บทที่ 1642 เลือดล้างเลือด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1642 เลือดล้างเลือด

 

ภายในกายาสวรรค์

 

เจตจํานงของฟางหยวนเคลื่อนไหวราวกับมังกรสะบัดร่างและพุ่งลงไปอย่างกะทันหัน

 

“บึ้ม!”

 

เจตจํานงของฟางหยวนทําลายล้างเจตจํานงจํานวนมากที่นอนนิ่งอยู่ก้นทะเลแห่งเจตจํานง

 

อย่างไรก็ตามทะเลเจตจํานงมีขนาดใหญ่มาก การโจมตีของฟางหยวนทําลายเพียงส่วนเล็กๆของมันเท่านั้น

 

“แม้ข้าจะชนะการแข่งขันและครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของกายาสวรรค์ แต่ที่นี่เต็มไปด้วยเจตจํานงของทายาทห้าเซียง หลังจากที่ข้ากําจัดพวกมันออกไป ข้าจะสามารถกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะระดับเก้ากายาสวรรค์ได้อย่างแท้จริง”

 

ทะเลเจตจํานงมีขนาดใหญ่มากแต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือเจตจํานงเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า นั่นทําให้พวกมันแข็งแกร่งราวกับภูเขาหิน วิธีการมากมายของฟางหยวนไม่สามารถใช้งานกับเจตจํานงเหล่านี้ ภายใต้อิทธิพลของท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า ฟางหยวนถูกจํากัดอย่างมาก

 

ฟางหยวนคิดก่อนจะส่งเจตจํานงใหม่เข้าไป

 

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”

 

เจตจํานงควบรวมเป็นดาบ ดาบแห่งเจตจํานงจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปราวกับสายฝนและสร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นในทะเลเจตจํานง

 

เปรียบเทียบกับมังกรแห่งเจตจํานง ดาบแห่งเจตจํานงทรงพลังกว่ามาก

 

ฟางหยวนถอนหายใจ สมกับเป็นวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาระดับแปด!”

 

ตอนนี้เขาเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาสามารถใช้วิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ แม้มันจะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบแต่มันก็มีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปัญญา

 

ฟางหยวนใช้มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะเพื่อสร้างดาบแห่งเจตจํานงจํานวนมาก

 

การใช้ดาบแห่งเจตจํานงทําลายทะเลเจตจํานงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดของฟางหยวน

 

แต่ค่าใช้จ่ายของเขาก็สูงมาก วิญญาณดาบแห่งปัญญาเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด มันต้องใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปด

 

ฟางหยวนคํานวณและพบว่าเขาสามารถแบกรักค่าใช้จ่ายนี้

 

ระหว่างการต่อสู้ในสายธารแห่งกาลเวลา ฟางหยวนเป็นฝ่ายหลบหนีและพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ การพังทลายลงของคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ยังทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดมาถึงตอนนี้

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นโดยฟางหยวนผ่านการรีดไถฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากในการทําเรื่องนี้ แต่สุดท้ายมันก็ยังถูกทําลาย

 

อย่างไรก็ตามเขายังร่ํารวยมาก มิติซ่องว่างจักรพรรดิไม่ต่างจากเหมืองทองคําอันล้ําค่าของเขา

 

“ข้าหวังว่าท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์จะเป็นประโยชน์ต่อข้า”

 

ฟางหยวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

สําหรับท่าไม้ตายทั่วไป ฟางหยวนสามารถตรวจสอบและอนุมานพวกมัน แต่ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าลึกซึ้งเกินไป ฟางหยวนไม่สามารถทําความเข้าใจ

 

นี่คือสิ่งประดิษฐ์ของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งห้วงมิติและเส้นทางแห่งการโจรกรรม แม้มันจะไม่ใช่ท่าไม้ตายสายโจมตี แต่พลังอํานาจของมันก็ต้องไม่ธรรมดา

 

แม้เทพปีศาจปล้นสวรรค์จะไม่ได้อธิบายรายละเอียดของท่าไม้ตายนี้แต่ฟางหยวนสามารถอนม่านบางอย่างจากแง่มุมอื่น

 

เช่นเดียวกับทัศนคติของนิกายเงา

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อของนิกายเงาช่วยไป่หนิงปิงเพื่อให้ได้รับกายาสวรรค์

 

“ม่านเยี่ยนซื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ เขาอาจค้นพบบางสิ่ง ท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์ต้องมีประโยชน์มากสําหรับนิกายเงา”

 

ฟางหยวนเป็นผู้นําคนปัจจุบันของนิกายเงา ท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างแน่นอน

 

นอกจากการกําจัดทะเลเจตจํานง ฟางหยวนยังทําลายตราประทับห้าเซียงและได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่อยู่บนยอดเขาเช่นเดียวกับถ้ําสวรรค์ห้าเซียงแห่งนี้

 

ถ้ําสวรรค์แห่งนี้จะเปิดออกเพียงครั้งเดียวในรอบพันปี มันเต็มไปด้วยทรัพยากร

 

สําหรับผู้อมตะตระกูลฉี พวกเขากําลังยุ่งอยู่กับการหลบหนี พวกเขาไม่สามารถฉกชิงทรัพยากรใดๆ ดังนั้นทั้งหมดจึงตกเป็นของฟางหยวน

 

“บึม!”

 

การระเบิดครั้งใหญ่ฉีกร่างของไป่หนิงปิงออกเป็นชิ้นๆ

 

แต่ในเวลาต่อมาร่างไปเชียงของนางก็ก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีผู้อมตะตระกูลฉีอีกครั้ง

 

ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลฉีกลายเป็นน่าเกลียด

 

ด้วยท่าไม้ตายอมตะไปเชียง ไป่หนิงปิงแทบเป็นอมตะ ตอนนี้นางไม่ได้ต่อสู้เพียงลําพัง อิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลันออกมาช่วยนาง

 

แม้ฟางหยวนจะต้องการให้ไป่หนิงปิงฆ่าผู้อมตะตระกูลฉี แต่เขารู้ขีดจํากัดของนาง นางไม่มีท่าไม้ตายเขตแดนอมตะที่เป็นกุญแจสําคัญของชัยชนะ

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อผู้อมตะตระกูลฉีก้าวเข้าไป พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนีและต้องต่อสู้กับไป่หนิงปิงเท่านั้น

 

“อ๊าก…” เสียงกรีดร้องของผู้อมตะระดับเจ็ดตระกูลฉีดังขึ้นก่อนที่เขาจะเสียงชีวิตจากการโจมตีของไป่หนึงปิง

“ปล่อยข้า” อิงอู๋เซี่ยจับดวงวิญญาณของผู้อมตะตระกูลฉีที่เสียชีวิตทันที

 

ผู้อมตะตระกูลฉีที่เหลือคํารามด้วยความโกรธและตอบโต้อย่างดุเดือด

 

ร่างของไป่หนิงปิงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกครั้งก่อนจะฟื้นตัวกลับมาภายในเวลาไม่กี่ลมหาย

 

แม้ผู้อมตะตระกูลฉีจะมีจํานวนมากกว่า พวกเขาก็ยังแสดงออกด้วยความสิ้นหวัง

 

เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถสังหารไป่หนิงปิงขณะที่พวกเขาถูกขังอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะ สุดท้ายพวกเขาจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้

 

“พวกเราควรทําอย่างไร?”

 

“เราไม่สามารถรับมือไป่หนิงปิง ฟางหยวนโหดร้ายเกินไป เขาลอบจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ในถ้ําสวรรค์ทะเลปราณของเรา!”

 

ผู้อมตะตระกูลฉีระวังตัวมากแต่พวกเขายังถูกจับ

 

พวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนสังหารและค้นวิญญาณฉีช่าย นั่นทําให้เขารู้จักและเข้าใจถ้ําสวรรค์ทะเลปราณเป็นอย่างดี

 

ถ้ําสวรรค์ทะเลปราณเป็นมิติช่องว่างของฉีเซียงในอดีต หลังจากมันถูกวางไว้ในสวรรค์สีขาว มันก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีกและอยู่ที่นี่มาตลอด

 

ฟางหยวนใช้ข้อมูลที่มีสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขึ้นมาอย่างลับๆเพื่อจัดการพวกเขาโดยเฉพาะ

 

“หากสถานการณ์ยังดําเนินไปเช่นนี้ พวกเราจะแพ้”

 

“บัดซบ! ข้าไม่เชื่อว่าท่าไม้ตายอมตะไปเซียงจะไร้เทียมทาน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือได้รับฟันเฟือนใดๆ!”

 

“อย่าลืมฟางหยวน หากเขามาที่นี่ กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ไม่สามารถหยุดเขา!”

 

“เราไม่สามารถหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะ เราต้องให้ฉีปิงซูออกมาและร่วมมือกับเรา เพื่อทําลายค่ายกลนี้!”

 

“ไม่! ฉีปิงซูเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในฐานทัพ หากเขาออกมา เขาต้องเปิดทางเข้า นิกายเงาจะฉวยโอกาสไปที่นั่น!”

 

“ฟางหยวนอาจซุ่มรออยู่ เมื่อถ้ําสวรรค์เปิดออก เขาจะบุกเข้าไปทันที!”

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่ได้มาที่นี่

 

แต่ความเจ้าเล่ห์ของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจของทุกคน ผู้อมตะตระกูลนี้รู้สึกกดดันและหงุดหงิดมาก

 

ในเวลาเดียวกันที่ภาคกลาง ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนมองผู้อมตะที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ

 

ชายหนุ่มผู้นี้แสดงออกเหมือนผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์และผ่านอุปสรรคในชีวิตมามากมาย

 

นี่ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากฟางเลิ้ง

 

เดิมทีฟางเพิ่งถูกประหารชีวิตโดยนิกายกระเรียนอมตะ แต่ฟางหยวนวางแผนแสร้งเสียชีวิตและทําให้ฟางเลิ้งต้องใช้ชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ฟางเจิ้งถูกกดดันโดยมนุษย์ขน เขาผ่านสงครามและติดอยู่ในความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน เขาตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา

 

หลังจากผ่านประสบการณ์ทั้งหมด เขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นแล้ว

 

ต่อมาเมื่อวังสวรรค์บุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางเจิ้งถูกนําตัวมาโดยฟงจิวเก้อ

 

นั่นทําให้เขากลับมายังภาคกลาง

 

“หากข้าจําไม่ผิด นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด?” ฟางเจิ้งมองผู้อมตะที่อยู่ตรงหน้าและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “พวกเจ้าต้องการให้ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดและกลายเป็นปีศาจอมตะเพื่อจัดการฟางหยวน นี่คือการตัดสินใจของฝ่ายธรรมะงั้นหรือ?”

 

ผู้อมตะระดับหกของนิกายกระเรียนอมตะฟานซื่อหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ “ไม่ว่าจะเป็นพลังชนิดใด หากเจ้าใช้มันในทางที่ถูก เจ้าก็คือฝ่ายธรรมะ หากเจ้าใช้มันในทางที่ผิด เจ้าก็คือปีศาจ ดูข้าเป็นตัวอย่าง ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษแต่ข้ายังสามารถช่วยเหลือผู้คนมากมาย เจ้าสามารถทําเช่นเดียวกันกับเส้นทางแห่งเลือด”

 

ฟางเจิ้งส่ายศีรษะ “การบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดของข้ามีไว้เพื่อกําจัดฟางหยวนเท่านั้น หลังจากทั้งหมดเราเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด!”

 

แม้ฟางหยวนจะมีร่างทารกอมตะแต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขายังมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับฟางเลิ้ง

 

ฟานซื่อหลิวพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าไม่ต้องการแก้แค้นแล้วงั้นหรือ? ท้ายที่สุดเขาก็ทําลายหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลของเจ้า”

 

ฟางเจิ้งถอนหายใจ แม้ใบหน้าของเขาจะดูอ่อนเยาว์แต่สายตาของเขาเผยให้เห็นถึงความผันผวนของชีวิต

 

“หลายปีผ่านไป กล่าวตามตรงข้ายังเกลียดเขาแต่ข้าก็เข้าใจเขาแล้ว”

 

“เมื่อข้ายังเด็ก ข้าไร้เดียงสาและโง่เขลา ฟางหยวนดูแลข้าเป็นอย่างดี ในทางตรงข้าม ลุงกับป้าปฏิบัติกับข้าเหมือนตัวประกันและพยายามใช้ประโยชน์จากข้า ข้าควรแก้แค้นคนเช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่ต้องการทําเช่นนั้น”

 

“แน่นอนว่าผู้นําตระกูลแสงจันทร์อ โป้ดูแลข้าอย่างดีเช่นกัน พวกเขามีความตั้งใจจริงที่จะเลี้ยงดูข้าให้เติบโตขึ้น ข้าเต็มใจที่จะแก้แค้นให้กับพวกเขา”

 

“แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้ว…เห้อ.วัฏจักรของการเข่นฆ่ายังดําเนินต่อไปอย่างไม่รู้สิ้นสุด ตอนนี้ข้าไม่ต้องการแก้แค้นอีกต่อไป”

 

การแสดงออกของฟานซื่อหลิวไม่เปลี่ยน เขากล่าว “ดูเหมือนหลายปีที่ผ่านมาเจ้าจะมีประสบการณ์มากมาย”

 

ฟางเจิ้งมองเขาและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “กล่าวไปแล้วเมื่อข้าต้องการแก้แค้น นิกายกระเรียนอมตะไม่สนับสนุนข้าและต้องการกําจัดข้า แต่เมื่อข้าต้องการเลิกแก้แค้น พวกเจ้ากลับต้องการให้ข้าแก้แค้น”

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ สายตาของฟางเลิ้งก็เปลี่ยนเป็นมืดครื้ม “ข้ารู้ว่าข้าไม่มีทางเลือก ข้าทําได้เพียงต้องยอมรับสิ่งนี้เท่านั้น”

 

ดวงตาของฟานซื่อหลิวเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เขาต้องประเมินฟางเจิ้งใหม่ อีกครั้ง “เป็นเรื่องที่ดีที่เราสามารถพูดคุยได้อย่างเปิดเผย”

 

“มันสําคัญงั้นหรือ? ข้ารู้ว่าด้วยวิธีการของพวกเจ้า ข้าไม่สามารถซ่อนความคิดใดๆจากพวกเจ้าได้เลย ถูกต้องหรือไม่?” ฟางเจิ้งหยุดก่อนกล่าวต่อ “ชื่อของวิญญาณดวงนี้คือ?”

 

“เลือดล้างเลือด”