บทที่ 933 ศูนย์กลางที่ซ่อนเร้น

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 933 ศูนย์กลางที่ซ่อนเร้น

“ไป**!”**

เมื่อประตูสีทองเขียวพังลง เสียงคำรามแผ่วเบาของมั่นถัวหลัวก็ดังก้องในโสตประสาทของทุกคน ทันใดนั้นพวกเขาก็ทะยานตัวกลายเป็นริ้วแสงสิบกว่าสายพุ่งเข้าไปในประตู

มั่นถัวหลัวเป็นผู้นำเข้าไป

ฮึ่ม!

ทันทีที่เข้ามา มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงมิติที่กระเพื่อมไหวอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบด้าน สายตาของเขามืดลงชั่วขณะก่อนที่จะชัดเจนขึ้น

ทว่าทันใดนั้นรัศมีสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็ครอบงำราวกับมารอสูรล้อมเข้ามาจากทุกทิศทาง

ภายใต้รัศมีสังหารแผ่นหลังของมู่เฉินและคนที่เหลือก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

โฮก!

เมื่อพวกเขามองไปทางนั้นก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมโดยรอบ มิตินี้เป็นที่ราบไร้ขอบเขตโดยมีความขมุกขมัวส่องลงบนพื้นดิน ขณะที่รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้นบนพื้นดินในมิติ

จากรอยแตกนั้น รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากแผ่ออกมา มู่เฉินและคนอื่นๆ เห็นสายธารสีดำไหลออกมาจากรอยแตกเหล่านั้นอย่างไม่รู้จบ

เสียงคำรามผิดแผกดังมาจากสายธารสีดำซึ่งเหมือนจะไม่มีความเข้ากันกับมหาพันภพ นั่นเป็นเพราะเมื่อเสียงคำรามดังสะท้อน คลื่นหลิงในมิติก็พยายามหลีกเลี่ยงอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่ากำลังปฏิเสธอีกฝ่าย

มู่เฉินจ้องสายธารสีดำอย่างใกล้ชิด ทันใดนั้นหัวใจก็สะท้านไหว เขาเห็นเงาสีดำเลือนรางนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในซึ่งเงาเหล่านี้ดูแข็งแกร่งมาก เว้นแต่ว่าพวกมันราวกับถูกสร้างมาจากควัน แสดงให้เห็นร่องรอยของการบิดเบือนคลุมเครือ มีเพียงดวงตาสีแดงที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา

เสียงผิดปกติที่ดังเสียดหูและถูกคลื่นหลิงในฟ้าดินปฏิเสธ เกิดจากพวกมัน

ขณะที่สายธารสีดำไม่รู้จบหลั่งไหลออกมาจากรอยแตกมิติ คลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินก็เดือดพล่าน มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นชั้นเมฆกลิ้งไปมาบนขอบฟ้าไกลโพ้น ชั้นเมฆเหล่านี้สร้างขึ้นมาจากร่างนับไม่ถ้วนที่เดินทางข้ามขอบฟ้าอยู่ เมื่อมองใกล้เข้าไปคนเหล่านี้ก็คือจอมยุทธ์จากมหาพันภพที่มีคลื่นพลังงานทรงพลังกำจายอยู่รอบตัว…

“โฮก!”

เมื่อสายธารสีดำเห็นจอมยุทธ์เหล่านี้กวาดเข้ามาก็เปล่งเสียงคำราม สายธารสีดำครอบงำขอบฟ้า ทันใดนั้นทั้งสองฝ่ายที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าโรมรันกันอย่างหนักหน่วง

ฟ้าดินแตกสลายจากสงครามครั้งนี้

ขณะที่พลังงานสองชนิดชนกัน มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็เห็นร่างควันดำจำนวนมากเคลื่อนตัวผ่านมิติอย่างชัดเจน แขนของพวกมันทะลุผ่านแนวป้องกันของจอมยุทธ์ทรงพลังก่อนที่จะเจาะทะลวงเข้าไปในร่างของพวกเขาเหมือนคมมีด

อ้ากกกก!

เหล่าจอมยุทธ์แผดเสียงร้องลั่น ขณะที่ร่างกายของพวกเขาแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจร่างของพวกเขาก็กลายเป็นฝุ่นแล้วระเบิดออก ส่วนเงาดำเหล่านั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาด

ฉากนี้ทำให้มู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมด

การต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ เกิดขึ้นทุกหัวระแหงในมิติแห่งนี้

เสียงรบราล้อมรอบมิติ

ภายใต้การสังหารนี้ ดวงตาของพวกมู่เฉินราวกับจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเหมือนกัน

“ตึง!”

ทว่าขณะที่ดวงตาของพวกเขาแดงเข้มทบทวี เสียงระฆังคมชัดก็ดังขึ้นชำระล้างจิตใจของพวกเขาทันท่วงที สีแดงในดวงตาสลายหายไป พวกเขาหลุดจากผลกระทบของภาพการสังหาร

แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวในหัวใจ ก่อนที่จะเงยหัวขึ้นเห็นมั่นถัวหลัวยืนอยู่ตรงหน้า นางสะบัดนิ้วเบาๆ คลื่นหลิงสั่นสะเทือนเปล่งเสียงระฆังคมชัดออกมา

เห็นได้ชัดว่านางคือคนที่ดึงพวกเขากลับมาจากสงครามนั่น

“นี่คือฉากสงครามแตกหักตอนที่มหาพันภพถูกรุกรานโดยเผ่าปีศาจต่างมิติ” มั่นถัวหลัวจับจ้องภาพการต่อสู้ที่ดุเดือดขณะที่อธิบายช้าๆ

แม้ว่าทุกคนจะเดาได้บ้างแล้ว แต่ม่านตาก็ยังอดหดเกร็งไม่ได้เมื่อได้ยินคำยืนยันจากมั่นถัวหลัว

เงาดำเหล่านั้นคือพวกเผ่าปีศาจมิติเรอะ?

“ไม่มีใครรู้ว่าพวกปีศาจต่างมิติมาจากไหน แต่พวกมันราวกับฝูงตั๊กแตนทุกเส้นทางที่พาดผ่านจะกลืนกินคลื่นหลิงในฟ้าดินจนไม่เหลือ หากปล่อยให้พวกมันบุกเข้าสู่มหาพันภพได้ จักรวาลแห่งนี้ก็จะล่มสลาย ขณะเดียวกันพิภพเขตล่างนับไม่ถ้วนก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน”

“ข้าเคยเห็นทวีปที่ถูกเผ่าปีศาจเข้ายึด คลื่นหลิงหายไปอย่างสมบูรณ์ สถานที่แห่งนั้นไม่เหมาะสำหรับการเพาะบ่มขุมพลังอีกต่อไป ซึ่งสิ่งมีชีวิตในทวีปนั้นก็กลายเป็นธรรมดาจากการหายไปของคลื่นหลิง…” ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเคร่งเครียดลงหลายส่วน

“ซื้ด!”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเข้าลึกสุดปอด พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าภาพไร้ซึ่งคลื่นหลิงจะเป็นอย่างไร นั่นเป็นจุดสิ้นสุดของมหาพันภพที่แท้จริง

ไม่แปลกใจที่จอมยุทธ์ในมหาพันภพจะรวมพลังกันเมื่อเผชิญกับการรุกรานของเผ่าปีศาจต่างมิติ เป็นเพราะผลที่ได้นั้นเป็นหายนะสำหรับทุกผู้ทุกนาม

“สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพลวงตา อย่าถูกกระทบจากรัศมีสังหาร มิฉะนั้นพวกเจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นด้วย” มั่นถัวหลัวเตือน

ทุกคนพยักหน้ารับทันที หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมั่นถัวหลัว พวกเขาไม่ถึงครึ่งคงไม่สามารถหลุดออกมาได้ ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนอันตรายอย่างแท้จริง

เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นการตอบสนองของทุกคน นางก็ไม่ได้พูดอะไรหันกลับทะยานตัวออกไปยังจุดสิ้นสุดของมิตินี้ นางสะบัดมือปัดรัศมีสังหารออกไปอย่างสมบูรณ์

ทุกคนติดตามไปทันที พวกเขาเร้าคลื่นหลิงหมุนวนปกป้องตัวเอง ไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไป

ขณะที่ทะยานผ่านสนามรบ พวกเขาก็พบว่าที่นี่กว้างใหญ่เพียงใด ไม่รู้ว่าเดินทางมานานแค่ไหน แต่ก็ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเลย

ทั่วทั้งมิติเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานจากการสังหารเผ่าพันธุ์

พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางไปอีกนานแค่ไหน แต่ในเมื่อมั่นถัวหลัวไม่ได้พูดอะไร พวกเขาก็ได้แต่ติดตามนางไปอย่างใกล้ชิดเท่านั้น…

หลังจากเดินทางต่อเป็นเวลานาน ในที่สุดมั่นถัวหลัวก็ชะลอตัวลง เสียงเคร่งเครียดของนางดังขึ้นในโสตประสาท “ทุกคนระวังด้วย!”

เมื่อได้ยินคำเตือนจากมั่นถัวหลัว มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็อึ้งไป แต่พวกเขาก็ยังเกร็งตัวระวังตามสัญชาตญาณพลางหมุนเวียนคลื่นหลิงทันที

ฮึ่ม!

ขณะที่พวกเขาหมุนเวียนคลื่นพลังเพื่อปกป้องร่างกาย ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่าเสียงสงครามวิปโยคที่ดังก้องอยู่ในมิติก็หายวับไป

ในเวลาเดียวกันสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

สนามรบที่กว้างใหญ่หายไปถูกแทนที่ด้วยมหาสมุทรไร้ขอบเขต มหาสมุทรแห่งนี้เป็นสีฟ้าเข้ม คลื่นยกตัวขึ้นสูงก่อนซัดลงมา ทุกคนเห็นมิติถูกคลื่นทำลายได้อย่างชัดเจน…

น้ำทุกหยดของมหาสมุทรดูเหมือนจะหนักเป็นพันชั่ง

มู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ ก้นของมหาสมุทรไม่สามารถวัดได้ ส่วนลึกของมหาสมุทรราวกับกลายเป็นความมืดไม่มีจุดสิ้นสุด ทำเอาหัวใจเย็นเยียบลง

ท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรก็มืดมิดเกินหยั่ง

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน แม้ว่าฉากที่ไม่คุ้นเคยนี้จะไม่มีรัศมีสังหารเหมือนกับสนามรบก่อนหน้า แต่ไม่รู้ทำไม พวกเขากลับรู้สึกถึงแรงกดหนาแน่น

แรงกดดันไม่สามารถอธิบายได้ แต่ก็ทำเอาไม่อาจหายใจได้

มั่นถัวหลัวยืนอยู่บนท้องฟ้า ม่านตาสีทองคำกวาดมองมหาสมุทร ไม่นานดวงตาก็กะพริบด้วยแสงสีทอง ขณะที่พึมพำกับตัวเอง “กลยุทธ์ยอดเยี่ยมจริงๆ”

“ท่านประมุข…ที่นี่คือ?” เทียนจิ้วถามเสียงเบา กระทั่งตัวเขายังรู้สึกกดดันอย่างไร้รูปแบบจากมหาสมุทรนี้

“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะสร้างขึ้นโดยจุดจื้อจุนไห่ของท่านจอมพลสี่” มั่นถัวหลัวตอบเสียงเบา

“เกิดจากจุดจื้อจุนไห่?”

ดวงตาของเหล่าผู้บัญชาการเบิกกว้างขึ้นขณะที่กวาดมองบริเวณนี้อย่างตะลึง จุดจื้อจุนไห่เป็นที่มาของพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุน ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นจุดจื้อจุนไห่สร้างฉากดังกล่าวขึ้นเบื้องหน้าครรลองสายตาของพวกเขา

“เมื่อระดับการเพาะบ่มมาถึงในจุดเดียวกับท่านจอมพลสี่ จุดจื้อจุนไห่ของจอมยุทธ์เทียบเท่ากับมิติหนึ่ง พวกเขาสามารถเปิดทะเลพลังเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูกักขังเอาไว้ภายใน เวลานั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดก็จะไม่เหลืออะไรจากคลื่นหลิงที่หมุนวนเหล่านี้” มั่นถัวหลัวกล่าว

ทุกคนต่างตกตะลึงเกินคำบรรยายจากคำพูดของนาง ในระดับของพวกเขาต้องซ่อนจุดจื้อจุนไห่ไว้ในร่างกายเนื่องจากกลัวว่าจะถูกผู้อื่นทำลาย เพราะสำหรับจอมยุทธ์ระดับจื้อจุน ร่างกายถูกทำลายไม่เป็นไร แต่ถ้าจุดจื้อจุนไห่ของพวกเขาถูกทำลายการฝึกฝนทั้งชีวิตก็จะสลายหายไปจนสิ้น

ดังนั้นคงไม่มีใครกล้าดึงศัตรูเข้าสู่จุดจื้อจุนไห่ของตน

แต่พวกเขาไม่คิดว่าวิธีการที่จอมยุทธ์ทั้งหลายหลีกเลี่ยง จะถูกนำมาใช้อย่างน่าสะพรึงกลัวในมือของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน…

“ที่นี่น่าจะเป็นศูนย์กลางของขุมทรัพย์แล้ว”

ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวมองเข้าในความลึกของมหาสมุทรนี้ นิ้วเล็กก็ชี้ไปยังทิศทางนั้น “ระวังกันด้วย”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หัวใจแต่ละคนก็สั่นสะท้าน ในที่สุดพวกเขาก็อยู่ในใจกลางของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนแล้วเหรอ? ไม่รู้ว่ากองทัพอื่นมาถึงที่นี่เหมือนกันแล้วหรือยัง?

เหล่าผู้บัญชาการแลกเปลี่ยนสายตากัน สีหน้าเครียดลงหลายส่วน ทุกคนรู้สึกได้ถึงพายุน่ากลัวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า…