ตอนที่ 517 อู่เหมยได้หมดความอดทนแล้ว + ตอนที่ 518 ผลประโยชน์ที่ดี

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 517 อู่เหมยได้หมดความอดทนแล้ว + ตอนที่ 518 ผลประโยชน์ที่ดี โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 517 อู่เหมยได้หมดความอดทนแล้ว

คำถามของอู่เหมยเป็นดั่งปลายแหลมของคมมีด ที่แทงทะลุเข้าสู่หัวใจของเหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัว ลูกสาวของเขาพูดถูก ทำไมพวกเขาถึงได้ประมาทเช่นนี้?

ทำไมไม่ไปติดต่อหรือสืบหาความจริงของเรื่องนี้?

พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ลูกสาวของเขาจะต่อว่า!

อู่เจิ้งซือเข้าใจว่าอู่เหมยไม่เต็มใจยอมรับพวกเหยียนซินหย่า จึงแอบนึกดีใจ ไม่แปลกเลยที่บอกว่าบุญคุณคนให้กำเนิดยังไม่ยิ่งใหญ่เท่าบุญคุณคนที่เลี้ยงดู ต่อให้จะเป็นลูกแท้ๆ หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เคยเลี้ยงดูให้เติบโตมา ก็ถือว่าเป็นความสนิทชิดเชื้อ

อู่เหมยก็คือตัวอย่างใหม่นี้ที่เพิ่งเกิดขึ้น

“เหมยเหมย ลูกอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระจากคนพวกนี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อ หนูไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนพวกนั้นเลย!”

อู่เจิ้งซือพยายามที่จะพยุงตัวลุกขึ้น เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าออก และส่งรอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูให้กับอู่เหมย แต่ร่องรอยฟกช้ำดำเขียว อาการบวมเป่ง รวมถึงคราบเลือดที่มี กลับทำให้เขาดูน่ารังเกียจ

จ้าวอิงหัวโกรธจนเดือนดาลแทบอยากพุ่งตัวเข้าไปต่อยอู่เจิ้งซืออีกสักหมัด แต่เขาก็ฝืนทนเอาไว้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพาลูกสาวของเขากลับไป ส่วนอู่เจิ้งซือนั้นรอให้มีโอกาสค่อยกลับมาคิดบัญชีใหม่

อู่เหมยเริ่มใจเย็นลงบ้าง เพราะเธอไม่ใช่ท่อนไม้ ใครจริงใจหรือใครที่เสแสร้ง เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง!

เหตุที่เธอไม่ยอมรับเหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัว ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากยอมรับ แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกประหม่า

แค่เหยียนซินหย่าและสามียืนอยู่ต่อหน้าเธอ ก็ได้ทำให้เธอมีความกล้ามากพอ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรต่ออู่เจิ้งซืออีก เธอกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ไม่กล้าพูดมาก่อน

“ถ้าหากหนูเป็นลูกของคุณจริงๆ งั้นคุณช่วยบอกหนูทีได้ไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเหมือนหนูเป็นดั่งคนใช้ แต่อู่เยวี่ยเป็นดั่งเจ้าหญิง คุณเองไม่เคยถามถึงสิ่งใดที่เกิดขึ้นเลย คอยแต่จะให้เธอมาทำร้ายฉัน!”

ตั้งแต่ที่ได้เจอกับเหยียนซินหย่า อู่เหมยก็ไม่เรียกเหอปี้อวิ๋นว่าแม่อีกเลย ต่อให้ต้องเล่นละครเธอก็ทำไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกอึดอัดใจ!

รอยยิ้มบนใบหน้าของอู่เจิ้งซือได้จางหายไป เขาตอบคำถามของอู่เหมยไม่ได้ จึงทำได้แค่ฝืนพูดออกมา “แม่หนูแค่ลำเอียงไปหน่อย สิ่งนี้พ่อยอมรับ แต่พ่อก็ปฏิบัติกับลูกทั้งสองได้เท่าเทียมกัน ช่วงพักหลังมานี้พ่อดีกับเหมยเหมยมากกว่าด้วยซ้ำ!”

อู่เหมยพูดอย่างเย็นชา “นั่นเพราะหลังจากที่หนูได้รางวัลวาดภาพค่ะ เพราะหนูไม่ใช้อู่เหมยคนเดิมที่ใครๆ ต่างมองว่าน่าสงสารและเป็นแค่อีตัวอัปลักษณ์อีกแล้ว เพราะหนูสามารถทำให้คุณได้เชิดหน้าชูตา เวลาที่คุณพูดถึงหนูจะได้ไม่รู้สึกอับอายขายขี้หน้า อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติมากด้วย”

“เหมยเหมย ทำไมถึงพูดกับพ่อเขาแบบนี้ได้ล่ะ? พ่อเขาดีกับเธอไม่พอเหรอ? เด็กคนนี้ช่างไม่รู้บาปบุญคุณโทษเอาเสียจริง!”

จนถึงตอนนี้คุณปู่อู่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เขาเพียงแค่นึกสงสารลูกชายคนเล็ก ที่ถูกใครหน้าไหนไม่รู้ต่อยจนใบหน้าฟกช้ำ และไหนจะหลานสาวที่พูดถึงแต่ข้อเสียของลูกชายต่อหน้าคนนอกอีกจำนวนไม่น้อย

เป็นลูกหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ!

เหอปี้อวิ๋นพูดถูก!

ใบหน้าของอู่เหมยดูเย็นชา เธอไม่แม้แต่จะให้ความสนใจต่อคุณปู่เลยสักนิด จนถึงตอนนี้ทุกคนถึงได้รับรู้ว่าอู่เหมย ไม่ใช่คนเดิมที่เป็นดั่งหนอนตัวน้อยที่น่าสงสารอีกต่อไป!

“ดีกับหนูเหรอคะ? ทำไมหนูไม่รู้สึกแบบนั้นล่ะ ครอบครัวพวกคุณมีแต่จะหวังผลประโยชน์ เพราะหนูสามารถเป็นหน้าเป็นตาให้พวกคุณได้ หากว่าตอนนี้หนูยังเป็นอู่เหมยคนเดิม ต่อให้หนูถูกเหอปี้อวิ๋นตีจนตาย ก็คงไม่มีใครออกมาพูดอะไรแม้แต่คำเดียว!”

“และยังมีอู่เยวี่ย เธอทำร้ายหนูตั้งหลายครั้ง แต่พวกคุณมีใครลงโทษเธอบ้างเหรอ? แต่หากว่าเปลี่ยนเป็นหนูที่เป็นคนทำร้ายอู่เยวี่ย เกรงว่าหนูคงจะไม่มีชีวิตรอดอยู่ได้สินะ?”

อู่เหมยยิ่งพูดเสียงของเธอก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธแค้นทั้งสองภพชาติรวมกัน ในที่สุดในวันนี้ก็ได้ระเบิดออกมา!

เธอจ้องมองทุกคนในตระกูลอู่ด้วยสายตาดุดัน พร้อมทั้งตะโกนคำพูดต่างๆ นานาที่เธออยากจะพูด “พวกคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่หนูหวังไว้คืออะไร? นั่นก็คือการที่หนูหวังว่าตัวฉันไม่ใช่คนในตระกูลอู่ หวังว่าหนูจะเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่!”

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 518 ผลประโยชน์ที่ดี

ทุกคนต่างตกใจถึงความโกรธแค้นของอู่เหมย และต่างก็มีความคิดที่ต่างกันออกไป คนในตระกูลจ้าวต่างรู้สึกเจ็บปวดและนึกสงสารเห็นใจเธอ แต่คนในตระกูลอู่กลับจับต้นชนปลายได้ยาก

คุณปู่อู่และอู่เจิ้งซือต่างคิดไปว่าอู่เหมยไม่รู้จักบาปบุณคุณโทษ อะไรคือการที่ทำดีกับเธอเพื่อผลประโยชน์?

แค่ทำดีด้วยก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?

ไหนจะบอกอีกว่ายอมที่จะเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่?

ช่างเป็นหมาป่าอักกตัญญูจริงๆ เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่จะกินอยู่สุขสบายแบบนี้หรือ? จะมีโอกาสได้เรียนวาดรูปเรียนเต้นรำ และมีชีวิตที่ดีแบบนี้หรือ? อู่เจิ้งซือมองอู่เหมยด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา เขานึกไม่ถึงมาก่อนว่า ลูกสาวคนเล็กที่ดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ในใจกลับซ่อนเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมายขนาดนี้ ปิดบังเขาได้น่าเจ็บแสบนัก!

อู่เยวี่ยที่หลบอยู่ในห้อง ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียด และความแค้น ยายชั่วอู่เหมย ที่แท้มันก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะรู้สึกไม่ถูกชะตากับมันมาตั้งแต่เด็ก!

อู่เยวี่ยบ่นโกรธกับตัวเองและหาคำอธิบายที่ดีให้ตัวเองเรื่องอู่เหมยได้แล้ว ความรู้สึกผิดต่อเรื่องแย่ๆ ที่เธอทำไปเมื่อคืน แน่นอนว่าไม่มีอยู่แล้ว ในเมื่ออู่เหมยไม่ใช่คนในครอบครัวเธอ เพราะอย่างนั้นหากเธออยากจะด่าก็ด่า หรืออยากจะตบตีก็ทำได้ เพราะอู่เหมยต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของเธอ

แต่สิ่งที่ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกโกรธแค้นริษยานั่นคือ ทั้งสองสามีภรรยาอย่างจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าแค่มองก็รู้ว่าเป็นบุคคลที่มีฐานะ และมีหน้ามีตาทางสังคม ยิ่งมองสิ่งที่พวกเขาสวมใส่อยู่บนร่างกาย และไหนจะตอนที่อยู่หลังเวทีในโรงละครอีก คนที่บอกว่าเป็นหัวหน้าเลขานั่น อยู่ต่อหน้าจ้าวยิงหัวยังไม่กล้าแม่แต่ยืดตัวตรงได้

สวรรค์ช่างมีตาหามีแววไม่ ทำไมถึงได้ประทานพ่อแม่แท้ๆ ที่ดีขนาดนี้มาให้ยายโง่นั่นได้?

ในตอนนี้ยายโง่นี่ทั้งร้องได้เต้นเป็น วาดรูปได้ และไหนจะการเรียนของเธอที่ดีขึ้นอีก รูปร่างหน้าตาก็ดี หากว่าได้พ่อแม่ที่คอยสนับสนุนแบบนี้ ต่อไปอนาคตของอู่เหมยจะต้องดีขึ้นได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรมากเลย!

แล้วแบบนี้เธอจะทำอย่างไรให้ยายโง่นั่นสยบแทบเท้าเธอ?

อู่เหมยจะมีชีวิตดีกว่าเธอไปไม่ได้!

ตอนแรกอู่เยวี่ยดีใจมากที่อู่เหมยไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเธอ แบบนั้นในบ้านก็จะมีเธอเพียงคนเดียว ไม่มีใครมาแย่งความรักไปจากเธออีก และเธอเองก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเจ้าหญิงเหมือนเดิม

แต่ยิ่งเธอนึกได้ว่าต่อไปอู่เหมยจะใช้ชีวิตได้เป็นดั่งเจ้าหญิงมากกว่าเธอ ในใจของเธอก็รู้สึกไม่พึงพอใจขึ้นมา เกลียดที่ทำไมสวรรค์ถึงไม่ส่งคนจนๆ และอัปลักษณ์มาเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของยายโง่นั่นลงมาบ้าง?

ต่อให้อู่เยวี่ยจะมีแต่ความไม่ยินยอมอยู่ร้อยอย่างพันอย่าง แต่เธอก็ไม่สามารถยับยั้งอะไรได้ แม้กระทั่งเดินออกไปจากห้องเธอยังไม่กล้า เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณย่าอู่

บนโซฟามีคุณย่าอู่ที่นอนพิงอยู่ด้วยใบหน้าซีดเผือด เธอได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย อันที่จริงควรจะต้องได้นอนพักอยู่บนเตียง แต่เธอจะทนนอนอยู่เฉยๆ ได้อย่างไรล่ะ คำพูดกล่าวโทษของอู่เหมยทำให้ไฟร้อนของความโกรธปะทุขึ้น ความเจ็บปวดก็เริ่มปะทุรุนแรงขึ้น

“ฉันไม่เคยพบไม่เคยเห็นเด็กที่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษอย่างเธอมาก่อนเลย แม้ว่าแม่ของเธอจะไม่ได้เรื่อง แต่พ่อของเธอ ปู่ของเธอ ลุงของเธอ แล้วก็พี่ของเธอทำเรื่องไม่ดีต่อเธองั้นเหรอ? พี่สาวแกทำร้ายอะไรเธอเหรอ? ทุกวันนี้ถึงได้เอาแต่ค้านต่อพี่  พี่เธอดีกว่าตัวเธอเองเป็นไหนๆ อีก!”

คุณย่ารู้สึกสงสารลูกชายและหลานสาวตัวเองเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกขัดตากับอู่เหมย หากว่าไม่ต้องคำนึงถึงคุณปู่อู่ เธอคงจะบอกให้จ้าวอิงหัวเอาตัวอู่เหมยกลับไป ใครจะสนกันว่าเธอเป็นลูกหลานบ้านไหน!

ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนหลานสาว หลานสาวอย่างอู่เหมยมองอย่างไรก็ดูขวางหูขวางตา!

อู่เหมยมองหญิงชราที่ล้มไปจนเกือบตาย แต่ยังคอยออกตัวปกป้องอู่เยวี่ยได้ ช่างน่าหัวเราะเยาะ และเธอก็หัวเราะออกมาจนทำให้ทุกคนในตระกูลอู่ต้องขนหัวลุก

สองสามีภรรยาอย่างจ้าวอิงหัวกลับยิ่งเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะสัมผัสกับคนในตระกูลอู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่เขากลับเห็นถึงความเห็นแก่ตัว ความเลือดเย็น และผลประโยชน์จากคนบ้านนี้ได้อย่างชัดเจน

ไม่แปลกเลยที่เด็กอายุน้อยอย่างอู่เหมยจะมีแผนการในใจ ทั้งหมดเป็นเพราะคนพวกนี้บีบให้เธอต้องแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา!

และเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าลูกสาวผู้น่าสงสาร ได้รับความทุกข์ทรมานมากเพียงไหน ถึงได้กลายเป็นเธออย่างเช่นในตอนนี้!

…………………………………………………………………………………………..