ตอนที่สายโทรเข้านั้น กำลังอยู่ในช่วงโพล้เพล้หลังอาหารค่ำ ท้องฟ้ามืดมิดหมดแล้ว ฮั่วเทียนอวี่นั่งอยู่หน้าบาร์เหล้า ริมทางเดิน บนโต๊ะมีขวดเหล้าวางกระจัดกระจายอยู่ ฮั่วเทียนอวี่ตกใจตื่นขึ้นจากฝัน
เขาล้วงมือถือออกมา นิ่งอึ้งไปสองวิเต็มๆ แล้วหัวเราะออกมา รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล…”
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” เสียงจากปลายสาย เป็นเสียงขาดๆ หายๆ ของอินเสี่ยวเสี่ยว ผสมปนเปกับความอ่อนล้า มีเสียงรถแล่นผ่านเป็นครั้งคราว ฮั่วเทียนอวี่ส่ายศีรษะอย่างแรง บีบโทรศัพท์ไว้แน่น แข็งใจเรียกสติกลับคืนมาบ้าง เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “เสี่ยวเสี่ยวคุณเป็นอะไรไป? คุณอยู่ที่ไหน?”
“ฉัน ฉันอยู่…” อินเสี่ยวเสี่ยวรูดตัวลงนั่งกับพื้นพิงกำแพงเย็นเฉียบ หัวสมองของเธอว่างเปล่า เจ็บร้าวแน่นที่หน้าอก ตลอดร่างเหมือนตกอยู่ในกองเพลิง มีของบางอย่างเหมือนจะพุ่งออกมา “เสี่ยวเสี่ยวบอกผม คุณอยู่ที่ไหน? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? พูดสิ!” เสียงของฮั่วเทียนอวี่ร้อนรน เขาเด้งผลุงลุกพรวดขึ้นยืน ท่าทางเหมือนถูกไฟช็อต เกือบจะชนโต๊ะเก้าอี้พลิกล้มไป ลูกค้าบาร์เหล้าที่ผ่านไปมาพากันมองเขาด้วยสายตาประหลาด
ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกมือเท้าไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง อินเสี่ยวเสี่ยวจากปลายสายอีกด้านหอบถี่มากขึ้นทุกที เขาขมวดคิ้วผลักประตูเปิดออกไป ไม่ทันได้ไปที่จอดรถ เขาผลักผู้โดยสารที่กำลังจะขึ้นรถออก แล้วยื่นที่อยู่ให้คนขับอย่างร้อนรน
ตอนหาตัวอินเสี่ยวเสี่ยวเจอนั้น ท้องฟ้ามืดสนิทมากแล้ว รถราผ่านไปมาในความมืด ผู้คนกระจายตัวไปแล้วรวม รวมตัวแล้วแยกย้ายกันไปอีก ฮั่วเทียนอวี่เริ่มค้นหาตั้งแต่สถานที่ที่อินเสี่ยวเสี่ยวปรากฏตัวครั้งสุดท้าย เดินไปตามทางห่างไกลออกไปทุกที จวบกระทั่งรอบข้างกลายเป็นว่างเปล่าไร้ผู้คน เขาจึงเห็นอินเสี่ยวเสี่ยวที่หมดสติไปแล้วอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งที่ข้างถนน ฮั่วเทียนอวี่อุ้มอินเสี่ยวเสี่ยวย้อนกลับไปทางเดิม ในพุ่มไม้ข้างทางมีเสียงสวบสาบดังมา เขาหยุดเท้า แมวลายสีขาวตัวหนึ่งกระโดดออกมา มันเงยหน้าขึ้นร้องเรียก แล้วก้มลงเดินจากไปช้าๆ
ทันใดเขานึกถึงครั้งแรกตอนที่เขาพบกับอินเสี่ยวเสี่ยว เธอเหมือนแมวน้อยที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บ รอคนใจดีอยู่ข้างทาง อาจเป็นเพราะความสงสารชั่ววูบ อาจเป็นวาสนาที่ถูกกำหนดมา จากการดูแลในตอนแรกจนกลายเป็นความรักในภายหลัง เขาไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ชอบเธอ รักเธอ แม้ว่าภายหลังเขากับเธอจะค่อยๆ ห่างเหินกัน จนเริ่มกลายเป็นคนแปลกหน้า
ฮั่วเทียนอวี่อุ้มอินเสี่ยวเสี่ยวมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล เขายังมึนงงอยู่บ้าง ร่างเธอร้อนจนลวก แก้มสองข้างแดงเรื่อ ลมหายใจหอบแทบจะไม่อาจรู้สึกได้ ทั้งหมดนี้ยืนยันการคาดเดาเมื่อครู่ของตัวเอง ใช่แล้ว เธอถูกวางยา! ใครเป็นคนทำนะ? เลวทรามถึงปานนั้น?
ไม่…ไม่…ไม่จำเป็นแล้ว ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือถอนพิษยานี้ให้เธอ นี่สิสำคัญที่สุด ถอนพิษยา มีวิธีเดียว นั่นก็คือ… เธอคงไม่โทษว่าฉันหรอก ต้องไม่ว่าแน่ ขอเพียงฉันช่วยเธอถอนพิษยา เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้ว เธอก็จะไม่ไปจากฉันอีก แล้วก็ลืมไอ้ผู้ชายคนนั้น
พอนึกถึงตรงนี้ เขารีบหักรถเลี้ยว อินเสี่ยวเสี่ยวที่ไร้สติเข้าโรงแรมละแวกใกล้เคียง เขาไม่เคยมีนาทีไหนที่รู้สึกวาดหวังและตื่นเต้นดีใจเหมือนในวันนี้มาก่อน เขา…ฮั่วเทียนอวี่จะทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวกลายเป็นผู้หญิงของเขา ประทับตราของเขาไว้นับแต่นี้ไป ดูเหมือนความสุขสมหวังจะอยู่เบื้องหน้านี้เอง
พอจัดวางร่างอินเสี่ยวเสี่ยวลง ฮั่วเทียนอวี่ยืนอยู่หน้าเตียงกว้างใหญ่ในโรงแรม เขาใช้เวลาอีกครู่ใหญ่กว่าจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองมือไม้สั่น ขณะที่กำลังจะเข้าไปถอดเสื้อของอินเสี่ยวเสี่ยวนั้นเอง พลันประตูห้องก็ถูกคนถีบจนกระแทกเปิดออก เซียวจิ่งสือก้าวพรวดๆ เข้ามาอย่างโกรธจัด คว้าข้อมือฮั่วเทียนอวี่เอาไว้ แล้วจับเหวี่ยงออกไปทางด้านหลัง จากนั้นกระทืบลงบนหลังเขาอย่างแรง เหยียบเขาจนติดอยู่กับพื้น
เซียวจิ่งสือทำทุกอย่างรวดเดียวเต็มแรง ฮั่วเทียนอวี่กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง รู้สึกเจ็บที่หลังมาก เขาสูดหายใจเข้าลึก หัวเราะออกมาพูดว่า “คุณชายเซียวโมโหรึไง?” พูดยังไม่ทันจบ เซียวจิ่งสือก็หิ้วร่างฮั่วเทียนอวี่ขึ้นมา บีบเค้นที่คอเขา ยันร่างเขาติดผนังห้องของโรงแรม
“ดีนี่หา ไอ้หนุ่ม” เซียวจิ่งสือขยุ้มคอเสื้อฮั่วเทียนอวี่ไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ประกายตาพราวระยับของเขานั้นก็ยังดูเหมือนเคย แต่สีหน้าของเขาเย็นชา สายตาเย็นเยียบ ฮั่วเทียนอวี่ประกายตาหดเล็กลงอยู่บ้าง อดรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นไม่ได้
ดวงตาของฮั่วเทียนอวี่ฉายแววตื่นกลัวขึ้นวูบหนึ่ง แต่ชั่วครู่เดียวก็ตั้งสติได้ เขาพูดอย่างถือดีว่า “เซียวจิ่งสือ คุณมีสิทธิอะไรมาสั่งสอนผม? ตอนเสี่ยวเสี่ยวลำบากคุณไปอยู่ที่ไหน?” เซียวจิ่งสือชงักไปวูบ มีอาการเหมือนใจลอยกับสงสัยอยู่บ้าง เขานิ่งงันไปชั่ววูบหนึ่ง
“ถ้าไม่มีคุณ เสี่ยวเสี่ยวก็คงไม่ต้องเจอกับความทุกข์มากมายขนาดนี้ คุณยังกล้ามาถามผม ตอนที่เสี่ยวเสี่ยวถูกวางยา คุณไปอยู่ที่ไหน?” ฮั่วเทียนอวี่พูดถึงตอนนี้ ก็หยุดไป เลิกคิ้วอย่างท้าทายเซียวจิ่งสือ
พอเสียงพูดจบ แก้วตาของเซียวจิ่งสือก็เริ่มหดเล็กลง เขาพยายามสะกดกลั้นโทสะของตัวเอง ผ่านไปห้าวินาที เขาโมโหจนหัวเราะออกมา มือขวาจัดให้ฮั่วเทียนอวี่ไปอีกหนึ่งหมัด ฮั่วเทียนอวี่นั่งพิงผนัง รูดตัวลงนั่งกับพื้น หัวเราะจนคล้ายกับไร้สติอยู่บ้าง ประกายตาก็แตกซ่าน
ฮั่วเทียนอวี่ลงไปกองอยู่หน้าเตียง เขาหัวเราะออกมา สั้นมาก รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปจนหมด ความคิดล่องลอยไปไกล เหมือนจะกลับไปสู่วันคืนเมื่อก่อนนี้ ตอนนั้นเสี่ยวเสี่ยวยังอยู่ข้างกายเขา รับบาดเจ็บ เขาได้เห็นรอยยิ้มราวกับไป่เหอ [1] ของเธอทุกวัน ถ้าเธอรู้คงจะโกรธเกลียดเขาไปเลยกระมัง! แต่เขาไม่เสียใจหรอก!
เซียวจิ่งสือสูดลมหายใจเข้าลึก เดินมาที่หน้าเตียง ขนตางอนยาวของอินเสี่ยวเสี่ยวสั่นระริก หางตามีรอยคราบน้ำตา ใบหน้าแดงก่ำ ราวกับลูกท้อสุกยามฤดูร้อน เธอกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นจนเป็นรอยขาวซีด เขานวดขมับตัวเองที่ปวดตุบ ถอดเสื้อนอกของตัวเองออกแล้วคลุมลงบนร่างอินเสี่ยวเสี่ยวช้าๆ ปัดผมที่ชื้นเหงื่อของเธอออก จูบหน้าผากที่ชุ่มด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวอยู่เต็มไปหมด พูดด้วยความรักและทนุถนอมว่า “ไม่มีอะไรแล้ว ผมจะพาคุณไปนะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวคลายคิ้วที่ขมวดแน่นออก ซุกเข้ากับอกอุ่นของเซียวจิ่งสือ ริมฝีปากเหมือนจะมีเสียงละเมอออกมาเบาๆ ท่าทางสงบลงไปมาก เซียวจิ่งสือก้มลงมองเธอ โอบเธอไว้แนบแน่นกับอกราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า เดินออกไปอย่างระวัง ก่อนจากไป เซียวจิ่งสือกวาดตามองฮั่วเทียนอวี่ที่สลบไปที่ด้านหลัง เขาแอบสาบานกับตัวเองในใจว่า ต้องให้เจ้าพวกเลวนี่ได้รับผลกรรมอย่างสาสม
นอกประตูโรงแรม เซียวจิ่งสือเพิ่งออกมา ผู้ช่วยก็รีบเข้ามาหา พอเห็นเซียวจิ่งสืออุ้มร่างที่ห่มคลุมไว้ของอินเสี่ยวเสี่ยวก็ชะงักกึก แล้วรีบพาเขาขึ้นรถที่เตรียมไว้อย่างดี “ไปคอนโด” เซียวจิ่งสือวางร่างอินเสี่ยวเสี่ยวลง บอกเป้าหมายกับผู้ช่วยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
ผู้ช่วยติดตามเซียวจิ่งสือมาหลายปี เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่เหลือเค้าความมั่นใจในตัวเองเหมือนเมื่อก่อนอีก ก็เดาเรื่องราวได้หลายส่วนทั้งไม่กล้าถามมากความ จึงได้แต่ก้มหน้าสตาร์ทรถขับออกไปทางคอนโดที่พักของเซียวจิ่งสือ
——
[1] ไป่เหอ หรือแปะฮะ (Lily Bulb) เป็นพืชสมุนไพรจีน ตระกูลเดียวกับลิลลี่ มีลักษณะคล้ายหัวหอม ลอกเป็นกลีบย่อยสีขาว นิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารทั้งคาวหวาน อีกทั้งนำมาปรุงเป็นยา ใช้บำรุงปอด ขับพิษร้อน