บทที่ 1308 จะทนแบกความรับรู้สึกนี้ได้อย่างไร

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1308 จะทนแบกความรับรู้สึกนี้ได้อย่างไร โดย Ink Stone_Fantasy

ที่จุดลึกของแดนอเวจี จู่ๆ จินม่านที่ร่วมเดินทางอยู่ในกลุ่มนั้นก็หยุดแล้วกล่าวว่า “เวลาเหลือไม่เยอะแล้ว”

สืออวิ๋นเปียน อ๋าวเถี่ย กงซุนลี่เต้าที่ติดตามมาด้วยมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เห็นเพียงจินม่านรีบตั้งนิ้วมือทั้งสิบตรงหว่างคิ้วเพื่อใช้วิชาดรรชนี จู่ๆ ก็ชี้ไปกลางอากาศ พร้อมตะโกนว่า “เก็บ!”

บนดาวเคราะห์รกร้างดวงหนึ่งที่อยู่ห่างไกลทางเข้าออกแดนอเวจีมาก เหมียวอี้ที่เพิ่งได้รับข่าวเก็บระฆังดาราในมือ แล้วใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์เหลียวซ้ายแลขวา พร้อมทั้งหยิบแผนที่ดาวออกมาเทียบเป็นระยะ แล้วก็เงยหน้ามองทางเข้าออกแดนอเวจี ตรงหน้าของเขา ซองธนูที่มีลายโบราณเรียบง่ายอันหนึ่งปักอยู่บนพื้น

ทันใดนั้น บนผิวซองธนูก็เปล่งลำแสงหลากสีสัน เหมียวอี้อึ้งไปชั่วขณะ เหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ จึงเงยหน้ามองไปยังทางเข้าออกแดนอเวจีอีกครั้ง

เป็นอย่างที่คาดไว้ เห็นรางๆ ว่าตรงจุดไกลๆ เหมือนจะมีอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันมองเห็นอะไรชัดเจน ตรงจุดไกลๆ บนท้องฟ้าก็มีเงาดำเงาหนึ่งวาดผ่านไปแล้ว จากนั้นก็เห็นเงาดำที่วาดผ่านไปไกลหมุนยอกย้อนด้วยความเร็ว หมุนวนอ้อมดาวเคราะห์ที่อยู่ใต้เท้าเหมียวอี้เป็นเส้นโค้งด้วยความเร็วสูงรอบหนึ่ง วนรอบแล้วรอบเล่า เริ่มวนจากบนฟ้าสูงลงมาที่ท้องฟ้าระดับต่ำ ความเร็วลดลงเล็กน้อย

ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้มองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของของสิ่งนั้น เป็นลูกธนูแหลมคมหน้าตาดุร้ายน่าเกลียดที่ยาวประมาณหนึ่งจั้ง หลังจากสิ่งที่คล้ายใยแมงมุมที่กระจายออกมารอบตัวธนูค่อยๆ หายไป ลูกธนูคมที่หมนุขึ้นข้างบนอีกครั้งก็พลันปักตรงลงด้านล่าง มันแยกออกจากกันราวกับเม็ดฝน แยกเป็นลูกธนูคมสีดำหลายดอกที่เล็กกว่าเดิม

ฉึกๆ! ลูกธนูคมหลายดอกตกลงในซองธนูที่อยู่ด้านล่างอย่างแม่นยำ เร็วราวกับเงาผี

ลมที่พัดลงมาจากฟ้าทำให้เกิดระลอกคลื่นฝุ่นควันผืนใหญ่ เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ดันไว้ ยกแขนเสื้อป้องใบหน้า

หลังจากเสียงลูกธนูเสียบลงซองเงียบลง เหมียวอี้ก็โบกแขนเสื้อกวาดไล่ฝุ่น จากนั้นก็เงยหน้ามองบนท้องฟ้า เห็นแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งปลิวตกลงตามแรงเฉื่อย

เหมียวอี้ขยุ้มนิ้วทั้งห้ากลางอากาศ แหวนเก็บสมบัติลอยเข้ามา ดูดเข้าในฝ่ามือของเขาแล้ว เขารีบร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู แต่ในแหวนเก็บสมบัติว่างเปล่า มีเพียงผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มที่สวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนนอนนิ่งสงบอยู่ในนั้น หน้าอกกระเพื่อมหายใจเบาๆ

เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าในแหวนเก็บสมบัติวงนั้นใส่อากาศจำนวนมากไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้หายใจได้เป็นปกติ

เหมียวอี้ไม่กล้าชักช้า กลัวว่าถ้าอากาศข้างในใกล้จะหมดแล้วจะเป็นอันตรายกับชีวิตของผู้หญิงคนนี้ จินม่านกำชับนางซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าเขากับปี้เยว่ฮูหยินจะมีบุญคุณความแค้นอะไรต่อกัน แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นลูกสาวของไห่ยวนเค่อ ไห่ยวนเค่อเสียสละมากมายขนาดนี้ กรุณารับประกันความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้ด้วย

ต่อให้นางไม่บอก เหมียวอี้ก็ไม่กล้าดูแลไม่ดี เพื่อกิจธรุของเขา เพื่อส่งผู้หญิงคนนี้ออกไป ก็ถึงกับใช้ยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ห้าคนในรวดเดียว สำหรับเขา นี่เป็นสิ่งที่ไม่กล้าจินตนาการถึง ทั้งชีวิตเขานี่เป็นครั้งแรกที่เล่นใหญ่ขนาดนี้

เขารีบหยิบกำไลเก็บสมบัติอีกวงออกมา เพื่อที่จะรับผู้หญิงคนนี้ต่อ เขาได้เตรียมอากาศที่มีความเข้มข้นสูงไว้ในกำไลเก็บสมบัติวงนี้เรียบร้อยแล้ว หลังจากควบคุมไว้แล้วก็เรียกผู้หญิงที่กำลังสลบออกมา แล้วรีบส่งเข้าไปอยู่ในกำไลเก็บสมบัติ

ตอนที่หันกลับไปมองฝุ่นควันที่ตลบอบอวลอีกครั้ง ก็เห็นซองธนูอันนั้นจลึกลงใต้ดินแล้ว เหมียวอี้ก้าวมาข้างหน้าแล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ถือขึ้น ยกลูกธนูที่บรรจุไว้เต็มซองธนูขึ้นมาพร้อมกัน จากนั้นรีบเก็บไว้ เพราะกลับไปก็ยังต้องคืนของสิ่งนี้ให้จินม่าน

เมื่อตัวเหาะขึ้นมาบนฟ้า ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์โบกแขนเสื้อกวาดกลบตำแหน่งเมื่อครู่นี้ หลังจากร่องรอยหายไปแล้ว เขาก็รีบเรียกเฮยทั่นออกมา แล้วขี่เฮยทั่นแฉลบไปยังดาราจักร เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่แม้เพียงชั่วครู่เดียว ต้องรีบหนีไปไกลๆ ให้เร็วที่สุด เขายังไม่กล้าไปทางประตูดวงดาวที่อยู่ใกล้ทางเข้าออกแดนอเวจี กลัวว่าจะโดนดัก ถ้าจะไปตรงประตูดวงดาวที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็เท่ากับต้องอ้อมไกลมากกว่าจะกลับไปได้

ขณะที่อยู่บนหลังเฮยทั่นและมองสำรวจไปรอบๆ ไม่หยุด เขาก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อจินม่าน : ประมุขขุนพล รับคนมาอย่างปลอดภัยแล้ว

จินม่าน : ประมุขปราชญ์ ได้โปรดรับประกันความปลอดภัยให้เด็กคนนั้นด้วย ถ้าพบปัญหาอะไรก็ติดต่อมาทันที เดี๋ยวทางข้าจะรีบติดต่อคนให้ช่วยเหลือ

เหมียวอี้ : เจ้าไม่ต้องห่วง นอกเสียจากข้าจะรักษาชีวิตตัวเองไม่ได้เท่านั้น ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางแน่นอน

ทางฝั่งแดนอเวจี จินม่านที่ลอยหยุดอยู่บนท้องฟ้าโล่งใจแล้ว นางหันซ้ายหันขวาบอกทั้งสามว่า “คนไปถึงมือประมุขปราชญ์อย่างปลอดภัยแล้ว”

ทั้งสามโล่งใจตามไปด้วย อ๋าวเถี่ยถอนหายใจแล้วบอกว่า “โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าไห่ยวนเค่อจะคิดยังไง ประมุขขุนพล รีบบอกให้ไห่ยวนเค่อวางใจเถอะ”

จินม่านพยักหน้า แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับไห่ยวนเค่อ

ไห่ยวนเค่อกำลังเหาะด้วยความเร็วสูงอยู่เพียงลำพังในดาราจักร หลังจากได้ทราบข่าวว่าลูกสาวปลอดภัยแล้ว ในที่สุดริมฝีปากที่เม้มแน่นก็คลายออกแล้ว เขาหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อปี้เยว่ฮูหยินเช่นกัน : ปี้เยว่ ส่งซินเอ๋อร์ออกไปได้แล้ว ถ้ามีโอกาสเหมาะสมจะให้คนส่งนางไปอยู่กับเจ้า ช่วยดูแลนางให้ดี ข้าบอกนางไว้แล้ว นางไม่มีทางเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเจ้า

เป็นอย่างที่คาดไว้ ปี้เยว่ฮูหยินตกอยู่ในอารมณ์ที่ค่อนข้างสับสน ถึงแม้ตอนแรกไห่ยวนเค่อจะพูดแบบนั้น แต่นางก็ไม่คิดว่าไห่ยวนเค่อจะสามารถหาทางส่งลูกสาวออกมาได้จริงๆ ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าไห่ยวนเค่อจะใช้วิธีการสุดแสนอันตรายแบบนี้ส่งลูกสาวออกมา ฉากที่หวาดเสียวนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้านาง เขาบุกฝ่าค่ายกลธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพียงลำพัง ห้าวหาญเกินไปแล้ว สมกับเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่แข่งขันกับประมุขชิง

แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่นางรู้อย่างชัดเจน ว่ากลับไปครั้งนี้นางไม่มีทางเลี่ยงท่านโหวเทียนหยวนได้ ถ้าให้ลูกสาวรู้ว่าตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อของตัวเอง นางก็ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับลูกสาวอย่างไร จะทนความรู้สึกได้อย่างไรกัน!

เช่นเดียวกัน การที่ไห่ยวนเค่อเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นเพื่อส่งลูกสาวออกมา ถ้าตัวเองดูแลไม่ดี นางก็ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าจะยั่วให้ไห่ยวนเค่อโมโหขนาดไหน ถ้าปล่อยหนึ่งในหญิงรับใช้สามคนนั้นออกมาอยู่ในมือตำหนักสวรรค์ ทั้งชีวิตนี้ของนากง็จบเห่แล้ว!

อาณาเขตปลอดภัยจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง บุคคลผู้มีฝีมือกลุ่มใหญ่วางค่ายกลที่ดาวดวงหนึ่งใหม่ กลับสู่รูปแบบทางเข้าออกประตูดวงดาวที่มีการปิดผนึกดาวหกดวงอีกครั้ง

การเข่นฆ่าที่มาเยือนอย่างกะทันหันภายในเวลาอันสั้นส่งผลกระทบต่องาตอนท้ายของการทดสอบ

ปี้เยว่ฮูหยินยืนนิ่งอยู่กลางอากาศเงียบๆ นานแล้ว นางกัดฟัน แล้วเหาะไปยังจุดรวมตัวเมื่อสิ้นสุดการทดสอบ

การทดสอบครั้งนี้มีจำนวนคนน้อยลงกว่าครั้งก่อนสิบเท่า ถ้าพูดถึงสิ่งที่สัมพันธ์กัน ปริมาณงานในการตรวจผลทดสอบก็สั้นลงมากเช่นกัน แต่คนที่รอดชีวิตกลับมาครั้งนี้มีค่อนข้างเยอะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมทดสอบรอดชีวิตกลับมาเกือบครึ่ง

หลังจากนั้นสามเดือน ปี้เยว่ฮูหยินก็เห็นคะแนนของตัวเองแล้ว คะแนนนี้ทำให้นางค่อนข้างพูดไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่าจะเหมือนกับเหมียวอี้ในตอนนั้น อันดับเก้า!

เพียงแต่นางดวงดีกว่าเหมียวอี้นิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกลงโทษ ทั้งยังได้รางวัลด้วย ยศเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้นแล้ว

ตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์แปดร้อยกว่าตำแหน่ง ส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของคนที่ไม่มีอำนาจภูมิหลัง เจ็ดร้อยกว่าตำแหน่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์แล้ว มีเพียงหนึ่งร้อยกว่าตำแหน่งเท่านั้นที่ผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ได้ไป นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน ถ้าอยากจะปราบผู้มีอำนาจที่ฝ่าฝืนกฎให้หมดสิ้น ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น

ถึงแม้จะมีตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์มากมายที่อยู่ในมือผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ แต่ด้านบนก็มีคนที่ไร้อำนาจภูมิหลังควบคุมอยู่ ผู้มีอำนาจมีความสามารถในการควบคุมตลาดสวรรค์น้อยลงไปเยอะ

ทางเข้าออกแดนอเวจีที่ปิดผนึกไว้ถูกเปิดอีกครั้ง พอปี้เยว่ฮูหยินออกมาก็เห็นท่านโหวเทียนหยวนทันที ท่านโหวเทียนหยวนที่ใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มมารับด้วยตัวเองแล้ว

และคำพูดด้านบนก็คือสิ่งที่ท่านโหวเทียนหยวนอธิบายในระหว่างทางกลับ

สองามีภรรยาจูงมือกันเหาะด้วยความเร็วสูงอยู่ในดาราจักร ปี้เยว่ฮูหยินกล่าวว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าตำหนักสวรรค์บรรลุเป้าหมายแล้ว”

ท่านโหวเทียนหยวนแสยะยิ้ม “เกรงว่าจะยังน่ะสิ ตำหนักสวรรค์ก่อตั้งมานาน นิสัยที่กลายเป็นสันดานก็เหมือนเป็นถังย้อมขนาดใหญ่ คนที่กระโดดลงไปในนั้น ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดที่จะอยู่ตัวคนเดียวเลย ต่อให้ราชันสวรรค์จะตั้งใจเปลี่ยนแปลงขนาดไหน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ด้วยกำลังคนคนเดียว เจ้าคอยดูต่อไปเถอะ พอคนที่ไร้อำนาจภูมิหลังพวกนั้นขึ้นนั่งตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ ก็ย่อมมีคนมาดึงเป็นพวกไม่หยุดหย่อน จะมีสักกี่คนที่ทนแรงกดดันได้และยืนออกนอกแถวล่ะ? เจ้าอาจจะยังไม่รู้ ว่าผู้บังคับบัญชาของเจ้ามาขอลาออกตั้งแต่ก่อนการทดสอบแล้ว ไม่ใช่แค่ผู้บังคับบัญชาของเจ้านะ หัวหน้าภาคตลาดสวรรค์ทุกคนแทบจะลาออกหมด ทุกคนมีลางสังหรณ์ว่าการทดสอบระดับหัวหน้าภาคกำลังจะมาถึงแล้ว ถ้ารอให้ถึงตอนนั้นก็หลบไม่พ้น ไม่สู้ถอยออกไปแต่เนิ่นๆ ดีกว่า ตำแหน่งหัวหน้าภาคทั้งตลาดสวรรค์ว่างหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตำแหน่งที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้จะไม่มีใครนั่ง เหมือนเป็นเรื่องตลกจริงๆ เกรงว่าฝ่าบาทคงจะไม่ดีใจสักเท่าไรหรอก”

ปี้เยว่ฮูหยินถามอย่างตกใจว่า “แบบนี้ไม่เท่ากับตบหน้าฝ่าบาทหรอกเหรอ?”

ท่านโหวเทียนหยวนตอบว่า “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ เดิมทีลูกพี่ใหญ่พวกนั้นก็แอบให้บทเรียนกับเขาอยู่แล้ว เมื่อปรับปรุงระบบมาถึงหัวพวกเขา มีหรือที่พวกเขาจะไม่โต้ตอบ อย่าบอกนะว่าจะให้มองดูตัวเองโดนตัดกำลังให้อ่อนแอเฉยๆ? บนโลกนี้ ตราบใดที่มีหนทางก็จะคิดทำทุกวิธีเพื่อให้เป็นขุนนางอยู่แล้ว ไม่มีหลักการเรื่องบังคับให้คนเป็นขุนนางหรอก ถ้าฝ่าบาทอยากจะรั้งพวกเขาเอาไว้ ก็จะต้องมีคนเจรจาเงื่อนไขแน่นอน เรื่องปรับปรุงระบบเท่ากับฝ่าบาทพ่ายแพ้แล้ว ฝ่าบาทเสียหน้ากับเรื่องนี้ไม่ไหว ทำได้พียงดันทุรังต่อต้านไปเรื่อยๆ”

“พวกเขาไม่กลัวฝ่าบาทจะสะสางบัญชีเชียวเหรอ?” ปี้เยว่ฮูหยิน

ท่านโหวเทียนหยวนแสยะยิ้มอีก “สะสางบัญชีเหรอ? สะสางบัญชียังไง? คนที่อยู่ในกลุ่มผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกันเป็นทอดๆ ตั้งแต่บนลงล่าง ถ้าคนที่คอยค้ำอยู่ข้างบนสิ้นอำนาจ คนที่อยู่ข้างล่างก็ย่อมกังวลว่าจะล้มไปด้วยกัน ผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับคนจำนวนเยอะเกินไป ถ้าฝ่าบาทกล้าทำเกินไป ถ้ากลุ่มลูกพี่ใหญ่ระดับบนพวกนั้นร่วมมือกันก่อกบฏ กำลังก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่าบาทเลย กำลังพลแปดส่วนในใต้หล้าจะเลี้ยวเปลี่ยนหัวหอก เจ้าเชื่อมั้ยว่าภายในคืนเดียวก็สามารถล้อมวังสวรรค์และโค่นล้มฝ่าบาทได้? ราชันสวรรค์ที่มมีคนส่วนใหญ่สนับสนุน ยังจะนับว่าเป็นราชันสวรรค์อะไรอีกล่ะ คนคนเดียวต่อให้วรยุทธ์จะสูงกว่านี้ แต่ถ้าไม่มีคนเบื้องล่างช่วยเหลือ แล้วจะคุมใต้หล้าได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่าบาทฝั่งประมุขพุทธะพึ่งพากัน เขาจะกล้าปรับปรุงระบบแบบนี้เหรอ?”

“ฝ่าบาทจะไม่ค่อยๆ สะสางทีละบัญชีหรอกใช่มั้ย ค่อยๆ เปลี่ยนให้ลูกน้องคนสนิทของตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญ?” ปี้เยว่ฮูหยินถาม

ท่านโหวเทียนหยวนตอบกลั้วหัวเราะว่า “คนที่ติดตามบุกยึดใต้หล้ากับฝ่าบาทในปีนั้น มีใครบ้างที่ไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทของฝ่าบาท ถ้าเปลี่ยนลูกน้องคนสนิทอีกชุดแล้วยังไงล่ะ เหมือนเป็นการเปลี่ยนน้ำแกงแต่ไม่เปลี่ยนยาไง ไม่ว่าจะเป็นยาต้มอะไร เมื่อวางไว้นานๆ ก็เปลี่ยนรสชาติได้ทั้งนั้น การที่ฝ่าบาทปรับปรุงไปปรับปรุงมาแบบนี้ เหมือนเป็นการหลับหูหลับตาทำมั่วๆ เท่านั้น  ต่อให้ครั้งนี้จะกวาดล้างหมดสิ้นแล้ว แต่ต่อไปก็กลับมาเดินซ้ำทางเก่าอยู่ดี ใต้หล้ากว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าจะปกครองขึ้นมาก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เขาอยากจะกุมฟ้าดินเพียงลำพังตลอดไป แล้วทำไมคนเบื้องล่างจะอยากกุมอำนาจตลอดไปบ้างไม่ได้ล่ะ”

“เฮ้อ! ใช่แล้ว อิ๋งสิงเลี่ยนั่นตายด้วยน้ำมือโจรกบฏแล้ว”

“ข้าได้ข่าวแล้ว ไม่ใช่เรื่องของพวกเราหรอก ถึงยังไงพวกเราก็ทำตามที่สั่งแล้ว เบื้องบนมีแต่จะติดหนี้น้ำใจเรา มาโทษพวกเราไม่ได้หรอก”

มีท่านโหวเทียนหยวนคอยช่วยดึง การเดินกลับจึงเร็วมาก สองสามีภรรยาคุยกันตลอดทางจนกลับถึงจวนท่านโหวเทียนหยวน

โดนขังอยู่ที่แดนอเวจีนานขนาดนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาได้ ปี้เยว่ฮูหยินย่อมไม่รีบกลับจวนแม่ทัพภาคตงหัวอยู่แล้ว

ทว่าตอนที่เพิ่งจะอาบน้ำอย่างชื่นใจและเดินออกจากห้องอาบน้ำ ปี้เยว่ฮูหยินก็โดนท่านโหวเทียนหยวนดักไว้แล้ว โดนท่านโหวเทียนหยวนอุ้มกลับไปกดลงบนเตียงในห้องนอน

ปี้เยว่ฮูหยินคิดถึงผู้ชายคนนั้นที่อยู่แดนอเวจีแล้ว ต่อต้านท่านโหวเทียนหยวนที่อยู่บนตัวโดยจิตใต้สำนึก

ท่านโหวเทียนหยวนมองนางพร้อมหรี่ตายิ้ม “ร่างกายฮูหยินถูกปล่อยว่างมานาน ท่านโหวคนนี้จะชดเชยให้อย่างสุดกำลัง”

ปี้เยว่ฮูหยินกัดฟัน สุดท้ายก็ยังค่อยๆ วางแขนสองข้างที่ต่อต้านลง เอียงหน้ามองไปด้านข้าง ในดวงตาฉายแววขมขื่นทนแบกความรับรู้สึกและความจนใจ

ท่านโหวเทียนหยวนคว้าผ้าคาดเอวของนางดึงออกไปโดยตรง…

…………………………