ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่ 299: โต้ตอบอสูรกาย (3)

“ข้าน่ะหรอ ไม่จริงใช่ไหม? ข้าเพิ่งเข้าสู่ระดับจินตันเท่านั้น ในตอนนี้ข้าได้ไปกระตุ้นผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่นแล้วงั้นเหรอ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด

“ฮี่ฮี่ แล้วใครกันขอร้องให้เจ้าแข็งแกร่งผิดปกติเช่นนี้ล่ะ!” นายหงกล่าวออกมา

“โอ้ ให้ตายเถอะ!” ซ่งจงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะอยู่ที่นี่ก่อน แม้ว่าจะผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่นก็ไม่อาจนำพาตัวข้าไปไหนได้ถ้าหากข้าอยู่ในกองทัพอสูรกายนับล้านพวกนี้!”

“ฮี่ฮี่ เจ้าเลือกได้ดี!” นายหงพยักหน้า

“เอาล่ะ ตอนนี้เสียเวลาไปมาก เราต้องกลับแล้ว!” มาดามหงกล่าวต่อ “เด็กน้อยก่อนที่ข้าจะกลับไป ขอถามเจ้าสักอย่าง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำให้ข้าเสียหน้าหรือไม่?”

“ดูท่านกล่าวสิ ดูเหมือนว่าท่านต้องการบอกให้ข้าทำอะไร!” ซ่งจงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ฮี่ฮี่ ข้าไม่สุภาพสินะ!” มาดามหงกล่าวออกมา “ตอนนี้ความเข้าใจผิดทั้งหมดได้คลี่คลาย เจ้ามีหัวใจที่จะกลับคืนสำนักของเรา สาวกของสำนักเสวียนทียนที่เจ้าจับเป็นเชลยตอนนี้ได้กลายเป็นสหายร่วมสำนักของเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าจะปล่อยพวกเขาได้หรือไม่?”

“เรื่องนั้น…” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง “ถ้าหากท่านทั้งสองเอ่ยปากด้วยตนเอง ข้านั้นสามารถปล่อยสาวกของสำนักเสวียนเทียนได้ แต่ทว่าฮัวจิงฉือจะต้องอยู่ตรงนี้เพราะข้าไม่สามารถไปพบบิดาของเขาเพื่อระบายความโกรธได้ เขาจำเป็นต้องอยู่กับข้า!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น ปราณวิญญาณอัดแน่นทั่วไปทั้งบรรยากาศโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าซ่งจงนั้นโกรธแค้นบุคคลผู้นี้มาก

มาดามหงได้ยินเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างพร้อมกล่าวต่อ “เด็กน้อยเอ๋ย เหตุใดจึงไม่สามารถยกโทษให้กับฮัวจิงฉือได้ล่ะ? บิดาของเขาถูกตัดแขนทั้งสองข้างโดยอวุโสของเรา เจ้าควรจะคิดว่าการแก้แค้นนี้จบสิ้นแล้ว!”

“ใช่แล้ว!” นายหงกล่าวออกมา “เขาไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากนักเลย! อีกทั้งเจ้านั้นต้องอยู่ในสำนักเสวียนเทียนซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นสหายร่วมสำนัก แล้วฮัวจิงฉือยังถือว่าเป็นคนของตระกูลฮัวอีกด้วย”

เมื่อได้ยินคู่สามีภรรยากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดพร้อมยิ้มออกมาอย่างขื่นขมและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นคงเป็นข้าที่เลือดออก อย่างไรก็ตามข้านั้นอยู่ในสำนักเสวียนเทียน สามารถเลือดออกได้ตลอดเวลาสินะ ข้าจะยอมปล่อยให้ก็ได้ แต่ทว่าบุคคลที่มาจากสำนักอื่น ข้าจะต้องเก็บพวกเขาไว้!”

“เป็นเช่นนั้นแน่นอน!” นายหงกล่าวอย่างรวดเร็ว “ข้าสนใจสิ่งที่เป็นของสำนักเสวียนเทียนเท่านั้น เพราะว่าพวกเขาเป็นสาวกเก่าของข้า แน่นอนว่าข้าคงไม่สามารถทนได้ถ้าหากพวกเขาถูกจับเป็นเชลยเช่นนี้ ส่วนสำนักอื่น ข้าไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นหรือจะตายไปมากแค่ไหน”

เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนั้น ซ่งจงรู้สึกผ่อนคลายลง เขาสั่งให้อสูรกายนำคนของสำนักเสวียนเทียนออกมาอย่างรีบเร่ง หลังจากที่ทุกคนมองเห็นคู่สามีภรรยาตระกูลหง ทั้งหมดตื้นตันใจพร้อมกับซาบซึ้งอย่างมาก ทั้งสองปลอบโยนพวกเขาอย่างอ่อนโยนเพื่อไม่ให้ร้องไห้

ฮัวจิงฉือตื้นตันมากถึงขั้นที่ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความดีใจ เขารีบเดินเข้ามาทักทายทั้งสองคนทันทีแต่กลับถูกนายหงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แม้แต่มาดามหงที่ใบหน้าสดใสเมื่อครู่ก็กลับกลายเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว ฮัวจิงฉือรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นความผิดที่บิดาของเขาได้ก่อไว้อย่างร้ายแรง เขาจำเป็นจะต้องแบกรับความเกลียดชังนี้ร่วมกับบิดาของตนเองด้วย ในตอนนี้เขาต้องแบกใบหน้าที่ถูกดุด่าต่อหน้าผู้คนอย่างละอายใจ

แต่นับว่าโชคดีที่สองสามีภรรยาตระกูลหงไม่ใช่คนไร้ความยุติธรรม หลังจากที่ทุบตีเขาจนพอใจและเห็นว่าเด็กคนนี้ยอมศิโรราบแล้ว ภายในใจทั้งสองเกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ ทั้งคู่จึงหยุดมือและปากปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆคนเดียว จากนั้นเขาเดินไปเพื่อร่ำลาซ่งจงและออกไปจากที่นี่

หลังจากบุคคลทั้งหมดได้ออกไปแล้ว เหลยซานเอ๋อและอาวุโสเอ๋าเทียนรีบเข้ามาหาซ่งจงอย่างรวดเร็ว เหลยซานเอ๋อจับแขนของซ่งจงพร้อมกล่าวด้วยความกังวล “ฝ่าบาทน้อย ท่านต้องการกลับไปที่ประตูอีกครั้งงั้นหรือ?”

 

“นิดหน่อย!” ซ่งจงไม่คิดจะปิดบังนางจึงตอบออกมาอย่างซื่อสัตย์ “หลังประตูนั้นมีพี่น้องและสหายของข้าอยู่!”

“ท่านไม่ต้องการข้างั้นหรือ?” เหลยซานเอ๋อกล่าวออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้าตาที่เอ่อล้นออกมา

ซ่งจงเห็นเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะ? เจ้าจะเป็นเหลยซานเอ๋อที่ข้าชอบที่สุดตลอดไป!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงช่วยเช็ดน้ำตาให้กับนาง

“จริงหรือ?” เหลยซานเอ๋อยิ้มทั้งน้ำตาพร้อมรีบถาม “ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม?”

“แน่นอนว่ามันคือเรื่องจริง!” ซ่งจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าข้าจะกลับไป แต่ทว่าข้ายังคงเป็นเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก ตราบใดที่เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า!”

เมื่อเห็นว่าซ่งจงยืนยันอย่างหนักแน่นเช่นนี้ เหลยซานเอ๋อและเอ๋าเทียนต่างรู้สึกโล่งใจ

หลังจากเรื่องราวทั้งหมดผ่านไปแล้ว ทั้งสามได้กลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง พอได้นั่งลงแล้ว ซ่งจงรีบถามออกไปอย่างร้อนใจ “อาวุโสเอ๋า ท่านได้ยินข่าวของซูหยูและซูหยุนบ้างไหม?”

“ไม่เลย!” อาวุโสเอ๋าเทียนขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ทาสผู้นี้ได้ส่งสายลับออกไปนับสิบชีวิต แต่กลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของพวกนาง!”

“ท่านได้ส่งคนเข้าไปยังสำนักค่ายกลของพวกนางหรือไม่?” ซ่งจงถามอีกครั้ง “พวกข้าส่งไปแล้ว แต่พวกเขาตอบกลับมาว่าทั้งคู่ได้กลับออกมาจากสำนักและไม่รู้ว่าไปที่ใด ไม่มีใครรู้เลย!”

“บัดซบ ข้าเชื่อว่าพวกมันตุกติก!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างกังวล “เช่นนี้ไม่ดีแน่ ข้าไม่สามารถรอได้อีกแล้ว เจ้าส่งข่าวไปที่สำนักค่ายกลในนามของข้าเลย บอกพวกเขาว่า ถ้าหากไม่ส่งสองพี่น้องซูหยูและซูหยุนมาให้ข้า เช่นนั้นข้าจะทำกองทัพอสูรกายจำนวนหนึ่งล้านตนบุกเข้าไปแย่งชิงนางมาเอง! เมื่อเวลานั้นมาถึงก็อย่าได้กล่าวโทษว่าข้านั้นไร้ความยุติธรรม เรื่องราวทั้งหมดมีให้เห็นแล้วดั่งเช่นที่สำนักพันปีศาจต้องพบเจอ!”

“การขู่เช่นนี้จะดีงั้นหรือ?” เอ๋าเทียนกล่าวออกมา “จะทำอย่างไรถ้าหากพวกเขาจะต่อสู้?”

“เป็นไปไม่ได้!” ซ่งจงกล่าวออกมาเสียงเย็นเฉียบ “พวกเขาไม่ใช่สุนัขที่จะจนมุมแล้วไล่กัด แม้ว่าผู้ฝึกตนมนุษย์จะฉลาดมาก แต่น่าเสียดายที่พวกเขาฉลาดเกินไป ทุกคนตายตกไปเพียงเพราะมีแต่ความฉลาดแต่ขาดความกล้าหาญและความเที่ยงตรง อีกทั้งเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนผู้ฝึกตนขั้นปฐมภูมิทั้งสองจะโกรธเคืองข้าจนไม่ออกมาพบหน้า!”

“ฝ่าบาทช่างหลักแหลมยิ่งนัก!” เอ๋าเทียนชูนิ้วโป้งขึ้นอย่างชื่นชม พร้อมกล่าวต่อว่า “ข้าจะจัดการให้ได้ทันที!”

“อืม เร็วที่สุดยิ่งดี!” ซ่งจงกล่าว

“ตกลง!” เอ๋าเทียนรีบรับปากพร้อมออกไปจัดการทันที

ในตอนนี้ภายในห้องโถงเหลือเพียงซ่งจงและเหลยซานเอ๋อแล้ว แม้ว่าหญิงสาวจะอยู่ในร่างของเด็ก แต่ทว่าสัมผัสของนางนั้นแปลกประหลาดออกไป นางคุกคามต้นขาของซ่งจงอย่างเชี่ยวชาญ ด้วยสิ่งนี้ทำให้ไฟปรารถนาของซ่งจงติดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะระบายมันกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ได้ แม้ว่าไม่อาจปกปิดความรู้สึก แต่เขาจะต้องจัดการมันให้รวดเร็วที่สุดแม้ว่าจะเขินอายอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยินดีอย่างมากที่ได้อยู่กับเหลยซานเอ๋อแต่เขาก็มิกล้า ถึงกระนั้น ซ่งจงก็ยังรู้สึก ว่าการหยอดครั้งนี้ขอเหล่ยซานเอ๋อ ทำเอาพอใจไม่ใช่น้อย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามเดือนมีกองกำลังจากสำนักเสวียนเทียนมาเชิญให้เขากลับไปยังสำนักเสวียนเทียนเพื่อหลบภัย แต่ทว่าในตอนนี้เขายังไม่พบเบาะแสของซูหยู่และซูหยุนจึงไม่อาจตัดสินใจกลับไปได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปักหลักอยู่กับกองกำลังอสูรกายนับล้านที่นี่และคิดว่ามันเพียงพอที่จะปกป้องตัวเขาเองจากศัตรู ซึ่งการทำเช่นนี้สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่นได้หนึ่งถึงสองคนเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นไพ่ตายของซ่งจงนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว นั่นก็คือเรือมังกรทองคำขั้นสอง ซึ่งได้รับการปรับปรุงอย่างเต็มรูปแบบ มันสามารถเข้าสู่สงครามได้อย่างเต็มกำลัง ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ซ่งจงจะสามารถจัดการกับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่นได้ถึงสองคน!

ด้วยหลักประกันเช่นนี้ ซ่งจงจึงไม่ค่อยรีบร้อนนัก เขาทุ่มกำลังไปที่การค้นหาซูหยูนและซูหยุนเสียส่วนใหญ่

หลังจากที่ซ่งจงส่งข้อความไปยังสำนักค่ายกลเมื่อครั้งล่าสุด พวกเขายังไม่ตอบอะไรกลับมา ซึ่งนั่นทำให้ซ่งจงกังวลอย่างมาก การขู่ว่าจะวางกำลังกองทัพเพื่อโจมตี พวกเขาจะต้องตอบกลับมาสิ เหตุใดจึงเงียบเช่นนี้? สองพี่น้องซูหยูและซูหยุนหลังจากกลับไปเยี่ยมอาจารย์ของตน เหตุใดจึงยังไม่กลับมา? ซ่งจงเดินไปมาเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก เขาได้รับข่าวเพียงว่าพวกนางกลับไปที่สำนักและออกมาแล้ว จากนั้นทั้งคู่ได้เข้าใกล้กับสำนักพันปีศาจและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เพราะทุกคนนั้นรู้ดีว่าสองพี่น้องนั้นมีความสัมพันธ์กับซ่งจง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะพยายามลักพาตัวคนรอบข้างของซ่งจงอย่างลับๆ

หลังจากที่ซ่งจงได้รับข่าวนี้ เขาไม่เชื่อโดยง่ายดาย เขาส่งสายลับออกไปเพื่อตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาพบว่ามันเป็นเรื่องจริง เขาจึงต้องรีบจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดด้วยความโกรธจัด

ซ่งจงนั้นส่งข้อความเข้าไปภายในเทือกเขาใหญ่ในนามของเจ้าชายแห่งทะเลตะวันออก ถ้าหากผู้ใดสามารถนำตัวของซูหยูและซูหยุนกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาจะมอบอาวุธวิเศษขั้นแปดพร้อมกับสามารถนำเชลยของเขากลับไปได้ แม้แต่การส่งขาวที่สำคัญก็ยังสามารถขอรับอาวุธวิเศษได้อย่างง่ายดาย!

อย่างไรก็ตาม ซ่งจงได้ขู่ไว้เช่นกันว่าถ้าหากผู้ใดกล้าที่จะสังหารทั้งสองพี่น้อง เขาจะจัดการกับตระกูลของคนผู้นั้นดั่งเช่นหอเฉวียนจี้และสำนักพันปีศาจ ภัยคุกคามที่ซ่งจงได้ปล่อยออกมาทำให้บรรยากาศภายในเทือกเขาใหญ่ปั่นปวน เกิดพายุและลมฝนรุนแรงอย่างมาก

ซ่งจงนั้นระดมสมองทั้งหมดเพื่อค้นหาทั้งสองพี่น้อง แต่ทว่าตอนนี้มีซองสีแดงพร้อมด้านในเขียนว่าเชิญเขาร่วมงานแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะ

ในเวลานั้นซ่งจงรู้สึกแปลกใจอย่างมาก เขานั้นมีชื่อเสียงเป็นราชาปีศาจภายในเทือกเขาใหญ่ แม้แต่ผู้คนจากสำนักเสวียนเทียนยังไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขาแม้แต่น้อย แต่บุคคลผู้นี้กลับเชิญเขาไปร่วมงานแต่งงาน?

ซ่งจงเปิดซองจดหมายทันทีและพบว่ามันมาจากนักบวชเซือหมัว!

ซ่งจงมองจดหมายพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เกิดคำถามมากมายในใจของเขา จากนั้นเขาพึมพำกับตนเอง “สำนักพันปีศาจนั้นถูกทำลายย่อยยับโดยข้า ความสัมพันธ์ของเรานั้นเปรียบเหมือนก้นทะเลลึกกับสวรรค์คาลัย เหตุใดจึงคิดที่จะชวนข้าไปร่วมดื่มในงานแต่งงานของตนเอง? หรือว่ามันจะเป็นแผน?”

เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งจงก็มองไม่เห็นความสำคัญของมันสักเท่าไหร่ เขาวางมันลงบนโต๊ะ แต่ครู่เดียวเขาเฉลียวใจและหยิบมันเปิดขึ้นมา จากนั้นเขาทุบโต๊ะลงอย่างรุนแรงด้วยความโกรธจัดพร้อมตะโกนออกมา “ไอ้สารเลวเซือหมัว บิดาผู้นี้คงจะต้องสั่งสอนเจ้าอีกครั้งหนึ่ง!”

กลับกลายเป็นว่าซ่งจงโกรธจัดเพราะบุคคลที่นักบวชเซือหมัวจะแต่งงานด้วยก็คือซูหยู่และซูหยุน ผู้ที่กำลังเดินทางกลับมาหาเขาแต่กลับถูกลักพาตัวกลางทาง!

เห็นได้ชัดว่าสำนักพันปีศาจต้องการใช้สองพี่น้องนี้เพื่อจัดการกับซ่งจง

แม้ว่าทั้งสองพี่น้องจะยังไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับซ่งจง แต่ทั้งหมดนั้นรู้ตัวดีว่าหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แนบแน่น ซ่งจงจะสามารถอดทนได้อย่างไรกับเหตุการณ์เช่นนี้ เขาจะทนให้สองสาวตกเป็นของเซือหมัวได้อย่างไร? เขาบินออกไปจากห้องโถงทันทีด้วยความโกรธแค้น

อย่างไรก็ตาม ซ่งจงนั้นใจเย็นลงพร้อมกับรวบรวมสติเพราะเขาคิดว่ามันต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอน

สิ่งแรกก็คือถ้าหากนักบวชเซือหมัวต้องการล้างแค้นซ่งจง เขาเพียงแค่สังหารทั้งสองแล้วส่งซากศพกลับมา เพียงเท่านี้ก็ทำให้ซ่งจงระเบิดได้แล้ว แต่ทว่าการจัดงานแต่งงานครั้งนี้มันคืออะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของนักบวชเซือหมัวไม่ใช่การทำให้ซ่งจงโกรธ แต่เป็นการเรียกให้เขาเข้าไปพบ!

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

กดติดดาวไว้ด้วยน้า มันจะได้แจ้งเตือนค่ะ
ใครเชื่อมั่งว่าสำนักเสวียนเทียนจะยอมจริงๆ?
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ

*ผู้แปลขี้โรค