ตอนที่ 1037 ที่เหลือหายไปไหน

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ฝ่ายศัตรูอีกทีมหนึ่งซึ่งมีสมาชิกสิบคนนำโดยเสี่ยวเซียวทว่าความเร็วของกลุ่มนี้นั้นค่อนข้างช้าเนื่องด้วยข้อจำกัดของหัวหน้าซึ่งก็คือเสี่ยวเซียว ทีมนี้ประกอบด้วยสมาชิกที่มีความแข็งแกร่งระดับสูงทั้งนั้น มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ระดับต่ำที่สุดในกลุ่มคือระยะ 5 และสูงที่สุดคือระยะ 7
  จากทั้งหมดสิบคนมีเพียงแค่เสี่ยวเซียวคนเดียวที่เป็นพรสวรรค์
  ”ตึง!”
  เสียงแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ดังขึ้นไม่ไกลออกไปทีมของเสี่ยวเซียวหยุดการเคลื่อนไหวทันทีเป็นครั้งแรก
  ”เกิดอะไรขึ้น?”วิวัฒนาการระยะ 7 ตกใจและรีบเอ่ยถาม “อาวุธอะไรที่ทรงพลังได้ขนาดนั้น?”
  คนที่เหลือเองก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังพวกเขาจัดกำลังยืนล้อมเสี่ยวเซียวเอาไว้ทุกด้านเพื่อป้อวกัน พวกเขาเชื่อว่าการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง แต่ที่คิดไม่ออกก็คือมันเกิดจากอาวุธอะไรถึงสร้างผลลัพธ์รุนแรงได้ถึงขนาดนี้
  ”ท่านหัวหน้าครับตำแหน่งเป็นจุดที่ชูฮันอยู่ครับ” มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในกลุ่มรายงานเสี่ยวเซียว
  แววตาของเสี่ยวเซียวพลันเปลี่ยนเป็นล้ำลึกราวกับกำลังคิดอะไบางอย่างอยู่ในหัว”คาดว่าคนที่อยู่ในบริเวณน่าจะตายไม่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันหมด”
  วิวัฒนาการระยะ7 ในทีมมีสีหน้าราบนิ่ง เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่คิดเลยว่าชูฮันจะมีอาวุธลับที่รุนแรงขนาดนี้ในมือ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าเปิดเผยตัวเองโต้งๆต่อหน้าพวกเรา”
  ”แต่แน่นอนว่าชูฮันจะต้องคาดไม่ถึงแน่ว่านอกจากกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ห้าสิบคนแล้วจะยังมีกลุ่มที่มีแต่สมาชิกระดับสูงตามไปอีก” มนุษย์สายพันธุ์ใหม่อีกคนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะวาดภาพจุดจบของชูฮันอยู่ในหัว
  เสี่ยวเซียวแสยะยิ้ม”อย่าประมาทศัตรู รีบตามไปและห้ามปล่อยชูฮันรอดไปได้เด็ดขาด!”
  ”ครับ!”
  กลุ่มมนุษ์ยสายพันธุ์ใหม่รีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่เกิดระเบิดทันที
  —————–
  นอกจากพื้นที่ระเบิดป่าแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างใหญ่อย่างมาก สมาชิกที่เหลือของทีมกุ้งเสือดำต่างแยกย้ายกระจัดกระจายกันไป พยายามหาเป้าหมายเพื่อลอบสังหาร โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาทำให้พวกเขาค่อยๆถอยห่างออกจากเป้าหมายไปเรื่อยๆ
  เวลาผ่านไปพักใหญ่กว่าที่ทีมกุ้งเสือดำจะหาเส้นทางบนภูเขาลูกใหญ่นี้เจอถึงขนาดที่ว่าสมาชิกหลายคนได้วนเวียนมาประจบกันเองหลายต่อหลายครั้ง
  สิ่งที่ทำให้เหล่าทีมกุ้งเสือดำยิ่งรู้สึกไม่สบายใจก็คือพวกเขาพบว่าฝ่ายศัตรูดูเหมือนจะน้อยลงเรื่อยๆจนแทบจะไม่มีเหลือแล้ว
  เมื่อเช่นนั้นทีมกุ้งเสือดำจึงตัดสินใจรวมตัวสมาชิกเข้าด้วยกันซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ก็รวมตัวกันอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้อยู่แล้วเหลือแค่รอให้ที่เหลือกลับมารวมกลุ่ม
  ขณะนั้นเองจางโบฮั่นที่ไม่เคยแพ้ให้ผู้ชายมาก่อนเธอมักเป็นคนนำการต่อสู้เสมอทว่าเวลานี้เธอกำลังนั่งให้หวังหลิงทำแผลให้เธออยู่ ทันใดนั้นก็ถามคำถามหนึ่งกับหวังหลินขึ้นมา “นายฆ่าไปแล้วกี่คน?”
  มันคือการเปรียบเทียบที่เห็นได้ทั่วไปในทุกๆทีมของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเมื่อไหร่ก็ตามที่การต่อสู้หรือการฝึกฝนจบลง คนที่ไม่ยอมรับในการพ่ายแพ้ของตัวเองจะรวมตัวกันเพื่อพูดคุย
  แม้แต่ทีมกุ้งเสือดำที่มักทำตัวเงียบๆไม่โดดเด่น ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน เพราะในใจของทุกคนต่างต้องการมีความสำคัญทั้งนั้น
  หวังหลิงเหลือบมองจางโบฮั่นที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับเขาย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป “แน่นอนว่าฉันฆ่าไปได้ไม่มากเท่าเธอแน่ๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีโอกาสเจอศัตรูเลย เลยฆ่าไปได้แค่คนเดียว”
  ”อะไรนะ?!”จางโบฮั่นตะลึง เธอตะโกนถามออกมาอย่างตกใจ “นายฆ่าไปได้แค่คนเดียว?”
  หลังจากนั้นจางโบฮั่นก็หันไปมองกัปตันเสี่ยวเคิน นั่นก็เพราะว่าตัวเธอเองก็ฆ่าไปได้แค่คนเดียวเหมือนกัน คนที่ตั้งแต่แรกเริ่มที่เสี่ยวเคินตามมาช่วยและหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจอศัตรูอีกเลย
  เดิมทีเธออยากจะถามแกล้งหวังหลิงเล่นเฉยๆ…แต่ไม่คิดเลยว่าหวังหลิงก็จะเป็นเหมือนกับเธอ
  เสี่ยวเคินได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองทั้งๆที่ปกติเขาสามารถกลั้นอารมณ์ได้ดีเสมอแต่ครั้งนี้เขาอดไม่ได้ที่จะโพล่งถามออกมาเสียงดัง “หวังหลิงฆ่าไปได้แค่คนเดียว?”
  ช่างน่าบังเอิญเพราะตัวเสี่ยวเคินเองก็ฆ่าไปได้แค่คนเดียวเหมือนกัน!
  หวังหลิงที่ได้ยินน้ำเสียงของเสี่ยวเคินก็พลันชะงักสมาชิกของทีมกุ้งเสือดำมักจะอยู่เงียบๆและไม่ยืดหยุ่นเท่ากับทีมความลับของพระเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีความสามารถพื้นฐานในการรับรู้…ในคำพูดและน้ำเสียงของเสี่ยวเคินมันแสดงออกชัดเจนว่าเสี่ยวเคินเองก็เจอศัตรูไปแค่คนเดียวเหมือนกัน
  การพูดคุยระหว่างทั้งสามคนไม่มีการเบาเสียงเลยสักนิดทำให้สมาชิกที่เหลือซึ่งกำลังนั่งพักฟื้นกำลังตัวเองอยู่ก็เริ่มทยอยได้ยินไปเรื่อยๆทีละคนหลายคนต่างตกใจและมีอาการเดียวกันหมด
  พอได้เห็นปฏิกิริยาของทุกคนเสี่ยวเคินก็รับรู้ได้ทันทีในใจว่ามันหมายความว่าอะไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกคำสั่ง “รายงานสถิติของแต่ละคนเดี๋ยวนี้!”   ”ยานเฮ่าฆ่าศัตรูไปได้หนึ่งคน!เป็นวิวัฒนาการระยะ 4 ครับ!”
  ”ผมฆ่าไปได้สองคนครับ!สมาชิกของทีมยิงปืนหนึ่งคน และวิวัฒนาการระยะ 4 หนึ่งคนครับ!”
  ”ผมฆ่าศัตรูไปได้หนึ่งคน!เป็นพรสวรรค์ระยะ 5 ครับ!”
  ”…”
  ทุกคนทยอยรายงานไปเรื่อยๆจำนวนตัวเลขที่ปรากฏนั้นเป็นที่น่าตกใจอย่างมาก!
  ทุกคนสบตากันไปมาอยู่พักใหญ่ในแววตาเต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัย ยิ่งเสี่ยวเคินที่ได้ยินการรายงานตัวเลขของทีมมากเท่าไหร่ หัวใจของเขาก็ยิ่งจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ
  สมาชิกทีมกุ้งเสือดำทั้งหมดเจ็ดสิบคนส่วนใหญ่ฆ่าศัตรูไปได้แค่คนเดียว ส่วนน้อยที่โชคดีก็ฆ่าศัตรูได้สองคน และสมาชิกกว่ายี่สิบคนไม่ได้ฆ่าใครเลยด้วยซ้ำเพราะไม่ได้เจอกับฝ่ายศัตรูเลย!   แล้วจำนวนของศัตรูที่พวกเขาล่อเข้ามาในภูเขานี้คือเท่าไหร่?
  200คน…
  สองร้อยคนที่ถูกพวกเขาในตอนแรกใช้กลยุทธ์ของหัวหน้าชูฮันจนสามารถกำจัดไปได้ห้าสิบคน….หมายความว่าฝ่ายศัตรูยังเหลืออีกหนึ่งร้อยห้าสิบคน!
  ตามแผนการเดิมที่วางไว้โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาแต่ละคนจะต้องฆ่าศัตรูให้ได้สองคน แม้พวกเขาจะรู้ดีว่าศัตรูในครั้งนี้มีความสามารถสูงและยากที่จะเอาชนะได้
  ทว่าสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้เสี่ยวเคินต้องคิดหนัก
  ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ได้รับรายงานทำให้รู้ว่าฝ่ายศัตรูส่วนใหญ่ที่ถูกลอบสังหารไปแล้วจะเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ4 และมีระยะ 5 กับทีมยิงปืนรองลงมา ขณะที่วิวัฒนาการระยะ 6 มีแค่คนเดียว!
  เสี่ยวเคินรู้ดีอยู่แล้วว่ากองกำลังฝ่ายศัตรูนั้นมีแต่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงทั้งนั้นและก็มีวิวัฒนาการระยะ 6 และ7 อยู่เป็นจำนวนพอสมควรด้วย ยิ่งโดยเฉพาะวิวัฒนาการระยะ 5 ก็มีมากกว่าที่เขาได้รับรายงานลอบสังหารจากทีม
  ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนคนที่ทีมกุ้งเสือดำสังหารไปได้รวมทั้งหมดมีแค่เก้าสิบคนเท่านั้น…ถ้างั้นที่เหลืออีกหกสิบคนหายไปไหน?!
  เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นตามกรอบหน้าของเสี่ยวเคินเสียงสั่นเทิ้มอย่างแรงด้วยความหวาดกลัวในใจ เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้จนตะคอกเสียงดังลั่น “ท่านพลเอก! เร็วเข้า รีบไปช่วยท่านพลเอกชูฮัน!”
  กองกำลังฝ่ายศัตรูที่เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงทั้งหกสิบคนที่ส่วนใหญ่คือวิวัฒนาการระยะ5 และก็ยังมีระยะ 6 และ 7 อีกจำนวนมากดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่ชูฮัน!
  หัวหน้ากำลังแย่!
  หัวหน้าอาจจะตายได้!   เหล่าสมาชิกทีมกุ้งเสือดำครุ่นคิดถึงความจริงข้อนี้อยู่ครู่หนึ่งแทบจะทันทีทุกคนต่างวางทุกอย่างในมือลง แม้แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่สนความเจ็บของตัวเอง แววตาของทุกคนมุ่งมั่นและอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารรุนแรง
  ”แยกย้ายเข้าสู่โหมดค้นหา!” เสี่ยวเคินที่กำลังเหงื่อตกเพราะความวิตกกังวลในใจ เขาพยายามยั้งอารมณ์ตกเองไว้และออกคำสั่งอย่างใจเย็น “ค้นหาท่านพลเอกชูฮัน ใครที่เจอก่อนให้รีบส่งคนแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้ทันที!”
  นี้คือหนึ่งในแผนการฝึกปีศาจของเขี้ยวหมาป่าที่ชูฮันเคยฝึกฝันพวกเขาอย่างหนักและในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้เสี่ยวเคินก็เลือกจะนำมันมาใช้เป็นครั้งแรก ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วถึงความสำคัญของการฝึกปีศาจที่ชูฮันให้ไว้
  แม้แต่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานชูฮันก็ยังทิ้งการตอบสนองที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพให้พวกเขาเอาไว้  ท่านพลเอก…
  จะตายง่ายๆได้ยังไง?!