ตอนที่ 12 แม่เฒ่าอิงซาน Ink Stone_Fantasy
เมืองอิงซาน เป็นเมืองใหญ่ที่จัดอยู่ในแถวหน้าสุดของรัฐเมฆทักษิณา ปราการเมืองกว้างใหญ่หาใดเปรียบ เป็นที่ตั้งของเรือนประจำตระกูลอิงซาน
ภายในเรือนประจำตระกูล บนยอดภูเขาหิมะอันสูงตระหง่านแห่งหนึ่ ที่นี่มีห้องอยู่สิบกว่าห้อง เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักของ ‘แม่เฒ่าอิงซาน’ ผู้เป็นท่านบรรพชนของทั้งตระกูลอิงซาน
“ท่านบรรพชนขอรับ” ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างเคารพ
แม่เฒ่าอิงซานกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่ มองลงไปยังจวนอ๋องตระกูลอิงซานอันใหญ่โตมโหฬารเบื้องล่างพลางส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ตุ๊กตาน้อยที่ชื่อว่าเสวี่ยอิงผู้นั้นมีพรสวรรค์สูงส่งยิ่งนัก เพียงแต่น่าเสียดายที่เพียงแค่สิบห้าปีก็ถูกบีบบังคับกดดันให้คลอดก่อนกำหนดเสียแล้ว มิฉะนั้นหากตั้งครรภ์สักหลายร้อยปีแล้วค่อยถือกำเนิด เกรงว่าสายโลหิตภายในกายก็จะแข็งแกร่งกว่านี้อีกมากนัก ช่างน่าเสียดายจริงๆ ใช่แล้ว ฉานอวี้เยี่ยนเจินที่เจ้ารายงานก่อนหน้านี้ แน่ใจแล้วหรือว่าเขาเป็นมือสังหาร”
“หามิได้ขอรับ”
ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้มีเส้นผมสีขาวโพลนเอ่ยอย่างเคารพว่า “พวกเราใช้เขตลวงค่ายกลทำให้นางติดเข้าไปภายในเขตลวง ทุกคนที่อยู่ภายในเขตลวงล้วนต้องสารภาพออกมาจนหมดเปลือก ทว่าแม้แต่ในเขตลวงนางก็ยังพูดว่านางมิใช่ฆาตกร มีการใส่ร้ายป้ายสีนาง”
“หืม” ใบหน้าชราอันเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของแม่เฒ่าอิงซานยังคงไร้ซึ่งสีหน้าอารมณ์เช่นเดิม
“มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือนางไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ สอง นางอาจจะลบหรือแก้ไขความทรงจำบางส่วนของตนเองก็เป็นได้” ผู้อาวุโสประจำตระกูลผู้นี้พูด “การลบความทรงจำนั้นไม่มีทางฟื้นคืนได้ ทั้งยังไม่มีวิธีตรวจสอบได้อีกด้วย”
สำหรับผู้บำเพ็ญที่มีฝีมือเป็นเลิศแล้ว การลบความทรงจำมิใช่เรื่องยากเลยจริงๆ แต่เมื่อลบไปแล้วก็จะลืมเลือนไปโดยสิ้นเชิงอย่างแท้จริง แม่กระทั่งตัวเองก็ยังคิดว่าความทรงจำหลังจากแก้ไขแล้วเป็นความจริง
“พวกเราก็พยายามตรวจหาร่องรอยอื่นๆ กันอย่างสุดกำลัง ร่องรอยที่มีอยู่ก็เสียหายไปจนหมดแล้ว นอกจากบางส่วนที่มิอาจตรวจสอบได้แล้ว สิ่งที่สามารถตรวจสอบได้ต่างก็เป็นร่องรอยที่ฉานอวี้เยี่ยนเจินทำลายทิ้งทั้งสิ้น” ผู้อาวุโสประจำตระกูลพูด “ตอนนี้ไม่มีหลักฐานใดๆ เลย เพียงแค่สามารถอนุมานได้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้นว่าฉานอวี้เยี่ยนเจินเป็นผู้ที่ทำเรื่องนี้ อีกทั้งยังลบแก้ไขความทรงจำของตนเองอีกด้วย”
“นางเป็นสมาชิกตระกูลอ๋องโหว อยากจะสังหารนางก็ต้องมีหลักฐาน มิฉะนั้นก็จะต้องถูกท่านอ๋องโหวลงมือจัดการด้วยตนเองแน่” ผู้อาวุโสประจำตระกูลพูด
สมาชิกตระกูลอ๋องโหวนั้นมีสิทธิพิเศษ
รัฐเมฆทักษิณาก็มีกฎหมายอยู่ว่าไม่สามารถสังหารสมาชิกตระกูลอ๋องโหวตามอำเภอใจได้ แน่นอนว่าท่านโหวหั่วเลี่ยและแม่เฒ่าอิงซานที่เป็นเฟิงโหว เฟิงอ๋องพรรค์นี้ ก็มีอิทธิพลยิ่งใหญ่กว่า พวกเขาก็สามารถลงมือสังหารได้โดยตรง
“เจ้าเด็กหั่วเลี่ยผู้นี้นี่ จัดการดูแลจวนโหวแห่งเดียวก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้” แม่เฒ่าอิงซานขมวดคิ้ว
การแต่งงานนี้ในตอนนั้น
เป็นสิ่งที่ท่านโหวหั่วเลี่ยหารือด้วยตัวเอง เป็นการแต่งงานที่ทำกับตระกูลฉานอวี้
ต้องรู้ไว้ว่าในบรรดาผู้มีศักดินาอ๋องแห่งรัฐเมฆทักษิณา เฟิงอ๋องเพศหญิงมีทั้งสิ้นเพียงสามคนเท่านั้น แม่เฒ่าอิงซานและ ‘ท่านหญิงฉานอวี้’ บรรพชนของตระกูลฉานอวี้มีความสัมพันธ์อันดียิ่งต่อกัน เป็นพี่น้องที่รักใคร่กัน การแต่งงานในคราวนี้ แม่เฒ่าอิงซานยังเคยเปรยกับท่านหญิงฉานอวี้มาก่อนแล้วด้วย
“ฉานอวี้เยี่ยนเจินไม่เคร่งครัดในวินัย ให้ถอดจากสถานะทั้งหมดของจวนโหว แล้วขับไล่ออกไปจากจวนเสีย” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ยตามอำเภอใจ
เห็นแก่การแต่งงานในคราวนี้ และความที่ตนเองเป็นผู้เปรยกับท่านหญิงฉานอวี้ นางจึงยังไว้หน้ารักษาน้ำใจอยู่เล็กน้อย
แต่การถอดสถานะขับไล่ออกจากจวน เช่นนั้นฉานอวี้เยี่ยนเจินก็จะมิใช่สมาชิกตระกูลอ๋องโหวอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่ามีพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นหนึ่งชั้นที่สี่ แต่ก็เป็นได้เพียงแค่พลเมืองธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น การที่สมาชิกตระกูลอ๋องโหวสังหารนางก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น ที่ดิน อาคาร ร้านรวง และทรัพย์สมบัติต่างๆ ภายใต้ชื่อของอิงซานเลี่ยฮู่นั้นนางก็ไม่สามารถแตะต้องได้อีกต่อไปแล้ว
“นี่ก็คือการฟูมฟักสายโลหิตที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้ตุ๊กตาน้อยเสวี่ยอิง เขาคงจะยังมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ สามารถเจาะลึกลงไปได้อีกเรื่อยๆ” แม่เฒ่าอิงซานโบกมือแล้วโยนกำไลเก็บวัตถุวงหนึ่งออกมา “แม้กระทั่งทรัพย์สมบัติล้ำค่าอื่นๆ ทั้งหมดทั้งมวลก็จัดเตรียมไว้ให้โดยอิงจากสถานะศิษย์ป้ายทองอิงซาน เอาล่ะ รีบส่งไปเร็วเข้าเถิด”
“ขอรับ” ผู้อาวุโสผู้นี้รับคำสั่งด้วยความเคารพ
นัยน์ตาของแม่เฒ่าอิงซานมีแววคาดหวัง ผู้ที่คลอดก่อนกำหนดล้วนเป็นสายโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ตระกูลอิงซานเคยมีมา นางก็ย่อมมีความคาดหวังอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรที่ดินแดนจิตโลกา ตระกูลแห่งหนึ่งจึงจะเป็นการโอบอุ้มอันแท้จริง
อย่างเช่นตระกูลหนึ่งทนรับไม่ไหวในรัฐประเทศสักแห่ง จนทั้งตระกูลหลบหนีแล้วลี้ภัยไปยังรัฐประเทศอีกแห่งหนึ่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ
ว่ากันอย่างจริงจังแล้ว…
ในตอนแรกสุด สี่รัฐมารทมิฬล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ในหกรัฐโบราณ เพียงแต่เมื่อผ่านวันเวลาอันยาวนาน กระทั่งผ่านสงครามประเทศโบราณอย่างต่อเนื่องสองครั้ง ก็มีตระกูลที่แยกตัวออกจากรัฐโบราณคิมหันตวายุ ครอบครองดินแดนผืนหนึ่งแล้วสถาปนารัฐประเทศขึ้นมาเอง ถึงขนาดที่ตระกูลจำนวนหนึ่งล่วงเกินขุมอำนาจอื่นๆ แล้วถูกกดดันให้หลบหนีไป แล้วลี้ภัยไปยังรัฐประเทศอีกแห่งหนึ่ง
ดังนั้นหากมีผู้มีพรสวรรค์สักคนหนึ่งถือกำเนิดออกมาในตระกูล ภายในตระกูลก็จะบ่มเพาะอย่างสุดกำลัง ตั้งใจบ่มเพาะเด็กในครรภ์ทุกคนในตระกูล เพียงแต่ว่าตระกูลใหญ่เกินไป ในท้ายที่สุดแล้วก็จะต้องมีแกะดำอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“รอดูเถิด”
“ดูว่าเมื่อใดตุ๊กตาน้อยเสวี่ยอิงจะได้เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง” แม่เฒ่าอิงซานเอ่ยเบาๆ “ดูเวลาที่เขาต้องใช้ในการเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง ก็จะสามารถประเมินศักยภาพสายโลหิตได้แล้ว”
……
“ไสหัวไปเสีย”
“ในภายหน้าหากบังอาจย่างเท้าเข้ามาในประตูจวนโหวแม้เพียงครึ่งก้าว ก็จะถูกตีจนตาย”
ฉานอวี้เยี่ยนเจินยืนนิ่งงันอยู่ด้านนอกประตูใหญ่ของจวนโหว นัยน์ตาของนางมีแววสิ้นหวัง ตั้งแต่เข้ามาสู่ตระกูลอิงซานก็มิใช่สมาชิกของตระกูลฉานอวี้อีกต่อไป หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอิงซานไปแล้ว ตอนนี้ถูกถอดสถานะและขับไล่ออกจากจวนโหว นางก็กลายเป็นพลเมืองธรรมดาไปเสียแล้ว
ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ไม่มีแล้ว
“ข้าเปล่านะ ข้าเปล่าจริงๆ นะเจ้าคะ” ฉานอวี้เยี่ยนเจินเอ่ยพึมพำ “ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
นางลบเลือนแก้ไขความทรงจำของตนเอง เพื่อหลบเลี่ยงจากโทษตาย ถึงตอนนี้แม้กระทั่งตัวนางเองก็ยังคิดว่าตนเองมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำผิด ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ท่านแม่”
นอกประตูจวนโหว บุรุษสองคนนำข้ารับใช้และองครักษ์กลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ตรงนั้น
ฉานอวี้เยี่ยนเจินมองไปแล้วเอ่ยว่า “ลูกชายที่รักของข้า ข้า ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
“ท่านแม่ ข้ากับน้องชายรู้ว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม เพียงแต่ว่าตอนนี้อิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นได้รับความรักเสน่หาอย่างที่สุดของทั้งตระกูลอิงซาน ท่านโหวก็ยืนอยู่ฝั่งมันเช่นกัน และทำให้เจ้าหมาพันทางนั่นได้ใจ สายโลหิตแข็งแกร่งแล้วอย่างไรเล่า ก็ไม่แน่ว่าพลังยุทธ์จะแข็งแกร่งไปด้วยสักหน่อย ในอนาคตข้าก็จะเป็นเฟิ่งโหวเช่นกันแล้วสังหารมันในทันที เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ท่านแม่” บุตรชายคนโตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่บุตรชายคนรองกลับเจียมเนื้อเจียมตัวกว่า
ถึงอย่างไรบุตรชายคนโตก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งมานานแล้ว ทั้งยังเป็นพลังยุทธ์ชั้นที่สี่อีกด้วย จึงมีสิทธิ์พูดวาจานี้ได้ ทว่าตอนนี้บุตรชายคนรองเป็นเพียงแค่เทพอากาศขั้นกำเนิด จึงมิได้กร่างนัก
“ท่านแม่ ข้าจัดการเรื่องที่พักให้ท่านเรียบร้อยแล้วนะขอรับ ไปกันดีกว่า แล้วก็อดทนเอาหน่อย มาดูกันว่าเจ้าลูกหมาพันทางนั่นในอนาคตจะเป็นเช่นไร เกรงว่าแค่เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว” บุตรชายคนโตผู้นั้นพูดอย่างเดือดดาล
“จงฝู ข้า ข้า…ข้า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆนะ ไปเถิดๆ ทั้งตระกูลอิงซานจะต้องเข้าข้างอิงซานเสวี่ยอิงนั่นอยู่แล้ว” ถึงแม้ว่าในใจของฉานอวี้เยี่ยนเจินจะเดือดดาลล้นฟ้า แต่ตัวนางเองก็เข้าใจกระจ่างดีว่าตนเองถูกถอดจากสถานะศิษย์อ๋องโหว จะพูดจาอะไรก็ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
******
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมมิได้เห็นฉานอวี้เยี่ยนเจินผู้นั้นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ถึงอย่างไรในสายตาของเขา การเป็นเฟิงอ๋องนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง เป้าหมายของเขาคือการเป็นเทพจักรวาต่างหาก
การบำเพ็ญต่างหาก จึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพียงพริบตาก็เป็นหนึ่งพันห้าร้อยปีให้หลังแล้ว ในบรรดาผู้บำเพ็ญ เวลาเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็แสนสั้นเหมือนกับสิบวันหรือครึ่งเดือนของมนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง
……
ณ จวนท่านโหวหั่วเลี่ย
ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังนั่งอยู่ภายในลานบ้านที่มีเสียงนกขับขานและบุปผาหอมอบอวล ในมือถือตำราเล่มหนึ่ง ภายในกายอบอุ่นยิ่ง “น้ำยาวิญญาณที่ท่านบรรพชนของตระกูลอิงซานท่านนี้ให้มา ช่างดีต่อการบ่มเพาะสายโลหิตอย่างแท้จริง สายโลหิตห้วงอากาศนี้ของข้าก็เข้มข้นขึ้นเป็นหลายสิบเท่าเลยทีเดียว ทำให้ข้าบำเพ็ญได้อย่างผ่อนคลายยิ่งขึ้น”
ก่อนหน้านี้จุดประสงค์ของเขาผิวเผินเกินไป ดูตามปกติแล้วผิวเผินเช่นนี้ก็ย่อมไม่มีค่าต่อการบ่มเพาะเลย
แต่ว่า…
‘ห้วงอากาศ’ ของดินแดนจิตโลกากับ ‘ห้วงอากาศ’ ของอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นมีส่วนที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก เดิมทีการบำเพ็ญก็ง่ายดายผ่อนคลาย วิญญาณระดับเทพอากาศก็ทำให้ความเร็วในการบำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงเหนือกว่าตอนที่อยู่ในครรภ์มากมายนัก ทั้งยังมีสายโลหิตห้วงอากาศให้อ้างอิง และมีศาสตร์ลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าที่สอดคล้องกัน ในความเป็นจริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็ใช้เพียงแค่หนึ่งพันห้าร้อยปีนี้เท่านั้น ก็ฝึกฝนวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่ากระบวนที่สามจนสำเร็จ มีพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาวของเมื่ออดีต ซึ่งก็คือพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของวังปฐมเทพ
พลังยุทธ์เช่นนี้ก็ย่อมสามารถปลุกให้การเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นรวมเป็นหนึ่งตื่นขึ้นมาได้อยู่แล้ว
“ไม่รีบๆ”
“ถึงแม้ว่าข้าจะสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้กลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ ‘ถูกบีบบังคับให้คลอดก่อนกำหนด’ แต่หนึ่งพันกว่าปีก็กลายเป็นขั้นรวมเป็นหนึ่งแล้วก็ยังรวดเร็วเกินไปอยู่ดี อืม ใกล้ๆ หมื่นปีจะดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดไตร่ตรอง “สักแปดพันปีก็แล้วกัน!”
เขาอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดมามากมายเหลือเกิน อ้างอิงจากตัวอย่างผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศทางสายโลหิตคนอื่นๆ บางคนที่วางแผนการบรรลุอันแน่นอนเอาไว้ให้ตัวเอง
เขาก็มิได้คิดว่าตัวเองล้ำเลิศเกินไป ถ้าหากถูกสงสัยว่าเป็นพวกที่ ‘กลับชาติมาเกิด’ ชักจูงให้ผู้แกร่งกล้าระดับสูงกว่าคนหนึ่งสำแดงเขตลวงตรวจสอบความทรงจำของตนเอง
“ลูกชายข้า ลูกชายข้า”
ด้านนอกมีเสียงตะโกนลั่นดังลอยมา เห็นเพียงแค่บุรุษที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ ร่าเริงและกระตือรือร้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงอดที่จะกุมขมับมิได้
บิดาของข้าเอ๋ย! ‘อิงซานเลี่ยฮู่’ ท่านพ่อผู้นี้ของตนช่างเยี่ยมยอดเสียจริง
…………………………………………..