ถนนไม่ยาวหรือสั้นเกินไป แต่อย่างน้อยมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนสองคนได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ และละลายความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็นออกไป ดังนั้นทั้งสองจึงสามารถเรียนรู้กันและกันได้มากขึ้น

       หลิน ชูจิ่ว ยอมรับว่าหลังจากพูดคุยกับเสี่ยวเทียนเหยาอย่างใจเย็นแล้วความแค้นของเธอที่มีต่อเขามันก็ไม่ได้ลึกอย่างที่เคยเป็นมาก่อน ความสนใจของชายคนนี้มักจะมาก่อนเสมอ เขามักจะโหดเหี้ยมกับเธอ แต่มันก็เพื่อประโยชน์ของเธอ

       เมื่อรถม้ากำลังจะถึงตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ หลิน ชูจิ่วที่ยังคงโอบกอดแขนของเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ ก็พูดด้วยความระมัดระวังน้อยลง เธอกล้าเล่นกับความอดทนของเสี่ยวเทียนเหยา เธอต้องการที่จะรู้ว่าเขาสามารถทนเธอได้มากแค่ไหน

       รถม้าหยุดลง ทหารคุ้มกันและคนรับรถม้าก็พูดขึ้น“ หวางเย่ หวางเฟย เรามาถึงแล้วขอรับ”

       หลิน ชูจิ่ว ต้องการจะลุกขึ้น แต่เธอก็ถูกอุ้มโดยเสี่ยวเทียนเหยา “เปิดประตู”

“หวางเย่ ปล่อยข้า” เธอไม่ต้องการถูกอุ้มเข้าไปในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ มันน่าละอายเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นเธอกับเสี่ยวเทียนเหยายังไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้น ไม่ใช่หรือ

“เจ้าปาดเจ็บ” เสี่ยวเทียนเหยาอุ้มนางลงมาจากรถม้าแม้จะมีการประท้วงก็ตาม

“ข้าเจ็บหลัง ไม่ใช่เท้าของข้า ท่านไม่จำเป็นต้องอุ้มข้า ข้าสามารถเดินไปเองได้” หลิน ชูจิ่วโกรธมากจนเธอไม่กล้ามองดูการแสดงออกของหทารคุ้มกัน เธอฝังใบหน้าของเธอลงไปบนไหล่ของเสี่ยวเทียนเหยา โดยแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       เสี่ยวเทียนเหยา มองหลิน ชูจิ่วที่ซ่อนใบหน้าของนางไว้ที่ไหล่ของเขา และช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่บอกนางว่านางไม่จำเป็นต้องซ่อนใบหน้าของนาง เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังอุ้มนาง

       ทหารคุ้มกันของเขายังไม่กล้ามองเขาตรงๆด้วยซ้ำ

       เสี่ยวเทียนเหยา พาหลิน ชูจิ่วไปจนถึงห้องของเขา หลิน ชูจิ่วผู้ซึ่งกำลังฝังหัวเธอลงไปจึงไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เธอได้ค้นพบเมื่อเสี่ยวเทียนเหยาวางเธอลงแล้วเท่านั้น“ นี่ไม่ใช่ห้องของข้า”

“มันไกลเกินไป แล้วแผลของเจ้าก็ต้องได้รับการดูแลในทันที” เสี่ยวเทียนเหยาให้เหตุผลที่เหมาะสมมาก“เจ้านั่งลงก่อน เปิ่นหวางจะดูแลเจ้าเอง”

“ข้าจะกลับไปที่ห้องของข้าและทานยา” หลิน ชูจิ่วไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์แบบนี้ มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในเย็นนี้ เธอต้องการเวลาคิด

       เสี่ยวเทียนเหยา ขมวดคิ้วและถามขึ้น“เจ้าแน่ใจหรือ?”

“ อืม ข้าแน่ใจมาก” เสี่ยวเทียนเหยานั้นหยิ่งยโสเกินไป นางยังไม่เคยชินกับการอยู่ตามลำพังกับเขา นางเพียงไม่มีทางเลือกอื่นในรถม้า

“ ได้ เปิ่นหวาง จะให้คนไปส่งเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยาไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาหันหลังกลับไปและให้คนไปส่งหลิน ชูจิ่วหลับไปที่เรือนของนาง ใบหน้าที่ไม่แยแสของเขาไม่มีร่องรอยของความโกรธ

       หลิน ชูจิ่ว รู้สึกอับอายในขณะนี้ เธอสงสัยว่าเธอทำให้เสี่ยวเทียนเหยารำคาญหรือไม่ ดังนั้นเธอจึงต้องการที่จะเปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามถ้า เสี่ยวเทียนเหยา โกรธเธอก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เธอไม่สามารถระงับอารมณ์ของเธอที่มีต่อเสี่ยวเทียนเหยา ได้

       ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอได้ระงับความคับข้องใจของเธอในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่มามากพอ แต่ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยา กำลังก้าวถอยหลังให้เธอ แล้วเธอจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้หรือไม่?

       หลิน ชูจิ่ว กลับไปที่เรือนของเธอโดยไม่มีปัญหา เสี่ยวเทียนเหยา ไม่โกรธเธอ

       ในท้ายที่สุด แม้ว่าหลิน ชูจิ่ว จะอยู่ในห้องของเขา แต่เขาก็ไม่มีเวลาอยู่กับนาง สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขาโกรธ เขาแสดงตัวของเขาแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังกล้าที่จะลงมือกับหลิน ชูจิ่ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา

       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา มาที่ห้องอักษรเขาก็ได้รับรายงานว่าซู่ฉาและหลิวไป๋กำลังรอเขาอยู่ เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยา มาถึงแล้ว ซู่ฉาก็ถามคำถามขึ้นทันที“ หวางเฟยไม่เป็นไรใช่ไหม?”“

“ อืมมม” เสี่ยวเทียนเหยาไม่พูดอะไรมาก หลังจากนั่งลงไปบนเก้าอี้เขาก็ถามขึ้น”เป็นอย่างไรบ้าง?”

       หลิวไป๋ ก้าวไปข้างหน้าและพูดขึ้น “ที่หอเถียนชาง ไม่มีข่าวเกี่ยวกับผู้คนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ข้าก็บอกไม่ได้”

       ซู่ฉากลัวต่อปฏิกิริยาของเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นเขาจึงพูดเพิ่มเติมขึ้นทันที“ เราไม่พบผู้คนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง แต่เราค้นพบว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมอเทวดาโม่”