข้าเป็นนางอสรพิษ! ฮ่าๆๆ!” จู่ๆ พระชายาอ๋องจิ้นก็หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “ท่านอ๋องอย่าลืมเสียล่ะว่านางอสรพิษคนนี้คลอดบุตรชายสายตรงให้ท่านแล้วสามคน” บุตรชายสายตรงสามคน บวกกับตรากตรำมายี่สิบปี ไม่คิดว่าจะเทียบนางจิ้งจอกจอมยั่วยวนต่ำช้าที่เป็นโซ่วหม่ามาก่อนและเด็กหญิงกะโปโลสองคนไม่ได้ พระชายาอย่างนาง ภรรยาหลวงคนนี้เป็นไปยังมีความหมายอะไรอีก

 

 

“เจ้าอย่ามาพูดนั่นพูดนี่หน่อยเลย ข้าก็ให้เย่เกอเอ๋อร์รับตำแหน่งซื่อจื่อตามที่หวังแล้วมิใช่หรือ? เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก? ม่านเอ๋อร์คลอดบุตรสาวให้ข้าสองคนแล้ว ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ก็ฉวยโอกาสนี้ให้พวกนางแม่ลูกสามคนเข้าจวนเถอะ” ท่านอ๋องจิ้นเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

 

 

“อย่าได้ฝันเลย! ข้าไม่ยอม นางคนนี้ยั่วจนท่านอ๋องหลงอนุดับภรรยา หากให้นางเข้าจวนแล้วข้ายังจะมีที่ยืนอยู่หรือ? ข้าไม่ยอมเด็ดขาด” พระชายาอ๋องจิ้นประสานตากับสายตาโกรธเกรี้ยวของท่านอ๋องจิ้น แล้วเอ่ยอย่างเฉียบขาด

 

 

“เจ้า เจ้ามันริษยา เจ้าไร้เมตตา” ท่านอ๋องจิ้นกล่าวโทษเสียงดังว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ายินยอม จวนอ๋องจิ้นนี้ข้ายังเป็นคนตัดสินใจอยู่ เจ้ายอมก็ต้องยอม ไม่ยอมก็ต้องยอม ม่านเอ๋อร์เป็นผู้หญิงของข้านานแล้ว ประตูจวนอ๋องจิ้นนางเข้าแน่แล้ว”

 

 

“ท่านอ๋องท่านจะหลงอนุดับภรรยาจริงหรือ? ท่านไม่กลัวพู่กันของผู้ตรวจการหรืออย่างไร? ท่านไม่กลัวฝ่าบาททรงตำหนิหรืออย่างไร?” พระชายาอ๋องจิ้นขึ้นเสียงด้วยความโกรธ

 

 

ท่านอ๋องจิ้นได้ยินดังนั้นแววตาดุร้ายขึ้นมาทันทีว่า “นางซ่ง อย่าลืมว่าเจ้าเข้าประตูใหญ่จวนอ๋องจิ้นมาได้อย่างไร” ฮึ ข่มขู่เขา! นี่เขาดีกับนางเกินไปแล้ว ถึงขนาดทำให้นางไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำข่มขู่เขาขึ้นมา “ในฐานะพระชายา ดูแลเรือนด้านหลัง รับอนุให้ข้าผลิดอกออกผล คือหน้าที่ของเจ้า นางซ่งเจ้าจงเก็บกวาดเรือนหลังหนึ่งออกมาโดยเร็ว เลือกวันให้ม่านเอ๋อร์เข้าจวน บัดนี้ข้าจะพานางไปพักเรือนด้านนอกก่อน”

 

 

สายตาที่ท่านอ๋องจิ้นมองพระชายาอ๋องจิ้นช่างซับซ้อนเหลือเกิน ก็เช่นเดียวกับในใจเขา นางซ่งที่อยู่ในใจเขาเป็นคนงดงาม จิตใจดี บอบบางเสมอมา คนมากมาย รวมทั้งเสด็จพ่อเสด็จพี่ของเขาต่างบอกเขาว่านางซ่งเป็นคนมีเจ้าแผนการไม่ธรรมดา ทว่าเขาไม่เคยเชื่อมาก่อน มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่พะเน้าพะนอนางมาหลายปีปานนี้หรอก! ต่อให้บัดนี้นางไม่งดงามดังเดิม เขาก็รู้สึกว่านางเป็นคนใจอ่อน จึงให้ความเชื่อถือและให้เกียรตินางอย่างเพียงพอ

 

 

ทว่าในความเป็นจริงล่ะ? วันนี้หากไม่เห็นกับตา เขาอาจถูกหมกไว้ในกลองไปตลอดชีวิต แม้แต่กับเด็กทารกยังลงมือได้ นั่นต้องใจแข็งปานใดกัน? ฮ่าๆๆ ที่แท้เขาต่างหากคือคนที่ตาบอดคนนั้น!

 

 

พระชายาอ๋องจิ้นโกรธจัด “ท่านอ๋อง ท่าน ท่าน…” เสียงเรียกที่โหยหวนเสียงหนึ่งออกจากปากพระชายาอ๋องจิ้น แล้วนางก็ล้มหงายหลังไปทั้งตัว

 

 

“พระชายา พระชายา”

 

 

“พระชายาท่านเป็นอะไรไป?”

 

 

“แย่แล้ว พระชายาหมดสติไปแล้ว”

 

 

“พระชายาฟื้นสิเจ้าคะ!”

 

 

เหล่าสาวใช้ยายเฒ่าร้องอย่างตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก ทว่าท่านอ๋องจิ้นไม่แม้แต่จะหยุดฝีเท้าสักก้าว เดินออกข้างนอกไปราวกับไม่ได้ยิน