ตอนที่ 1855

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,855 : หมื่นมารรุกราน!

 

“เจ้าอยากลองดูหรือไม่?”

 

ตู้กูหยีตากล่าวถามต้วนหลิงเทียน

 

“ในเมื่อผู้นำตู้กูเสนอ เช่นนั้นข้าจะน้อมสนอง!”

 

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำของตู้กู

 

และทันทีที่เขาจบคำ ปราณสุริยันแรกกำเนิดก็จ่ายลงตราผนึกมาร ก่อนที่เขาจะปาตราผนึกมารเข้าใส่ตู้กูทันที!

 

ซู่มมม!!

 

ตราผนึกมารที่ปาออกมา พุ่งดั่งลูกกระสุนปืนใหญ่จี้เข้าใส่ตู้กู!

 

กลิ่นอายพลังเย็นเยียบน่าพรั่นพรึงที่แผ่ออกมาทั่วตราผนึกมาร พาลให้สีหน้าตู้กูผู้นำตลาดมืดหยินชานเผยความเคร่งขรึมทำราวกับพบพานศัตรูตัวร้าย!

 

ถึงแม้มันจะมั่นใจว่าไม่มีทางถูกตราผนึกมารฆ่าได้แน่นอน แต่จะอย่างไรตราผนึกมารก็มีพลังอำนาจสะกดข่มผู้ฝึกมารนัก! เช่นนั้นมันจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย!!

 

บึม!

 

ตราผนึกมารเมื่อพุ่งเข้าใกล้ร่างตู้กู มันพลันระเบิดพลังออกมาขุมหนึ่ง ปราณมารอันน่ากลัวแผ่พุ่งออกมาผนึกหนา สภาวะคล้ายขุนเขาหนึ่งถล่มลงตู้กู!

 

เผชิญหน้ากับตราผนึกมารที่ปะทุพลังแกร่งกล้า ตู้กูที่นิ่งเฉยในที่สุดก็เคลื่อนไหว

 

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

 

……

 

มันสืบเท้าก้าวออกไปอย่างเชื่องช้าแลดูแผ่วเบา หากทว่าทันใดนั้นเองปราณมารมหาศาลพลันปะทุขึ้นมาท่วมร่าง!

 

ครู่ต่อมาก็คล้ายคนกลับกลายเป็นเงาพราย ยังปรากฏร่างเงาพวยพุ่งออกมาจากร่างนับไม่ถ้วน เพียงเสี้ยวพริบตาน่านฟ้าเหนือหุบเขาก็เต็มไปด้วยเงาร่างตู้กู!

 

“หมื่นมารรุกราน!”

 

เพียงกระซิบกล่าวเสียงเบา เงาร่างนับหมื่นของตู้กูก็เริ่มเคลื่อนไหว ทั้งหมดกรูกันเข้าใส่ตราผนึกมารที่พุ่งมาด้วยสภาวะดุร้ายอย่างไร้ครั่นคร้าม!

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

ทุกที่ทางที่ตราผนึกมารพุ่งผ่าน ทิ้งไว้เพียงเสียงระเบิดสนั่น มวลอากาศวงแล้ววงเล่าปะทุออก ก่อเกิดคลื่นลมแรงพัดพัดจนทุ่งดอกไม้ในหุบเขาล้มเอนไปมาแทบหัก!

 

ปราณมารยิ่งมายังยิ่งหนาแน่นนัก ยามนี้มองไปคล้ายเมฆทะมึนตั้งเค้า!

 

ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!

 

 

หากแต่เงาร่างนับหมื่นไร้ซึ่งความหวดาหวั่น พวกมันพุ่งกรูกันเข้าหาตราผนึกมารฉับไว บังเกิดเป็นเสียงหวีดหวิวของสายลมไม่หยุดหย่อน!

 

ฟังแล้วยังคล้ายเสียงมารร้ายจากนรกคร่ำครวญอยู่บ้าง

 

ตราผนึกมารนั้นแต่เดิมก็คิดแต่จะสยบมาร เมื่อต้องเจอกับเงาร่างที่เกิดจากพลังมารเช่นนี้ แน่นอนว่ามันย่อมพยายามพุ่งไปทำลายให้สิ้นซาก!

 

หากเป็นผู้ฝึกมารที่มีชีวิตมีเลือดเนื้อ เจอตราผนึกมารพุ่งมาแบบนี้คงต้องหวาดกลัวถอยหนี

 

หากแต่เงาร่างดั่งภูตผีเหล่านี้ ไหนเลยรู้ได้ว่าความกลัวคืออะไร!

 

แม้ 10 ร่างจะถูกทำลาย แต่นับร้อย พัน หมื่น ยังอยู่!

 

ไม่นานเงาร่างก็ถูกทำลายไปอีกร้อย…สักพักก็เริ่มเข้าหลักพัน!

 

“หืม?”

 

เมื่อเงาร่างของตู้กูถูกทุบทำลายไปพันกว่า เงาร่างที่เหลือก็ค่อยๆเคลื่อนไหวต่างออกไปจากเดิม

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็พบว่า เงาร่างเหล่านั้นไม่ได้พุ่งเข้าไปอย่างมุทะลุเหมือนก่อนหน้า!

 

ตราผนึกมารเดิมทีสามารถพุ่งไปทุบทำลายเงาร่างเหล่านี้ได้ง่ายดาย ทว่าตอนนี้กลับยากขึ้น เพราะเงาร่างที่เคยทุบทำลายได้ง่ายดาย ตอนนี้พวกมันเสมือนคล้ายมีชีวิต…เริ่มรู้จักหลีกหลบ!

 

บึม!

 

ตราผนึกมารยังคงปะทุพลังออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ทวีความดุร้ายคึกคักปานถูกฉีดเลือดไก่ พุ่งไปหมายถล่มทลายเงาร่างให้สิ้น!

 

ทว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้าครานี้ กลับต้องทำให้ต้วนหลิงเทียนตะลึงแล้วจริงๆ…

 

เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับเงาร่างที่เคลื่อนไหวราวกับตั้งค่ายกล ตราผนึกมารไม่อาจทุบทำลายเงาร่างใด้เพิ่มแม้แต่ตัวเดียว!

 

กระทั่งยังคล้ายมันจะถูกเงาร่างนับหมื่นซัดพลังออกมาปะทะเป็นระยะๆ กลายเป็นถูกจำกัดการเคลื่อนไหวไปเสียฉิบ!

 

เรียกว่ายามนี้เงาร่างนับหมื่นนั่น ราวกับก่อค่ายกลข่ายฟ้าแหสวรรค์ปิดล้อมพัวพันตราผนึกมารเอาไว้ ทำให้มันไม่อาจใช้พลังอานุภาพได้ออก!

 

“นี่คือเวทย์พลังระดับสูงที่ตู้กูมีงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ด้วยไม่คิดว่าตู้กูที่แท้จะร้ายกาจขนาดนี้ อาศัยเพียงหนึ่งเวทย์พลังก็จัดการตราผนึกมารได้อยู่หมัด!

 

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนตู้กูถึงกล้าพูด ว่าหากคิดใช้ตราผนึกมารฆ่ามัน อย่างน้อยๆต้องบรรลุเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!

 

ตู้กูคนนี้นับว่ามีพลังสามารถพอที่จะกล่าววาจาเช่นนั้นได้จริงๆ!!

 

เมื่อเห็นว่าตราผนึกมารไม่อาจทำอะไรได้อีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะดันทุรังอะไรสืบต่อ

 

ตอนแรกเขาคิดว่าหากใช้ตราผนึกมารฆ่าตู้กูได้ จะเป็นการกำจัดปัญหาใหญ่ให้พ้นทาง แต่ไม่คิดเลยว่าตู้กูจะไม่กริ่งเกรงพลังอำนาจของตราผนึกมารแม้แต่น้อย…

 

เพียงห้วงคิด ตราผนึกมารก็หยุดวุ่นวายกับเงาร่างอะไรอีก พุ่งกลับมาเข้ามือต้วนหลิงเทียนทันที

 

“ผู้นำตู้กูนับว่าร้ายกาจสมคำร่ำลือ!”

 

ต้วนหลิงเทียนมองตู้กูด้วยสายตาลึกซึ้งก่อนที่จะเก็บตราผนึกมารกลับไป

 

“สหายน้อย…เจ้าเองก็สมแล้วที่เป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ยังเยาว์อยู่แท้ๆกลับบรรลุถึงเซียนมนุษย์แล้ว…บางทีวันหน้าเจ้าอาจก้าวข้ามบิดาของเจ้าได้”

 

ต้วนหลิงเทียนมองพินิจตู้กู ตู้กูเองก็มองหยั่งต้วนหลิงเทียน

 

และในแววตาที่ตู้กูใช้มองต้วนหลิงเทียนก็แฝงเร้นไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด

 

ถึงแม้ในอดีตมันก็เคยส่งคนไปพยายามจับตัวต้วนหลิงเทียน แต่มันก็ไม่ได้คิดใช้ชีวิตต้วนหลิงเทียนไปข่มขู่ต้วนหรูเฟิงแม้แต่น้อย เพียงแค่นึกสนุกอยากให้ต้วนหรูเฟิงร้อนรนใจสักครา ลดทอนจิตวิญญาณความห้าวหาญของอีกฝ่ายบ้างอะไรบ้าง

 

การต่อสู้ระหว่างมันกับต้วนหรูเฟิง มันไม่คิดเล่นสกปรกหรือเล่นนอกเกมส์แม้แต่น้อย!

 

เช่นนั้นตั้งแต่ต้นจนจบมันจึงไม่ได้มีอคติอะไรกับต้วนหลิงเทียน

 

กระทั่งยังชื่นชมความสามารถของต้วนหลิงเทียนจากใจ

 

“ขอบคุณสำหรับคำชมของท่าน ผู้นำตู้กู”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ

 

“หากข้าเดาไม่ผิด…อัจฉริยะรุ่นเยาว์นาม หลิงเทียน ของตำหนักฟ้าลี้ลับก็เป็นเจ้าเองสินะ?”

 

ทันใดนั้นคล้ายคิดอะไรได้ออก ตู้กูหยีตามองต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวถามออกมาทันที

 

“ไฉนผู้นำตู้กูถึงถามแบบนี้เล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้สึกแปลกใจเป็นธรรมดา เพราะเรื่องนี้มีน้อยคนนักที่รู้

 

กระทั่งรองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 อย่างเฝิงปู่อี้กับจงฉีชานเองก็ถึงกับหันไปมองผู้นำของตัวเองทันที “ท่านผู้นำ นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน คนนี้น่ะหรือ…จะเป็นศิษย์อัจฉริยะของตำหนักฟ้าลี้ลับ หลิงเทียน คนนั้นไปได้?”

 

เป็นไปได้ด้วยเหรอ?!

 

เรื่องนี้พวกมันทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะสงสัย

 

“น้องเฝิงเจ้าเองก็เคยไปตำหนักฟ้าลี้ลับมาแล้ว เจ้าสมควรเคยพบกับหลิงเทียนคนนั้น…มันใช่หน้าตาเหมือนนายน้อยตำหนักเมฆาครามหรือไม่? หรือว่ามีผู้ใดใช้หน้าปลอมอันใดทำนองนั้น?”

 

จงฉีชานส่งเสียงกล่าวถามเฝิงปู่อี้ทันที

 

เฝิงปู่อี้นั้นได้ทำตามคำสั่งของผู้นำตู้กู จนเดินทางไปยื่นกิ่งมะกอกให้ ‘หลิงเทียน’ ถึงตำหนักฟ้าลี้ลับมาแล้ว เรียกว่าไม่มีใครในตลาดมืดหยินชานจะรู้จักหลิงเทียนดีกว่ามัน!

(ยื่นกิ่งมะกอก = ยื่นข้อเสนอ)

 

“หลิงเทียนของตำหนักฟ้าลี้ลับผู้นั้น ข้ามั่นใจมากว่ามิได้ปลอมแปลงรูปโฉมแน่…อีกทั้งหลิงเทียนคนนั้นอย่างดีก็แค่มีรูปร่างทรงเดียวกับต้วนหลิงเทียนคนนี้และก็มีชื่อคล้ายกันเท่านั้น แต่ใบหน้ากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรที่ทั้งคู่เหมือนกันเลย…”

 

เฝิงปู่อี้กล่าวตอบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

“แถมทั้งหลิงเทียนและต้วนหลิงเทียน ก็ไร้ร่องรอยแปลงโฉม…ในเมื่อคนสองคนมีใบหน้าไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย แล้วไฉนท่านผู้นำถึงสงสัยว่าจะเป็นคนๆเดียวกันไปได้?”

 

จากนั้นเฝิงปู่อี้ค่อยกล่าวเสริมด้วยความสงสัย มันยังงงไม่หายว่าไฉนผู้นำถึงกล่าวออกมาแบบนั้น

 

“ทำไมข้าถึงถามเรื่องนี้น่ะเหรอ…?”

 

เผชิญหน้ากับคำถามของต้วนหลิงเทียน ตู้กูกล่าวย้อนด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ใบหน้าไม่เผยอารมณ์ใดออกมา “ง่ายนัก…ชื่อของเจ้า แล้วก็คนผู้นี้!”

 

กล่าวจบตู้กูก็หันไปมองกู่ลี่ที่ยืนข้างๆต้วนหรูเฟิง

 

“หากข้าจำไม่ผิด บุตรชายของผู้พิทักษ์กู่ซืออวิ๋นนั้นมีสหายน้อยคนนัก และด้วยพรสวรรค์นั่น คงยากที่จะมีสหายที่ไม่หวังผลประโยชน์…นับประสาอะไรกับสหายรู้ใจ!”

 

ตู้กูกล่าวออกไม่รีบไม่ร้อน

 

วาจาไม่กี่คำของมัน ทำให้กู่ลี่สะท้านใจไม่น้อย

 

แต่เรื่องที่ตู้กูจะล่วงรู้เรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่ได้แปลกอะไร

 

เพราะหากข้อมูลเพียงเท่านี้ยังไม่อาจสืบค้นได้ ก็ไม่คู่ควรจะเป็นผู้นำตลาดมืดหยินชานแล้ว!

 

“ก่อนหน้าที่หลิงเทียนจะปรากฏตัว ข้าไม่เคยได้ยินว่ากู่ลี่จะคบหาผู้ใดในตำหนักฟ้าลี้ลับเป็นสหายสักคน…สุดท้ายจึงได้เจอสหายคอเดียวกันเช่นหลิงเทียน อีกทั้งกู่ลี่ก็ได้เดินทางออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับมากว่าครึ่งปีแล้ว และเท่าที่รู้ตอนนี้กู่ลี่สมควรมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคเบื้องบนกับสหาย…ทว่าการที่วันนี้กู่ลี่กลับมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เห็นชัดว่าเจ้าสมควรเป็นหลิงเทียนไม่ผิดแน่!”

 

ตู้กูกล่าวอธิบายพร้อมข้อมูล

 

สักพัก มันก็กล่าวเสริมสืบต่อ “แน่นอนว่าข้ายังไม่อาจเข้าใจได้ ว่าเจ้าใช้กลวิธีเลิศล้ำอันใดในการแปลงโฉมกันแน่…”

 

ต้องกล่าวเลยว่าจากคำพูดของตู้กู ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักอะไรได้หลายอย่าง

 

ผู้นำตู้กูคนนี้ไม่เพียงมีพลังฝีมือกล้าแข็ง แต่ยังฉลาดไม่น้อย ยังปะติดปะต่อเรื่องราวได้เก่งนัก

 

ต่อหน้าตู้กู ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนตัวเปล่าคล้ายถูกจับถอดเสื้อผ้าอยู่บ้าง

 

ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอึดอัดพิกล

 

กู่ลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินการคาดเดาของตู้กูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม

 

ไม่คิดเลยว่าตู้กูจะเดาได้เพราะเรื่องนี้

 

กลับกันด้านต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่ไม่ได้แปลกใจอะไรสักเท่าไหร่ เพราะพวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะพึ่งรู้จักกับตู้กูแค่วันสองวัน

 

“ข้ากล่าวใดผิดหรือไม่?”

 

เห็นต้วนหลิงเทียนมองมาแต่ไม่พูดอะไร ตู้กูก็รู้คำตอบแล้ว…

 

“สมแล้วที่เป็นผู้นำตลาดมืดหยินชาน มีผู้นำตู้กูทั้งคน ไหนเลยตลาดมืดหยินชานจะไม่รุ่งเรืองได้…”

 

สูดลมหายใจเข้าคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวชมเชยออกมา

 

“เฮ่ จ้าวตำหนักต้วน ท่านคงไม่ขัดข้องใจอันใดหรอกนะ ที่ได้ยินลูกชายกล่าวชมข้าแบบนี้?”

 

ได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวชม ตู้กูพลันหันไปยักคิ้วกล่าวถามต้วนหรูเฟิงด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

 

“ทั้งภูมิภาคเบื้องล่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าผู้นำตู้กูเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ข้ายังต้องขัดข้องใจอันใด?”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวตอบด้วยใบหน้าเฉยเมย

 

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

 

หลังหยีตามองต้วนหรูเฟิงพักหนึ่ง ค่อยสลับมามองต้วนหลิงเทียน ใบหน้าตู้กูก็กลายเป็นสบายๆไม่ยินดียินร้าย กล่าวออกเสียงเรียบ “เอาล่ะ เช่นนั้นก็ทักทายกันแต่เท่านี้ แยกย้ายกันพักผ่อนเถอะ อีก 2-3 วันเจอกัน…”

 

หลังจากนั้นตู้กูก็ไม่ได้เรื่องมากอะไร เลือกบ้านพักหลังหนึ่งและเข้าไปพักผ่อนทันทีไม่สนใจใคร

 

ปล่อยให้เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานยืนอื้ออึงอยู่ตรงนั้น…

 

‘ผู้นำตลาดมืดหยินชางคนนี้นับว่าอ่านยากจริงๆ…พิลึกคน’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

ตอนแรกเขามีอคติกับผู้นำตลาดมืดหยินชานคนนี้ไม่น้อย เพราะได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูของบิดา

 

แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกมีอคติต่ออีกฝ่าย

 

แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ว่าเขาจะทำตัวเป็นกลางอะไร

 

หากบิดาเขาสู้กับตู้กู แน่นอนว่าเขาต้องยืนหยัดข้างบิดา

 

ไม่ใช่เพราอะไรอื่น แต่เป็นเพราะเป็นบิดาเขา!

 

‘จะ…เจ้านี่ก็คือหลิงเทียนจริงๆงั้นเหรอ?! ตั้งแต่เมื่อใดที่ภูมิภาคเบื้องล่างมีทักษะแปลงโฉมเลิศล้ำเพียงนี้!?’

 

หากจะถามว่าในที่นี้ใครตกใจที่สุด ก็เห็นทีจะเป็นเฝิงปู่อี้! เพราะมันเป็นคนเดินทางไปยังตำหนักฟ้าลี้ลับ และยังยื่นข้อเสนอให้ ‘หลิงเทียน’ ด้วยตัวเอง…

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงตกตะลึงกับทักษะแปลงโฉมอันน่าเหลือเชื่อของต้วนหลิงเทียน!

 

ถึงแม้จงฉีชานเองก็ตกใจ หากแต่ยังไม่เท่ากับเฝิงปู่อี้!

 

เพราะวันที่พบเจอหลิงเทียน เฝิงปู่อี้ได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบละเอียดแล้ว พอมาวันนี้มันก็ใช้สำนึกเทวตรวจสอบใบหน้าต้วนหลิงเทียนเช่นกัน แต่กลับไม่พบอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย!