คนทั้งหมดที่เดิมมีท่าทีเกี้ยวกราดให้มอบตัวจิ่วหุนออกมา หลังจากเห็นเยี่ยเม่ยแล้วก็กลายเป็นนิ่งสงบไร้เสียง
สายตาเย็นเยียบของเยี่ยเม่ยกวาดตามองบนร่างของพวกเขาทีละคนๆ ไป ทำให้เหล่าทหารจำนวนไม่น้อยก้มหน้าลงพื้น ไม่กล้าสบตากับหญิงสาว
ในเวลานี้
เจ้าเมืองหลินผู้เป็นหัวหน้าแกนนำไม่ยอมถอยให้เลยสักนิด ก้าวเท้าออกมายืนเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้ากลับมาแล้ว เรื่องจิ่วหุน…”
เยี่ยเม่ยไม่มีอารมณ์ฟังเขาพูด
สายตาเย็นชากวาดมองไปที่ทหาร ถามเสียงนิ่งว่า “มีใครคิดว่าข้าสมควรมอบตัวจิ่วหุนออกไปให้พวกเจ้าบ้าง”
ยามนางเอ่ยออกไป ทหารทั้งหมดในที่นี้ต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครพูดจาเลยสักคนเดียว
หลูเซียงฮั่วกับเซียวเยว่ชิงมองหน้ากัน รู้สึกเสียใจที่ตนเองมาปรากฏกายอยู่ที่แห่งนี้ ก่อนหน้ายังร่วมกันวางแผนรับมือต้ามั่ว พริบตาเดียวก็เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้แล้ว…
ครั้นเห็นคนทั้งหมดไม่เอ่ยอะไร
สายตาเยี่ยเม่ยกวาดมองพวกเขาอีกครั้ง ถามต่อว่า “ไม่มีใครพูดเลยสักคน ไม่กล้าพูดหรือพูดไม่ออกกันแน่”
คราวนี้ คนไม่น้อยรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวดั่งไฟเผา
เพราะพวกเขาจำนวนมากต่างก็พูดไม่ออก อย่างแรกเยี่ยเม่ยกับจิ่วหุนช่วยพวกเขาไว้มาก อย่างที่สองคือการเข่นฆ่าศัตรูด้วยความอาจหาญของจิ่วหุนบนสนามรบ มีหลายครั้งที่บังเอิญช่วยพวกเขาจำนวนไม่น้อยเอาไว้พอดิบพอดี
ยามตะลุมบอนกัน มีทหารบางคนที่เกือบถูกศัตรูลอบโจมตีจากเบื้องหลัง กระบี่เดียวของจิ่วหุนตวัดมาก็ช่วยชีวิตพวกเขาไว้แล้ว ถึงจิ่วหุนจะไม่ได้ตั้งใจช่วย แต่ก็มีบุญคุณกับพวกเขาจริงๆ
ในเวลานี้ ให้พวกเขาก้าวออกมาใช้ความแค้นทดแทนบุญคุณ บอกความคิดตนว่าสมควรมอบตัวจิ่วหุนออกมา พวกเขาพูดไม่ออก
ครั้นเห็นคนทั้งหมดเริ่มไม่พูดจา
ซินเยว่เยี่ยนด้านข้างก็เสียดสีขึ้นว่า “ตอนจิ่วหุนช่วยเหลือพวกเจ้า ก็เป็นพี่น้องที่แสนดี ตอนที่ช่วยชีวิตพวกเจ้าก็เป็นคุณชายเสี่ยวจิ่ว ดีเลย ยามนี้เขาบาดเจ็บพวกเจ้ากลับมาเอาชีวิตเขา ข้ารู้สึกละอายแทนพวกเจ้านัก”
“พวกเรา…” มีทหารผู้หนึ่งทนไม่ไหว เกือบจะโต้ตอบกลับมา แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเยี่ยเม่ยก็ไม่กล้าพูดอีก
เจ้าเมืองหลินตีหน้านิ่งสบตากับเยี่ยเม่ย จากนั้นมองซินเยว่เยี่ยนคราหนึ่ง “แม่นางซินกล่าวผิดแล้ว เรื่องที่จิ่วหุนเคยทำผิดฆ่าคนเป็นการกระทำชั่วร้าย ผิดต่อหลักคุณธรรม ขัดต่อผลประโยชน์ของราชสำนักเป่ยเฉินเรา”
เจ้าเมืองหลินเอ่ยไป ยังหันกลับไปตำหนิเหล่าทหารที่ไม่กล้าเปิดปากว่า “พวกเจ้าทั้งหลาย เพราะเขาเคยช่วยเหลือพวกเจ้าครั้งสองครั้ง ช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ เพราะเรื่องส่วนตัวก็ไม่ใส่ใจศีลธรรมคุณธรรม ไม่ใส่ใจผลประโยชน์ของบ้านเมือง ปล่อยคนชั่วไปอย่างนั้นหรือ”
เจ้าเมืองหลินเอ่ยจริงจัง ท่าทางราวกับตนเองทำเพื่อคุณธรรม ทำเพื่อบ้านเมือง
ถ้อยคำนี้ทำให้เหล่าทหารที่เดิมทีหวั่นไหว กลับมายืนหยัดจุดยืนของตนได้อีกครั้ง จริงด้วย พวกเขาจะเห็นแก่บุญคุณส่วนตัวลืมผลประโยชน์ของบ้านเมืองไม่ใส่ใจคุณธรรมได้อย่างไร
จิ่วหุนคือผู้ร้ายสังหารเสนาบดีของพวกเขา สังหารแม่ทัพซ่างกวน
เยี่ยเม่ยมองคนกลุ่มนี้ พลันรู้สึกเหนื่อยล้า ใจคนก็เป็นเช่นนี้ ถูกคำพูดของคนจูงไปได้ง่าย ก็ทึกทักไปว่าตนเองยืนอยู่บนความถูกต้อง บางครั้งสิ่งที่พวกเขาต้องการหาใช่ความถูกต้องที่แท้จริง แต่เป็นเพียงแค่การแสดงออกถึงความถูกต้องของตนเท่านั้นเอง
แต่ก็ไม่อาจโทษพวกเขาได้ทั้งหมด เพราะปัญหาของพวกเขาหาใช่ความเสแสร้ง แต่ไม่ฉลาดพอ ดังนั้นถึงกลายเป็นตัวหมากในมือของผู้อื่นอย่างง่ายดายเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำเท่านั้น
จริงด้วย ตัวหมาก
อย่างนั้นเบื้องหลังของคนพวกนี้ ยังมีใครควบคุมอยู่นะ
เป้าหมายที่เล่นงาน เป็นจิ่วหุนหรือว่า…นาง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็เลือกเองเถอะ จะขอให้ข้ายอมมอบตัวจิ่วหุนก็รั้งอยู่ที่นี่ คนที่เปลี่ยนความคิดก็กลับไปซะ” เยี่ยเม่ยมองเหล่าทหาร เรื่องในยามนี้หาใช่ปัญหาเรื่องความถูกผิดอีกแล้ว แต่เป็นเรื่องของความคิดเห็น
ผลเป็นดังคาด
เซียวเยว่ชิงผู้มีความคิดไม่เหมือนเจ้าเมืองหลินมองเหล่าทหารทันที “ถึงคำพูดของเจ้าเมืองหลินมีเหตุผล พวกเราไม่อาจไม่ใส่ใจผลประโยชน์ของบ้านเมืองและขัดต่อคุณธรรม แต่พวกเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า จิ่วหุนเคยช่วยพวกเราไว้ เมื่อพวกเราทำเช่นนี้ ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น แล้วมีอะไรแตกต่างกันเล่า ยามเมื่อตนเองกลายเป็นคนชั้นต่ำที่ใช้ความแค้นตอบบุญคุณ แล้วยังมีคุณสมบัติพูดถึงคุณธรรมอะไรอีก”
เมื่อถ้อยคำนี้เอ่ยออกมา ก็มีทหารจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าลังเล
คำพูดของเจ้าเมืองหลินไม่ผิด พวกเขาไม่อาจละทิ้งคุณธรรมเพราะความเห็นแก่ตัวเพราะจิ่วหุนเคยช่วยพวกเขา แต่แม่ทัพเซียวก็พูดถูก พวกเขาลืมบุญคุณคนแล้วยังมีคุณสมบัติเอ่ยถึงคุณธรรมอะไรอีก
ยามนี้จงรั่วปิงทนไม่ไหวหัวเราะหยันออกมา “ฮี่ๆ ไม่เลว ในที่สุดก็มีคนมีเหตุผลสักที”
นางเป็นถึงจอมยุทธ์หญิงอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน ย่อมมีความคิดเกี่ยวกับคำว่าคุณธรรมในแบบของตน
นางมองคนทั้งหมด เอ่ยปากว่า “อะไรคือคุณธรรมหรือ ก่อนอื่นนั้นต้องรู้จักบุญคุณก่อน ทุกท่าน ก่อนจะบอกว่าจิ่วหุนเป็นผู้ร้ายเ**้ยมโหด ก็ขอให้ทุกท่านมองตัวเองก่อน ดูใบหน้าของตนสำรวจดูว่ายึดถือคุณธรรมศีลธรรมจริงหรือไม่”
เยี่ยเม่ยฟังคำพูดนี้จบ ก็ตัดสินเสียงเย็นว่า “หวังว่าทุกท่านเข้าใจคุณธรรมที่แท้จริง ก่อนอื่นต้องไม่ผิดต่อใจตนเอง หากยังหลงเชื่อหลักการคำพูดสวยหรูทั้งหลายอย่างหน้ามืดตามัว นั่นหาใช่คุณธรรมแต่เป็นการเสแสร้งเป็นคนดี”
คราวนี้พวกเซียวเยว่ชิงก็รู้สึกว่าตนไม่อาจรั้งอยู่ต่อไปได้แล้ว
ถึงกระทั่งรู้สึกว่าการที่ตนอยู่ตรงนี้คือความผิดพลาด เขารีบประสานมือทันที “แม่นางเยี่ยเม่ย วันนี้ข้าเลอะเลือนไปแล้ว ข้าขอตัวก่อน หวังว่าไม่ได้นำความยุ่งยากมาให้แม่นาง”
ถูกแล้ว เขามันโง่งมนักเชียว
หวั่นไหวกับคำพูดไม่กี่คำก็วิ่งมาปกป้องคุณธรรม นี่คือคุณธรรมที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ หากจิ่วหุนชั่วช้าสามานย์จริงแล้วทำไมต้องช่วยพวกเขาออกรบด้วย หากจิ่วหุนมีใจคิดคดทำลายราชสำนักเป่ยเฉินจริง โอกาสลอบสังหารแม่ทัพอย่างพวกเขามีตั้งมากทำไมไม่ลงมือ
เยี่ยเม่ยมองเซียวเยว่ชิง ถามนิ่งๆ ว่า “แม่ทัพเซียวเลือกได้แล้วหรือ”
“เลือกได้แล้ว” เซียวเยว่ชิงหนักแน่น “อย่าว่าแต่ช่วงนี้จิ่วหุนช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ มีบุญคุณต่อพวกเราเลย อาศัยแค่การแสดงออกของเขาในวันนี้ ก็มากพอให้เห็นแล้วว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอดฝีมือเช่นนี้หากช่วยพวกเราได้ก็ถือเป็นกำลังเสริมที่ร้ายกาจ ให้โอกาสเขาถือเป็นวาสนา โชคดีกับพวกเราและแผ่นดิน”
เซียวเยว่ชิงแสดงความคิดของตนออกไปอย่างว่องไว
หลูเซียงฮั่วก็เอ่ยปากว่า “แม่ทัพเซียวกล่าวไม่ผิด ข้าก็คิดว่านี่คือเหตุผล หากจิ่วหุนทำความดี อย่างนั้น…”
“จิ่วหุนจะทำดีหรือไม่ข้าไม่รู้ชัด แต่ข้ามั่นใจว่าจิ่วหุนไม่กลับไปอยู่ในองค์กรนักฆ่าอีกแล้ว พิษของเขากำเริบก็เพราะเขาดึงดันออกจากองค์กร ไม่ได้รับยาถอนพิษที่ใช้สำหรับควบคุมนักฆ่า ดังนั้นพวกเจ้าถึงได้มีโอกาสเรียกร้องอยู่ที่นี่” ซือหม่าหรุ่ยเอ่ย