ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


ในที่สุด เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่เซียวอวี๋ทุ่มทุนสร้างอาวุธชุดเกราะให้ยักษ์ศิลาก็เกิดผล เกราะที่ยักษ์ศิลาสวมใส่นั้นทำมาจากแร่โลหะหายาก และด้วยข้อได้เปรียบด้านยุทโธปกรณ์นี้เองที่ทำให้พวกอานูบีสตกเป็นรอง

หากพวกยักษ์ศิลาไม่ได้สวมใส่เกราะถือค้อนเหล็กแต่ใช้ต้นไม้เป็นอาวุธเพียงอาเดียว เกรงว่าพวกมันคงยากจะสู้กับอานูบีส แต่เมื่อมีเกราะและค้อนเหล็กอยู่ในมือ สถานการณ์ก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง พวกอานูบีสพึ่งพาเพียงกำปั้นเปล่าๆ เมื่อเป็นเช่นนี้พวกมันย่อมสู้กับอีกฝ่ายที่มีค้อนยาวอยู่ในมือไม่ได้ หากกำปั้นของอานูบีสต่อยโดนมนุษย์ธรรมดาหรือแม้กระทั่งไพร่พลทัพพยัคฆ์ ผู้ที่โดนหากไม่ตายก็ปลิวกระเด็น ไม่มีหาทางรับหมัดอันหนักหน่วงนี้ได้แน่ พวกอานูบีสเป็นสิ่งมีชีวิตสติปัญญาต่ำ มีเพียงการเคลื่อนไหวอันทื่อด้าน ไม่มีเทคนิคต่อสู้ใดๆ อวัยวะส่วนสำคัญของยักษ์ศิลาล้วนถูกห่อหุ้มไว้ใต้เกราะเหล็กหนาหนัก กระนั้นก็ยังมีบางส่วนที่ไร้เกราะกำบัง การโจมตีไปที่ส่วนเหล่านั้นย่อมสามารถสร้างความเสียหายต่อพวกมันอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าโชคร้ายที่พวกอานูบีสรู้จักแต่โจมตีออกไปทื่อๆ ไม่รู้จักกำหนดจุดโจมตี ดังนั้นทุกครั้งคราล้วนต่อยเข้าใส่เกราะเหล็กอย่างจัง แน่นอนว่าการโจมตีเบาหวิวดุจยุงพุ่งชนนี้ย่อมไม่อาจทำอะไรพวกยักษ์ศิลา กลับกัน การโจมตีของพวกยักษ์ศิลาสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงต่อพวกอานูบีส ในตอนแรก ทุกคนต่างหวาดกลัวรูปร่างที่ใหญ่โตของพวกอานูบีส แต่เมื่อเห็นพวกมันถูกพวกยักษ์ศิลาทุบตีอยู่ฝ่ายเดียวราวกับกระสอบทราย ความกลัวในใจก็พลันสลายไปจนสิ้น พวกเขาหวังให้พวกอานูบีสรีบตกตายโดยเร็วเพราะสุดท้ายพวกเขาก็ไม่ทราบว่ามีเจ้าพวกตัวใหญ่แบบนี้อยู่อีกมากน้อยเท่าใด นอกจากพวกยักษ์ศิลาแล้วก็ไม่มีหน่วยรบอื่นที่จะรับมือกับพวกอานูบีสได้อีก…. เวลานั้นเองกรอมก็ชักดาบยาวจากแผ่นหลังก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีพวกอานูบีส ด้วยการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง รอยแผลลึกจำนวนมากก็ค่อยๆปรากฏขึ้นตามร่างกายของพวกอานูบีส แต่ละดาบของกรอมสามารถสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลจนทำให้พวกอานูบีสต้องร้องอย่างเจ็บปวด โลหิตสีดำรินหลั่งไหลนองพื้น ร่างของกรอมขยับเคลื่อนไหวไต่ขึ้นไปตามร่างกายของอานูบีสพลางฝากรอยดาบไว้ตามทาง เมื่อไปถึงบริเวณไหล่ของอานูบีส กรอมก็ยกดาบขึ้นก่อนจะปักลงไปอย่างแรง อานูบีสตนนั้นกรีดร้องและพยายามยกมือปัดป่ายกรอมออก กรอมแค่นเสียงเย็นก่อนตวัดดาบฟันไปยังลำคอของมัน โลหิตสีดำฉีดพุ่งอย่างแรง อานูบีสพยายามจะคว้าร่างของกรอมอีกครั้ง แต่กรอมนั้นมีทักษะก้าวกระโดดอยู่ มันยังจะจับกรอมได้หรือ? ย๊ากกกกกกก กรอมกู่ร้องขณะที่ปรากฏลำแสงขึ้นห่อหุ้มดาบยาวในมือ วินาถัดมาใบดาบพลันตัดผ่านศีรษะของอานูบีส ตึง…. ศีรษะของอานูบีสร่วงหล่นลงพื้นดิน จากนั้นร่างที่ไร้ศีรษะจึงเอนล้มลง “ยอดเยี่ยม!…..” ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างระเบิดเสียงโห่ร้องอย่างยินดี ในเวลานี้ไม่มีข้อจำกัดทางชาติพันธุ์อีก เมื่อศัตรูร่วมกัน ผู้ที่สังหารศัตรูลงได้ก็คือมิตร กล่าวได้ว่ากรอมได้แสดงให้ทุกคนเห็นถึงวิธีจัดการกับอสูรร่างยักษ์แล้ว อย่างไรก็ตาม ดูการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นนั้นแล้วอาจจะเห็นว่าง่าย ทว่าบุคคลทั่วไปย่อมไม่อาจลอกเลียน หากฝืนกระทำตามคงถูกอานูบีสตบร่วงเหมือนตบยุง นี่คือช่องว่างของความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การลงมือของกรอมปลุกกระตุ้นจิตต่อสู้ของทุกคนขึ้น ทำให้พวกเขากล้าต่อสู้กับพวกอานูบีส แม้จะต้องสูญเสียไปไม่น้อย แต่ยิ่งนานพวกเขาก็ยิ่งจัดการพวกอานูบีสได้ดีขึ้น พวกทหารผสานงานกันได้เป็นอย่างดี บางกลุ่มคอยหลอกล่อ บางกลุ่มคอยโจมตี ในที่สุดพวกเขาก็พบว่าบริเวณหว่างขาของอานูบีสนั้นเป็นจุดอ่อนร้ายแรงที่สุด นั่นเพราะว่าจุดนั้นเป็นจุดอับสายตา ในที่สุดกระแสสงครามก็เอนเอียงมากองทัพฝ่ายจักรวรรดิ ทว่าทันใดนั้นเอง เงาร่างขนาดใหญ่ก็กระโจนออกมาจากฝูงแมลงและโถมเข้าหากลุ่มทหารชาวเมฆา ด้วยการสะบัดขาหน้าอันแหลมคมไม่กี่ครั้ง ร่างของทหารเมฆาโดยรอบก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ จากนั้นเหตุการณ์ก็ราวกับพยัคฆ์กระโจนเข้าสู่ฝูงแกะ ร่างของมันเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางกองทัพจักรวรรดิพลางเข่นฆ่าจนโลหิตหลั่งไหลเป็นธาร เงาร่างนั้นก็คือ แม่ทัพแมลงราแจ็ค แม่ทัพราแจ็คยังคงกล้าหาญแข็งแกร่ง เป็นฮีโร่ที่มุ่งเน้นบุกทะลวงทัพศัตรู มองเห็นแม่ทัพราแจ็คเข่นฆ่าอย่างย่ามใจ เซียวอวี๋ก็เตรียมจะออกคำสั่งรับมือ ทว่าในตอนนั้นเอง เงาร่างสูงใหญ่ก็พลันกระโจนไปอยู่เบื้องหน้าของราแจ็คก่อนจะเหวี่ยงขวานยักษ์ฟันเข้าใส่ เงาร่างนั้นคือคาร์นบลัดฮูฟ! คาร์นชมชอบต่อสู้กับศัตรูที่ดูสมน้ำสมเนื้อเช่นนี้ที่สุด การต่อสู้ที่ใช้กำลังเข้าว่า การต่อสู้ที่ดูป่าเถื่อนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านเสมอ การต่อสู้ดำเนินไปช่วงสั้นๆ ปรากฏว่าคาร์นสามารถรับมือกับราแจ็ค แม้ว่าคาร์นจะตกเป็นรองอยู่บ้าง แต่ภายในระยะเวลาพักหนึ่งราแจ็คจะยังไม่อาจโค่นคาร์นลงได้ มังกรน้อยที่ได้เห็นการต่อสู้เบื้องล่างก็รู้กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะลงไปฟัดกับเขาบ้าง แต่ถูกเซียวอวี๋ปฏิเสธเสียงแข็ง ตอนนี้เซียวอวี๋ติดใจการขี่มังกรบินไปบินมาแล้ว มีหรือที่เขาจะปล่อยสัตว์ขี่แสนสะดวกและลงไปเดินให้เจ็บเท้า? จู่ๆพื้นดินก็สั่นสะเทือนราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังผุดขึ้นมา หางขนาดใหญ่พลันแทงขึ้นจากพื้นและสังหารทหารโดยรอบไปหลายคนก่อนจะมุดหายไปในดิน จากนั้นบริเวณที่เคยมีหางโผล่ขึ้นมาก็กลายเป็นทรายดูด หลายคนที่ไม่ทันระวังก็โดนทรายดูดร่างหายไปจากสายตาพวกพ้องอย่างไม่อาจช่วยเหลือ