เยี่ยเม่ยวางจิ่วหุนบนเตียงซือหม่าหรุ่ย
ซือหม่าหรุ่ยรีบลงมือรักษาคนทันที
ข่าวที่เยี่ยเม่ยกลับเข้ามาถึงเมืองแพร่ออกไปนานแล้ว เหล่าทหารก็มองเยี่ยเม่ยแบกจิ่วหุนเข้ามา
ภายใต้การชักนำของเจ้าเมืองหลิน บรรดาแม่ทัพรวมถึงเหล่าหทารมาถึงหน้าประตูห้องซือหม่าหรุ่ย หวังว่าเยี่ยเม่ยจะรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของจิ่วหุน รีบส่งตัวปีศาจออกมาโดยไว
เยี่ยเม่ยไม่วางใจซินเยว่เยี่ยน กำชับซือหม่าหรุ่ยคำหนึ่งว่า “ข้าจะไปรับซินเยว่เยี่ยน ก่อนข้ากลับมาไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าห้องเจ้าโดยเด็ดขาด”
ทันทีที่คนพวกนี้เข้ามา ต้องสังหารจิ่วหุนแน่ ไม่แน่ว่าซือหม่าหรุ่ยจะรับมือไหว
“เข้าใจแล้ว” หมอสาวพยักหน้า มองประตูทีหนึ่ง เอ่ยเสียงนิ่งว่า “เจ้าวางใจเถอะ ก่อนเจ้ากลับมา ใครก็เข้ามาในห้องไม่ได้สักก้าวเดียว”
“อืม”
เยี่ยเม่ยวางใจ นางไม่เดินออกไปทางประตูหลัก แต่โจนทะยานออกไปทางหน้าต่าง
……
นอกเมือง
ซินเยว่เยี่ยนยังถูกนักฆ่ากลุ่มนั้นล้อมไว้ เยี่ยเม่ยและจิ่วหุนหนีจากไปได้ทำให้นักฆ่าเหล่านี้อยู่ในอารมณ์คุกรุ่น
ทุกคนต่างเอาชีวิตเข้าแลกกับซินเยว่เยี่ยน
ระหว่างต่อสู้ ฝุ่นดินคลุ้งตลบ
ซินเยว่เยี่ยนในฐานะหนึ่งในสามผู้อาวุโสแห่งหมู่ตึกกูเยว่ประมือกับพวกเขาได้ครึ่งชั่วยาม ยังไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อย บนพื้นมีศพคนชุดดำสิบกว่าคน
ในการต่อสู้อย่างดุเดือด คนชุดดำยิ่งไม่อาจรับมือได้
ในเวลานี้เอง บุรุษสวมอาภรณ์รัดรูปสีดำก็เดินเนิบๆ เข้ามา ในมือเขามีกระบี่ยาว ด้านหลังติดตามด้วยคนสิบกว่าคน คนเหล่านั้นกระจายซ่อนตัวอยู่รอบๆ ไม่ลงมือ
ส่วนบุรุษชุดรัดรูปสีดำนั้น ใช้สายตาเต็มไปด้วยไอสังหารมองซินเยว่เยี่ยน
นักฆ่าเห็นผู้มา ก็รีบถอยไปทันที “ลูกพี่”
ซินเยว่เยี่ยนหันไปมองดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นชิงเกอที่อยู่ข้างกายเป่ยเฉินอี้
กระบี่ยาวในมือชิงเกอยกขึ้น ชี้ซินเยว่เยี่ยน ตวาดเสียงนิ่งว่า “สตรีชอบแส่หาเรื่องชาวบ้าน ช่างน่ารำคาญนัก”
“หึ” ซินเยว่เยี่ยนหัวเราะเสียงเย็น สายรัดในมือตวัดใส่ชิงเกอ “ข้าน่ารำคาญแค่ไหน ก็ยังชวนให้คนหลงรักมากกว่าเจ้านายที่ชอบก่อเรื่องก่อราวของพวกเจ้า”
เมื่อนางเอ่ยออกมาเช่นนี้ เป็นการยั่วโทสะของชิงเกอผู้ภักดี
ไอสังหารฉายออกมาจากดวงตาเขา กระบี่ในมือยิ่งเต็มไปด้วยไอเข่นฆ่า “รนหาที่ตาย”
ระหว่างคนทั้งสองปะทะกัน ชิงเกอผู้ติดตามอันดับหนึ่งข้างเป่ยเฉินอี้ย่อมมีวรยุทธ์ไม่ด้อยไปกว่าซินเยว่เยี่ยน เหล่านักฆ่าด้านข้างรีบเข้าไปล้อม ช่วยชิงเกอสังหารซินเยว่เยี่ยน
คราวนี้ ต่อให้ซินเยว่เยี่ยนมีวรยุทธ์สูงส่ง เวลานี้ก็ยากจะรับมือไหว
เวลาผ่านไปเพียงชั่วก้านธูป ซินเยว่เยี่ยนที่กอบกุมชัยชนะเอาไว้แต่แรก ภายใต้การจู่โจมของชิงเกอและกลุ่มนักฆ่า ก็ค่อยๆ ปรากฏแววพ่ายแพ้
“ผู้อื่นเกรงกลัวหมู่ตึกกูเยว่ แต่อี้อ๋องไม่เกรงกลัว แม่นางซิน ในเมื่อเจ้าชอบสอดเรื่องชาวบ้าน วันนี้ก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เถอะ”
ชิงเกอเอ่ยจบ กระบี่ยาวก็พุ่งแทงหน้าอกซินเยว่เยี่ยน
ซินเยว่เยี่ยนหลบอย่างว่องไว แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงการลอบจู่โจมจากด้านหลังได้ ระหว่างที่นางหมุนกายก็ถูกคนชุดดำด้านหลังเสือกกระบี่เข้าใส่บ่า
ครั้นเห็นสถานการณ์ต่อสู้ไม่เอื้อประโยชน์ให้ตน ซินเยว่เยี่ยนยังไม่หวั่นเกรง สายตาเย็นชามองชิงเกอ “คิดจะให้ข้าทิ้งชีวิตไว้ ก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่”
“หนึ่งต่อหนึ่ง เจ้าอาจมีทางรอด แต่หนึ่งต่อสามสิบเจ็ดคน เจ้าไร้หนทางรอดแน่”
ชิงเกอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตัดสินว่าซินเยว่เยี่ยนต้องตายแน่ อีกอย่างนอกจากคนทั้งสามสิบเจ็ดคนแล้ว ยังมีคนที่เขานำมาด้วยอีกสิบกว่าคนหลบซ่อนตัวอยู่
ต่อสู้กับชิงเกอ ซินเยว่เยี่ยนไม่แน่ว่าจะพ่ายแพ้ แต่เมื่อมีคนจำนวนมากล้อมจู่โจม นางยากจะหนีได้
ขณะนี้เอง
เสียงสดใสของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น แฝงไปด้วยไอสังหารเย็นเยียบ “ถ้าอย่างนั้น สองคนสู้สามสิบเจ็ดคนเล่า”
ระหว่างเอ่ย กระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในวงต่อสู้
กระบี่แทงเข้ามาทางด้านขวามือของซินเยว่เยี่ยน เสียบหัวใจคนที่คิดจะลอบจู่โจมนาง คนทั้งหมดหันกลับไปมอง ก็พบสตรีชุดขาวนางหนึ่ง ชายกระโปรงพลิ้วลู่ลม ใบหน้างดงามเย็นชา นั่นก็คือจงรั่วปิง
ชิงเกอเห็นจงรั่วปิงมาช่วยเสริมทัพ ยามนี้พลันตกตะลึง
เมื่อจงรั่วปิงรั้งมือกลับ กระบี่ที่ปักอยู่บนร่างคนชุดดำก็ถูกกำลังภายในชักนำให้กลับเข้าสู่มือนาง
นางใช้กระบี่ชี้ชิงเกอและพวก “บุรุษกลุ่มหนึ่งล้อมโจมตีสตรีคนเดียว นับเป็นความสามารถอันใด วันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าให้เละเลย”
ชิงเกอสายตาเย็นวาบ มองจงรั่วปิง “ดูท่าคงอยากหาที่ตายจนทนไม่ไหวแล้ว หน่วยลอบโจมตี ฆ่า”
สิ้นเสียงชิงเกอ คนชุดดำสิบคนที่เร้นกายอยู่ก็กระโดดออกมา คนสิบคนนี้ยังมีวรยุทธ์สูงล้ำกว่าห้าสิบคนนั้นมาก
ทั้งหมดเข้าล้อมอย่างรวดเร็ว
เมื่อมียอดฝีมือสิบคนเข้าร่วม การมาของจงรั่วปิงก็ไม่ได้ช่วยให้ได้เปรียบมากขึ้นเลย
ทว่าในเวลานี้เอง คนชุดดำผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาชิงเกออย่างลนลาน เมื่อถึงข้างกายก็เอ่ยปากว่า “ลูกพี่ไม่ดีแล้ว เยี่ยเม่ยออกจากเมืองมาแล้ว”
ชิงเกอมองสถานการณ์ตรงหน้า คิดจะสังหารสตรีสองคนนี้ในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้ ทันทีที่เยี่ยเม่ยมาถึง สถานการณ์ก็จะกลับตาลปัตร
เขาตัดสินใจเฉียบขาด มองคนทั้งหมด “ถอย”
คนชุดดำได้รับคำสั่งก็ล่าถอยไป
ในเวลาเดียวกัน ชิงเกอมองสตรีทั้งสองนาง “วันนี้ถือว่าปล่อยพวกเจ้าไปก่อน ครั้งหน้าพวกเจ้าไม่โชคดีแบบนี้แน่”
“แน่จริงเจ้าก็อย่าหนี มาตัดสินแพ้ชนะกับข้าก่อน” จงรั่วปิงไม่ยอมถอย
ถึงแม้ในยามนี้พวกนางไม่ได้เปรียบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พื้นฐานของนางก็จะปรากฏข้อได้เปรียบ สะกดคนพวกนี้เอาไว้ได้
พวกนางไม่แน่ว่าจะแพ้ ดังนั้นเห็นชิงเกอโอหัง นางก็ยิ่งไม่ยินยอม
“ยังมีโอกาสหน้าอีก”
เมื่อเอ่ยจบชิงเกอใช้วิชาตัวเบาล่าถอยออกไปสิบกว่าจ้าง คนชุดดำทั้งหมดติดตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็หายไปในความมืด
เดิมจงรั่วปิงคิดไล่ตามไป ทว่าซินเยว่เยี่ยนรั้งนางเอาไว้ “อย่าไปเลย สถานการณ์ที่ชายแดนไม่สู้ดีนัก ทุกคนต้องการกำจัดจิ่วหุน หากพวกเขาลงมือ เยี่ยเม่ยคนเดียวจะเสียเปรียบได้ เรื่องสำคัญที่สุดของพวกเราในยามนี้คือไปช่วยเสริมทัพให้เยี่ยเม่ย”
“อืม” จงรั่วปิงพยักหน้า
เมื่อเห็นบาดแผลบนบ่าซินเยว่เยี่ยน ก็ล้วงยาออกจากชายเสื้อทำแผลให้สหาย
ซินเยว่เยี่ยนแปลกใจอยู่บ้าง “เจ้ากลับไปถอนหมั้นที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่”
“ถอนหมั้นแล้ว” ระหว่างเอ่ย จงรั่วปิงก็ช่วยรัดผ้าพันแผล
จากนั้นปรายตามองซินเยว่เยี่ยนทีหนึ่ง “ท่านพ่อรู้เรื่องที่ข้าประมือกับเยี่ยเม่ย ทั้งรู้ด้วยว่านางละเว้นชีวิตข้า ด้วยเหตุนี้จึงสั่งให้ข้าเก็บข้าวของ หลังจากถอนหมั้นวันที่สองก็โยนข้าออกจากบ้าน บอกว่าจากการกระทำของเยี่ยเม่ย สมควรคบหาเป็นสหาย ให้ข้ารีบมาช่วยนาง”
พูดถึงบิดา จงรั่วปิงก็จนปัญญา
ซินเยว่เยี่ยนอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก เอ่ยปากว่า “อย่างนั้นพวกเราไปเถอะ”
“ดี”
เมื่อพวกนางเอ่ยจบ ก็เห็นเยี่ยเม่ยวิ่งมาไกลๆ ยามเห็นว่าคนทั้งสองปลอดภัยไร้เรื่องราว เยี่ยเม่ยก็คลายใจลง ไม่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบอีก รีบหมุนกายกลับ “กลับเมืองเถอะ คนพวกนั้นท่าทางดุดัน เกรงว่าซือหม่าหรุ่ยคนเดียวจะรับมือไม่ไหว”