ตอนที่ 752 ยังคงรักคุณ(3) โดย Ink Stone_Romance

ประโยคเดียวถามออกเสียงพร้อมสายตาเธอที่จ้องมองเขานิ่งคล้ายไม่อยากพลาดสีหน้าท่าทางเดียวของเขา

แต่ประโยคนี้กลับทิ่มแทงใจลึกๆ ของเย่เซียวเต็มเปา

 “ไสหัวไป!” เขาตวาดเสียงดัง

ทุกอย่างในอดีตที่เคยทำให้ พอมาดูเอาตอนนี้เหมือนตบหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ ณ เวลานี้เธอกลับจับปากกระบอกปืนอย่างดื้อรั้น สองตาแดงก่ำจ้องเขาเขม็ง “เย่เซียว ใช่หรือไม่ใช่?”

ไฟโทสะของเย่เซียวเดือดพล่าน เก็บปืนควับโยนใส่มือหยูอัน จากนั้นพูดสั่งเสียงเย็น “เปิดประตู!”

หยูอันตอบรับทีแล้วรีบไปเปิดประตู

ไม่รอไป๋ซู่เย่ตั้งสติได้สองมือก็ถูกเย่เซียวใช้เนกไทผูกมัดไว้ เขาแบกตัวเธอเข้าไปในห้องด้วยอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิด เข้าไปโยนเธอลงบนเตียงอย่างแรงทำให้ผ้าปูเตียงที่เป็นระเบียบเรียบร้อยยับย่นเข้าหากันเพราะการรุกล้ำของทั้งคู่ เจ้าหน้าที่ข้างในสะดุ้งกับการเข้าหากะทันหันของพวกเขา มองสีหน้าเดือดพล่านของเย่เซียวอีกทีล้วนลุกพรวด กลั้นหายใจอย่างพร้อมเพรียง

 “ไสหัวออกไปให้หมด!” เย่เซียวคำรามเรียกให้ทุกคนออกจากห้องไปอย่างเร็ว

ชั่วขณะภายในห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน

 “คุณมาทำอะไรกันแน่!” เย่เซียวตะครุบมือเธอให้ตรึงบนเตียงไม่ให้ดิ้นหลุด “ฆ่าลูกของผมแล้วยังจะมาหัวเราะเยาะผมโดยเฉพาะเหรอ? ผมกลายเป็นตัวตลกในกำมือคุณ นอกจากจะทำอะไรคุณไม่ได้สักนิดแล้วยังโง่เสี่ยงชีวิตไปช่วยคุณหลายครั้ง คุณรู้สึกดีมาก ใช่มั้ย?!”

เอ่ยถึงลูกที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เย่เซียวปวดใจราวกับถูกมีดกรีดแทงซ้ำๆ

ยิ่งเจ็บไฟโทสะในใจก็ยิ่งเดือด

ดวงตาของเขาแดงก่ำ จ้องหญิงสาวใต้ร่างกัดฟันพูดอย่างไม่แคล้วใจ “ให้คุณคลอดลูกของผมสักคน ลูกของเราสองคน สำหรับคุณแล้วมันยากขนาดนั้นเชียวเหรอ? ยากจนคุณตัดสินโทษประหารชีวิตเขาโดยไม่ถามสักคำ? ไป๋ซู่เย่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาฆ่าลูกของฉันเย่เซียวกันแน่?!”

ไป๋ซู่เย่ตาแดงระเรื่อและรื้นด้วยน้ำใส น้ำตาหนึ่งหยดร่วงหล่น ความเจ็บที่สูญเสียลูกกำลังถาโถมเข้ามาคล้ายปากน้ำพุ เจ็บจนเธอรู้สึกร้าวไปทั้งทรวงอก

น้ำตาเปียกไปทั้งหมอน

ดวงตาเย่เซียวที่แฝงด้วยความเจ็บแดงระเรื่อ เขายิ่งตะครุบข้อมือเธอแรงกว่าเดิมคล้ายต้องการจะบีบเธอให้แหลกสลาย “เก็บน้ำตาจอมปลอมของคุณซะ ฆาตกร มีสิทธิ์อะไรมาร้องไห้?!”

อีกอย่าง…

ให้ตายเถอะ สิ่งที่ทำเขาโกรธมากที่สุดคือ…

น้ำตาจระเข้พวกนี้ที่ไหลรินเขากลับยังรู้สึกปวดใจ!เพราะอะไร? เพราะอะไรถึงทำเขาบ้าบิ่นและทำตัวเองได้ถึงขนาดนี้?

เหมือนถูกเธอจับจุดอ่อนได้เสมอ มีแค่เธอที่จัดการเขาได้แต่เขากลับแก้แค้นไม่ได้ด้วยซ้ำไป!ความรู้สึกแบบนี้ มันแย่มากเหลือเกิน!

 “ฉันเปล่า ฉันเปล่า…” ไป๋ซู่เย่ส่งเสียงสะอื้น เบี่ยงหน้าหันหนีไม่ยอมมองเขา “ฉันเคยถามคุณ ฉันเคยโทรหาคุณ…คุณเป็นคนบอกให้ฉันทำแท้งเอง คุณให้ฉันทำแท้งเอง!”

เสียงเธอแหบพร่า น้ำตายิ่งไหลยิ่งมาก

เย่เซียวจ้องหญิงสาวใต้ร่างด้วยแววตาที่ฉายแววผิดหวัง ครู่ใหญ่ถึงแย้มปากเหมือนได้ยินเรื่องน่าขบขัน“เพื่อให้ตัวเองพ้นโทษ คำโกหกน่าขันแบบนี้คุณก็กล้าแต่งมันขึ้นมา? ทำไม? เพื่อเข้าใกล้ผมแล้วฆ่าผมจะได้บรรลุเป้าหมายพวกคุณ?”

เขายังคงระแวงเธออยู่เสมอ

ยิ่งทำอะไรเธอไม่ได้ยิ่งต้องระแวง บนโลกนี้คนที่ทำร้ายตัวเองได้คงไม่พ้นคนที่ตัวเองรักมากที่สุด

 “ใครกันแน่ที่สร้างคำโกหก?” ไป๋ซู่เย่หันหน้ามามองเขาด้วยใบหน้าที่น้ำตาไหลอาบแก้ม “เย่เซียว จริงหรือไม่จริงคุณลองค้นดูโทรศัพท์ฉัน คุณส่งข้อความมาให้ฉัน ประวัติการโทรของเรา ยังไงก็ปลอมแปลงไม่ได้!”

เย่เซียวก้มตัวจดจ้องเธอ

ความเจ็บปวดของเธอทำให้เขารู้สึกชั่ววูบว่าเหมือนไม่ได้กำลังโกหก

แต่เธอโกหกจริงๆ ความจริงเขาก็ดูไม่ออก คำลวงเมื่อสิบปีก่อน เธอได้ทำเขาไว้เจ็บแสบมาก

พักใหญ่เขาถึงปล่อยเธอ ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว เขารู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขัน คำลวงที่เป็นไปไม่ได้แบบนี้เขากลับมีใจที่คิดจะลองไปเชื่อถือมัน

เขาคว้ากระเป๋าของเธอที่ตกพื้นขึ้นมา ล้วงโทรศัพท์เธอออกมา

ไป๋ซู่เย่พูดเสียงเรียบ “หนึ่งวันก่อนคุณแต่งงาน ฉันโทรหาคุณ…ฉันบอกคุณว่าฉันท้องลูกของเรา คุณกลับบอกฉันว่าคุณกำลังซักซ้อมงานแต่งงาน แล้วก็…”

พูดถึงนี่เธอไม่ได้พูดต่อ

เพราะว่า…

เห็นได้ชัดว่าเย่เซียวเห็นข้อความฉบับนั้นแล้ว

ความตะลึง ความโกรธแผ่กระจายในแววตาดั่งลมพายุ

ชั่วครู่นั้นไป๋ซู่เย่เข้าใจทันที

เธอหัวเราะเสียงเบา หัวเราะเสียงเศร้าๆ “ถ้าฉันเดาไม่ผิด ข้อความนี้น่าจะมาจากคู่หมั้นคุณสินะ? คุณมาโกรธใส่ฉัน น่าจะไปโกรธใส่เธอสักครั้งหรือเปล่า?”

น้ำเสียงติดน้อยใจของเธอแม้แต่เธอยังฟังออก พูดจบกัดปากเพื่อกลั้นน้ำตาที่มากกว่านี้ไว้

เธอยังคงถือสา…

ถือสาที่เขาจะแต่งงานกับน่าหลันครั้งแล้วครั้งเล่า

เย่เซียวตาจ้องข้อความฉบับนั้นอยู่นาน ทุกห้วงอารมณ์ในแววตาโผล่พ้นออกมา คนที่กล้าปั่นหัวเขานอกจากไป๋ซู่เย่ไม่มีวันมีคนที่สอง!เขาไม่อนุญาตให้คนแบบนี้มีชีวิตอยู่!

เขาหันกลับมามองหญิงสาวที่ตัวคุดคู้อยู่บนเตียงเพราะความโศกเศร้าแวบหนึ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียงรั้งตัวเธอเข้ามากอดไว้ด้วยสีหน้าเจ็บปวด กอดเธอไว้แน่นๆ อ้อมแขนกว้างหนาของชายหนุ่มปะทะมา เธอกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ‘ฮึกฮือ’ หลุดเสียงร้องไห้ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่อกเขา

 “เย่เซียว…คุณเชื่อฉัน ฉันพยายามแล้ว…” เธอร้องไห้ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

เขาหายใจหนักอึ้ง ใช้มือเดียวกดศีรษะเธอติดอก

 “ถ้าเก็บไว้ได้ ฉันไม่มีทางให้ลูกทิ้งฉันไป…ฉันพยายามแล้ว…”

เย่เซียวก้มหน้าจูบศีรษะเธอ ปากบางกำลังสั่นเทา

เขาไม่เอ่ยสักประโยคตั้งแต่แรกเริ่ม สีหน้าเยือกเย็น นิ่งขรึมดุจซาตานแต่กลับกระชับกอดเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร…

ประตูถูกเคาะจากข้างนอก

 “นายท่าน” เสียงหยูอันดังจากข้างนอก “ควรเปลี่ยนเสื้อแล้ว”

 “ให้สไตลิสต์เข้ามา!” ในที่สุดเย่เซียวก็เอ่ยปาก

หยูอันถึงเปิดประตูให้สไตลิสต์เข้ามากัน เย่เซียวกำลังก้มหน้าแกะสายเนกไทตรงข้อมือเธอ เพราะเมื่อกี้มัดแน่นเกินไปจนทิ้งรอยแดงรอบข้อมือเธอ เย่เซียวมองด้วยสายตานิ่งๆ แวบหนึ่ง ปลายนิ้วลูบไล้บนรอยแดงนั่นไปมาทีโดยเม้มปากบางไว้แต่กลับไม่พูดอะไร

จากนั้น…

ไป๋ซู่เย่ดูเขาเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าบ่าวด้วยสไตลิสต์ทั้งอย่างนั้น

เธอนั่งบนเตียงมองเขานิ่ง น้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว

นี่เขา…ยังคงจะไปแต่งงานหรือ?

รอผ่านไปครู่หนึ่งเขาแต่งตัวเสร็จสรรพ หล่อเหลามาก

ถึงจะมีแต่ความเย็นชาแผ่ออกมาจากทั้งตัว แต่ว่า…วันนี้เขาต้องเป็นผู้ชายที่โดดเด่นมากที่สุด

เขาย่ำเท้าเดินไปตรงหน้าประตู

ไป๋ซู่เย่ใจบีบรัด “เย่เซียว…”

เธอลงจากเตียงเดินไปยังทิศทางของเขาสองก้าว

เย่เซียวปรายตามองเธออยู่ห่างๆ วูบหนึ่งถึงหันไปมองหยูอัน “เอาบัตรเชิญให้เธอหนึ่งใบ”

…………………………