ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)
••••••••••••••••••••
**บทที่****300:สัตว์ประหลาดกลืนทองคำ(**3)
“นายท่าน!” แม่มดเทวะกล่าวต่อ “สิ่งที่ทรงพลังที่สุดนั้นหาใช่ใบมีดของมัน ซึ่งสิ่งนั้นใช้พลังวิญญาณน้อยมาก ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดจะต้องควบคุมด้วยปราณบริสุทธิ์ ดังนั้นเราจึงจะต้องใช้ปราณบริสุทธิ์เพื่อออกคำสั่งและควบคุมมัน ดังนั้นการใช้ใบมีดของมันนั้นจะดีกว่าการใช้พลังของหวงหลงสายฟ้าสีม่วง ทำให้เราสามารถประหยัดหินจิตวิญญาณได้! อย่างไรก็ตามอำนาจของมันนั้นเกินขีดจำกัดอย่างแน่นอน!”
“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ข้านั้นครอบครองอาวุธสังหารอย่างแท้จริง!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “เช่นนั้นข้าก็คงไม่ต้องเกรงกลัวไอ้พวกกระจอกนั่นอีกแล้ว เอาล่ะ ไปกันเถอะ ข้าต้องการให้นกกระจอกเหล่านั้นหยุดซุบซิบกันสักที คงต้องแสดงพลังของราชาปีศาจให้พวกมันเห็นกับตาสักหน่อย!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของซ่งจงชั่วร้ายขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเขานั้นรังเกียจสำนักค่ายกลอย่างสุดซึ้ง
ทุกคนนั้นต้องการที่จะทำตามที่ซ่งจงพูด แต่ทว่าในเวลานั้นแม่มดเทวะร้องออกมาทันที “นายท่าน เดี๋ยวก่อน นั่นคืออะไรน่ะ?” นางกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ภูเขา
ซ่งจงมองตามทิศที่นางชี้ ผลก็คือซ่งจงมองเห็นหลุมดำขนาดใหญ่ทั้งๆที่มันควรจะเป็นพื้นผิวที่ราบเรียบ พร้อมทั้งมีพลังวิญญาณลอยออกมาจากปากหลุม เมื่อมองดีๆพบว่ามันคือถ้ำ! มันเป็นถ้ำที่ถูกซ่อนไว้ในภูเขาและอยู่ใต้ทะเลลึกห่างไกลจากผู้คน มันอยู่เช่นนี้มานานในโลกที่ไร้ทางออก โดยปกติแล้วไม่มีใครเคยเห็นมัน แต่ทว่าในตอนนี้ซ่งจงนั้นทำการตัดภูเขา เช่นนี้จึงคล้ายกับเปิดทางเข้าออกให้กับมันทันที
มันเป็นถ้ำที่ดูไม่ใหญ่มาก ซึ่งความจริงมันควรจะไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่ปัญหาก็คือเหตุใดจึงมีปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่นออกมาจากสถานที่แห่งนั้น? ความหนาแน่นของมัน อดไม่ได้ที่จะละเลย
“ภายในถ้ำนั้นมีสมบัติงั้นหรือ?” ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะตาลุกวาว
“เป็นไปได้มาก พวกเราควรเข้าไปสำรวจมันดีไหมนายท่าน?” แม่มดเทวะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อืม ไปด้วยกัน!” ซ่งจงร่าเริงทันที เขาเก็บถ้วยชาพร้อมกับบินออกไป ส่วนแม่มดเทวะนั้นมาพร้อมกับเรือมังกรทองคำซึ่งตามหลังเขามาติดๆ
เมื่อมาถึงปากถ้ำ แม่มดเทวะเกรงว่าจะมีอันตราย นักดาบทั้งห้านั้นล้อมซ่งจงไว้เพื่อปกป้องเขา ส่วนนักบวชอีกสี่คนบินไปสำรวจด้านหน้าก่อนเพื่อคอยเตือนถ้าหากพบอันตราย
ทั้งหมดบินเข้าไป พร้อมกับค่อยๆกวักมือเรียกซ่งจงเบาๆ “มันไม่มีอันตรายใดๆ แต่มีสิ่งที่ยอดเยี่ยมอยู่ นายท่านรีบเข้ามาดูเร็ว!”
เมื่อได้ยินว่ามีสิ่งดีๆ ซ่งจงตาลุกวาวพร้อมกับรีบบินเข้าไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามี เมื่อเขามาถึง ดวงตาของเขาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าทันที
แต่เดิมนี่ไม่ใช่ถ้ำที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกตนโบราณ ซึ่งภายในมีการกางเวทมนตร์ไว้เพื่อเป็นค่ายป้องกัน ภายในนั้นมีบ้านหลังเล็กๆอยู่ ขนาดของมันไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เพียงพอที่จะใช้งาน ซ่งจงเอามือลูบพื้นดูเล็กน้อยพร้อมเห็นร่องรอยบางอย่าง
พื้นผิวของถ้ำเหล่านี้เต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งมันเป็นค่ายกลป้องกันที่สมบูรณ์ ซ่งจงหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา รูปร่างของมันคล้ายกับไข่ดำ
ซ่งจงนั้นไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของมันคืออะไร เขาไม่รู้ว่ามันมีความพิเศษอย่างไร จึงได้ถามออกไป “มันคืออะไรงั้นหรือ? ไข่อะไร?”
แม่มดเทวะที่มีประสบการณ์มากมายหลายทศวรรษ มองมันอย่างพิจารณาและระมัดระวัง นางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “รายงานนายท่าน มันคล้ายกับแหล่งรวมวิญญาณขนาดใหญ่ ซึ่งมันจะดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปจากนั้นมันก็จะฟักออกมา ชื่อของมันก็คือ! อาคมรวบรวมวิญญาณ”
“อาคมรวบรวมวิญญาณ?” ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความแปลกใจ “ข้านั้นพอจะเข้าใจเรื่องของค่ายกลบ้างเล็กน้อย ซึ่งมันจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันและค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน แต่ข้าไม่เห็นว่าเจ้าสิ่งนี้จะเป็นค่ายกลแบบไหนเลย หรือมันไม่เหมือนรูปแบบอื่น?
“รายงานนายท่าน สิ่งนี้คือค่าลกลสะสมวิญญาณโบราณ ซึ่งมันเก็บสะสมมายาวนานกว่าหมื่นปี แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน แต่ทว่าพวกเราสามารถบอกได้ว่ามันไม่ธรรมดา!” แม่มดเทวะกล่าวออกมา
“พวกเจ้านั้นมีอายุหมื่นปีแล้ว แต่ทว่าของสิ่งนี้ยาวนานกว่าอายุพวกเจ้าอีกงั้นหรือ? โอ้ เช่นนั้นมันก็คือสมบัติของผู้ฝึกตนเมื่อสองหมื่นปีที่แล้วงั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างตกใจ “สองหมื่นปีที่ไข่นี้ไม่ถูกฝัก มันคงจะอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณมากมายจนกลายเป็นสีดำเลยสิท่า!”
“ไม่จริงเสมอไป ไข่ใบนี้นั้นเป็นของอสูรกายขั้นสูง ซึ่งมันคงจะมีอายุราวหนึ่งแสนปีกว่าจะฟักออกมา!” แม่มดเทวะกล่าว
“เจ้ากำลังพูดถึงอสูรกายศักดิ์สิทธิ์?” ซ่งจงเหยียดปากออก “เจ้าคิดว่าภายในสถานที่ห่างไกลออกไป จะมีอสูรกายศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้างไหม?”
“ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอสูรกายศักดิ์สิทธิ์ แต่ทว่าพลังบางอย่างของมันนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าอสูรกายทั่วไป มันแข็งแกร่งกว่า!” แม่มดเทวะรีบตอบกลับทันที
“อืม แต่ข้าคิดว่ามันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ!” ซ่งจงกล่าว “พวกเจ้านั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ แต่ว่าสหายเจ้าผู้นี้นั้นไม่ได้ชื่นชอบสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตามมันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ข้าไม่!”
เมื่อเขากล่าวจบ เขาดีดนิ้วออกดังเป๊าะ ไข่สีดำนั้นกระเด็นออกไปไกล มันกลิ้งไปราวกับลูกเหล็ก
“ดูสิ!” ซ่งจงฉีกยิ้ม “มันเหมือนกับก้อนเหล็ก เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านใน?” จากนั้นเขาหันหลัง พร้อมที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้
แต่ทว่าแม่มดเทวะเรียกเขาไว้ “นายท่าน จงคิดดูอีกทีเถิด ถ้าหากไข่นี้ตายตกไปแล้ว หลังจากสองหมื่นปีมันก็ควรที่จะย่อยสลายหายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ใช่!” ซ่งจงขมวดคิ้ว “แล้วยังไง?”
“นายท่าน นิ้วของท่านนั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะดีดก้อนหินให้แตกสลายได้ แต่ทว่าไข่ใบนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย ท่านไม่คิดว่ามันมีอะไรแปลกๆงั้นหรือ?” แม่มดเทวะรีบทักท้วง
ซ่งจงนั้นไม่โง่เขลา เขานึกได้ทันทีพร้อมกับรีบพูดออกไป “อืม เจ้าพูดถูก มันแปลกจริงๆ อืม แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับมันหรือไม่?”
“นายท่านจะตรวจสอบเองหรือให้พวกเราทำ?” แม่มดเทวะกล่าว “อย่างไรก็ตามพวกเรานั้นสามารถใช้ร่างไร้รูปแบบได้ จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวว่าจะมีสิ่งใดซุ่มโจมตีพวกเรา!”
เมื่อพวกนางกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงยืนอยู่กับที่พร้อมโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าทำแล้วกัน!”
“รับทราบ!” หลังจากนั้นแม่มดเทวะรับคำสั่ง พร้อมกับบินเข้าไปในถ้ำ พวกนางตรวจสอบกำแพงถ้ำและค้นหาอักขระที่อาจถูกเขียนไว้ ร่วมทั้งค่ายกลป้องกันที่อยู่บนพื้นอย่างละเอียด จากนั้นทั้งหมดพุ่งไปที่ไข่สีดำและค้นหาต้นกำเนิดของมัน
เวลาผ่านไป ทั้งหมดรีบกลับมาพร้อมกับคำตอบอย่างรวดเร็ว
“รายงานนายท่าน ทั้งสี่ด้านของผนังนั้นเป็นเหล็ก ไร้การเขียนบันทึกใดๆ!”
“รายงานนายท่าน ที่พื้นนั้นเรียบร้อยดี มีเพียงอาคมรวบรวมวิญญาณตั้งอยู่นั้น ไม่มีกับดักอะไร!”
“รายงานนายท่าน พวกเราได้ตรวจสอบไข่สีดำแล้ว เปลือกของมันนั้นไม่ได้เกิดจากสิ่งมีชีวิต ซึ่งมันเหมือนกับว่าทำมาจากโลหะบางอย่าง หรือนี่อาจจะเป็นเพียงการเล่นตลกอะไรสักอย่างเท่านั้น?”
ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจพร้อมกับร้องออกมาอย่างรวดเร็ว “เปลือกไข่เป็นเหล็กงั้นหรือ? มันช่างน่าสนใจจริงๆ เจ้าลองตรวจดูมันอีกครั้งอย่างละเอียดว่ามันสามารถนำไปปรับแต่งอะไรได้บ้างไหม มันมียันต์หรือเวทมนตร์อะไรสลักไว้บ้างหรือไม่?”
หลังจากนั้นสักครู่ แม่มดเทวะเผยรอยยิ้มออกมา “รายงานนายท่าน บนพื้นผิวของเปลือกไข่ดำนั้นไม่มีสิ่งใดเลย อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยการถูกหล่อหลอมอีกด้วย ซึ่งคิดว่ามันคงจะเกิดมาจากธรรมชาติ!”
“เติบโตตามธรรมชาติงั้นหรือ? มันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์แต่ทว่าเป็นไข่อสูรกายใช่หรือไม่?” ซ่งจงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้าลองใช้ความจำที่พวกเจ้ามีว่าเคยพบเห็นอสูรกายนั้นออกไข่เป็นโลหะหรือไม่?”
เมื่อซ่งจงพูดเช่นนั้น แม่มดเทวะได้เพ่งมองไปที่ไข่พร้อมร้องออกมา “โอ้ อาจารย์ของข้านั้นเคยเล่าว่าเขาเคยพบกับไข่ของอสูรกายที่เป็นโลหะเช่นกัน มันคือสัตว์ประหลาดกลืนทองคำ ร่างกายของพวกมันเหล็ก ดังนั้นไข่ของมันจึงเป็นเหล็กด้วยเช่นกัน! มันคือไข่ของสัตว์ประหลาดกลืนทองคำงั้นหรือ?”
“สัตว์ประหลาดกลืนทองคำ?” ซ่งจงเกาหัวแกร่กพร้อมกล่าวว่า “ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยิน!”
“เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนินายท่านได้ เพราะอสูรกายชนิดนี้นั้นหายไปกว่าหลายร้อยปีแล้ว ว่ากันว่ามันไม่ใช่อสูรกายแต่ทว่าเป็นสัตว์ประหลาด! มันเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากมาก อีกทั้งมันชอบกินโลหะ เมื่อมันเกิดมาระดับความแข็งแกร่งของมันอยู่ในขั้นสองหรือสาม และสามารถเพิ่มระดับได้ด้วยการกลืนกินโลหะเข้าไป เล่าขานต่อกันมาว่าความแข็งแกร่งของมันนั้นไร้ขีดจำกัด ตราบใดที่มีโลหะเพียงพอให้มันกินเข้าไปเพื่อพัฒนาร่างกาย ความแข็งแกร่งของมันสามารถพัฒนาจนสามารถต่อกรกับอสูรกายศักดิ์สิทธิ์ได้!”
“มันดุร้ายหรือไม่?” ซ่งจงรีบถามออกไปอย่างตื่นเต้น
“แน่นอนว่ามันดุร้ายเสียยิ่งกว่าจะคาดเดา แต่ทว่าต้องรอให้มันเติบโตพอที่จะสามารถเทียบเท่ากับอสูรกายศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อน แต่นั่นก็เป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง เพราะในช่วงหลังนี้โลหะเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องใช้และความต้องการนั้นสูงมาก แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจ้าวสำนักยังไม่สามารถจะเลี้ยงมันไว้ได้ ถ้าหากทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการหมดเนื้อหมดตัว!” แม่มดเทวะกล่าว
“ฮ่าฮ่า เพียงแค่โลหะเท่านั้นน่ะหรือ ข้าไม่สนใจหรอก!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “ในพื้นที่ของข้านั้นมีโลหะเพียงพอหรือไม่? ข้าคิดว่าถ้าหากข้าเลี้ยงดูมันอย่างเต็มที่และมันกลายเป็นอสูรกายที่สามารถเทียบเท่าอสูรกายศักดิ์สิทธิ์ได้ มันก็คุ้มค่าที่ข้าจะลอง!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าเป็นเช่นนั้น นายท่านสามารถลองได้!” แม่มดเทวะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากสามารถทำให้สัตว์ประหลาดกลืนกินทองคำยอมรับได้ ข้ามั่นใจว่ามันจะสร้างประโยชน์ให้กับนายท่านมากกว่าสูญเสีย!”
“หืม?” ซ่งจงงุนงง “เจ้าพูดถึงอะไร?”
“เพราะว่าสัตว์ประหลาดกลืนกินทองคำนั้นไม่ได้กินเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่มันทำหลังกินเสร็จคือขับถ่ายออกมาคือวัสดุชั้นดี” แม่มดเทวะอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “ตัวอย่างแรกก็คือมันสามารถย่อยสลายสำนักเสวียนเทียนได้หลังจากกินเหล็กสีดำไปสักพันจิน มันจะสามารถดึงเอาแก่นแท้ของเหล็กสีดำออกมาได้จากการขับถ่าย อย่ามองว่ามันเป็นวัสดุระดับต่ำ เพียงแค่แก่นแท้เหล็กสีดำก็สามารถปรับแต่งให้เป็นอาวุธวิเศษระดับต่ำได้ แม้ว่าเหล็กพวกนี้จะไม่ได้มีค่ามากนัก แต่ทว่าเมื่อมันถูกแปลงเป็นแก่นแท้แล้ว แน่นอนว่าท่านจะไม่คิดขายมันแม้ว่าจะมีใครมาขอซื้อด้วยราคามหาศาลก็ตาม! มันจะสร้างวัสดุชั้นดีและนำความมั่งคั่งมาสู่นายท่าน”
“ยอดเยี่ยม!” ซ่งจงตาลุกวาวทันทีพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าต้องการสมบัติชิ้นนี้! รีบบอกมาเลยว่าข้าต้องทำอย่างไร!”
“ง่ายมาก!” แม่มดเทวะกล่าวต่อ “เมื่อมองดูจากสถานที่แห่งนี้ ข้าคิดว่ามันไม่เพียงพอที่จะฟักไข่ได้ เพราะปราณจิตวิญญาณไม่หนาแน่นมากพอ อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนกับอสูรกายทั่วไป มันคือสัตว์ประหลาด คงจะไม่สามารถฟักดั่งเช่นอสูรกายได้และเมื่อฟักมันออกมาแล้ว ท่านจะต้องปราบปรามมันให้ได้ เพื่อให้มันยอมรับท่านเป็นเจ้านายอย่างแท้จริง!”
“เรื่องนั้นง่ายมาก!” ซ่งจงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อสูรกายระดับสองถึงสาม ข้าจะใช้ระฆังทองแดงเพื่อจัดการกับมัน แน่นอนว่ามันไม่มีทางปฏิเสธข้าได้!”
“ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!” แม่มดเทวะท้วงขึ้นมาทันที “สัตว์ประหลาดกลืนกินทองคำนั้นแตกต่าง มันดื้อมากและมันรังเกียจผู้ที่ใช้เวทมนตร์หรืออุปกรณ์วิเศษ ทางเดียวที่จะทำให้มันยอมรับได้ ท่านจะต้องใช้พละกำลังของตนเองเท่านั้น ถ้าหากท่านใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือหรือเวทมนตร์ใดๆ แม้ว่าท่านจะไม่สังหารมัน แต่มันจะไม่มีทางยอมแพ้แม้ว่าต้องตาย!”
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
ฝากกด like เพจด้วยนะคะ
*ผู้แปลขี้โรค