บทที่ 1644 ปราณครอบครัวใหญ่

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1644 ปราณครอบครัวใหญ่

 

ถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ

 

“มา!” ร่างหลักของฟางหยวนตะโกนขณะที่นิ้วทั้งห้าของเขาคว้าจับทะเลปราณที่อยู่ตรงหน้า

 

ปราณสีทองที่ส่องประกายและดูมีชีวิตชีวาบินออกมาจากทะเลปราณ

 

นี่คือปราณแห่งโชค

 

ทะเลปราณมีปราณทุกประเภท ปราณแห่งโชคเป็นหนึ่งในพลังปราณที่หายากมากทั้งในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์ ผู้อมตะที่สามารถครอบครองมันถือว่าโชคดีมาก

 

ฟางหยวนกําลังรื้อถอนท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขต

 

ท่าไม้ตายนี้เป็นไพ่ตายของฉีเซียง มันคล้ายกับท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปหรือเกราะหวนคืนของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตยังถือเป็นทรัพยากรอมตะชนิดหนึ่ง มันเป็นการรวมตัวของพลังปราณหลากหลายชนิด

 

ยิ่งมีพลังปราณมากเท่าใด ท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปพลังปราณเหล่านี้จะค่อยๆสลายไปตามธรรมชาติ

 

ท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขตก่อนหน้านี้ไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของมัน

 

นี่เป็นวันที่ห้าแล้วหลังจากฟางหยวนยึดครองถ้ำสวรรค์ทะเลปราณ เขาพักผ่อนอยู่ที่นี่และเก็บเกี่ยวทรัพยากรทั้งหมด เขายังทําข้อตกลงทาสกับสามผู้อมตะตระกูลฉี ฉีฟา ฉีไค และฉีปิงซู ทรัพยากรที่สามารถเคลื่อนย้ายถูกนําเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิโดยอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ขณะที่ฟางหยวนยุ่งอยู่กับท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขต

 

นี้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ฟางหยวนไม่สามารถใช้งานมัน แต่พลังปราณจํานวนมหาศาลถือเป็นสมบัติล้ำค่า นอกจากนั้นเขายังได้รับวิญญาณจํานวนมาก

 

“ข้าต้องใช้เวลาอีกสามวันในการสกัดปราณทั้งหมดออกมา”

 

“หลังจากนั้นข้าจะปรับแต่งวิญญาณอมตะเหล่านี้

 

ฟางหยวนวางแผน

 

มีวิญญาณระดับมนุษย์มากมายแต่ฟางหยวนไม่สนใจพวกมัน

 

สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงวิญญาณอมตะ

 

มีวิญญาณอมตะหกดวงที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายนี้ หนึ่งในนั้นคือวิญญาณอมตะปราณใหญ่ระดับแปด

 

ส่วนที่เหลือเป็นวิญญาณอมตะระดับหกและระดับเจ็ด ท่ามกลางพวกมัน วิญญาณอมตะที่ฟางหยวนให้ความสนใจมากที่สุดคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่เรียกว่าปราณครอบครัวใหญ่

 

วิญญาณอมตะดวงนี้สามารถเก็บสะสมพลังปราณทุกชนิดรวมถึงปราณสวรรค์พิภพ!

 

ฟางหยวนเคยใช้วิญญาณศูนย์รวมพลังปราณระดับมนุษย์เก็บปราณสวรรค์พิภพเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติมาก่อน ในฐานะวิญญาณอมตะ วิญญาณอมตะปราณครอบครัวใหญ่ย่อมมีความสามารถที่เหนือกว่าอย่างมากในแง่นี้

 

“ด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้ ข้าจะสามารถเก็บและปล่อยปราณสวรรค์พิภพ นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการจัดการภัยพิบัติ

 

“หากภัยพิบัติแข็งแกร่งเกินไป ข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ดูดซับปราณสวรรค์พิภพและทําให้ภัยพิบัติอ่อนแอลง หากภัยพิบัติอ่อนแอเกินไป ข้าสามารถปล่อยปราณสวรรค์พิภพออกมาและทําให้ภัยพิบัติแข็งแกร่งขึ้น นั่นจะทําให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋มากขึ้น”

 

“ข้ายังสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ดูดซับปราณสวรรค์พิภพจากภายนอกมาเก็บไว้ เมื่อมิติช่องว่างของข้าต้องการ ข้าสามารถปล่อยปราณสวรรค์พิภพออกมา ด้วยวิธีนี้ข้าก็ไม่จําเป็นต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพอีกต่อไป”

 

สถานการณ์ที่แตกต่างต้องแก้ไขด้วยวิธีที่แตกต่าง

 

วิญญาณอมตะระดับสูงกว่าไม่จําเป็นต้องมีประโยชน์มากกว่า ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะปราณครอบครัวใหญ่ระดับเจ็ดที่มีประโยชน์ต่อฟางหยวนมากกว่าวิญญาณอมตะปราณใหญ่ระดับแปด

 

การปรับแต่งวิญญาณอมตะเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน เรื่องนี้ต้องขอบคุณความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดและความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมระดับปรมาจารย์เอกตลอดไปถึงท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณและอื่นๆ

 

ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนี้สามารถดูดซับพลังปราณทั้งหมดและเก็บพวกมันไว้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน พลังปราณที่ฟางหยวนไม่สามารถเก็บไว้ถูกวางขายในสวรรค์สีเหลือง

 

นอกจากพลังปราณยังมีทรัพยากรบางส่วนจากถ้ำสวรรค์ทะเลปราณและถ้ำสวรรค์ห้าเซียงที่ถูกขายออกไปเพื่อแลกกับทรัพยากรที่เขาต้องการ

 

โดยปกติเขาจะแลกเปลี่ยนสินค้ากับสินค้า

 

หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแปด ฟางหยวนต้องใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะ

 

ลิ้นจี่ขาวอมตะหนึ่งผลเท่ากับลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งร้อยผลหรือคิดเป็นองุ่นเขียวอมตะหนึ่งหมื่นผล

 

กล่าวคือเขาต้องใช้หินวิญญาณอมตะหนึ่งหมื่นก้อนเพื่อเปลี่ยนเป็นลิ้นจี่ขาวอมตะหนึ่งผล นี่เป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไป

 

ดังนั้นผู้อมตะระดับแปดจึงใช้วิธีผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะขึ้นมาด้วยตนเองและเก็บเอาไว้

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่จําเป็นต้องพึ่งพาหินวิญญาณอมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้นทุนสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ

 

ฟางหยวนกําลังแลกเปลี่ยนทรัพยากรขณะที่อิงอู๋เซี่ยลอบมาพบเขา

 

อิงอู๋เชี่ยไม่ได้อยู่ในร่างของผู้อมตะหญิงอีกต่อไปแต่เขาอยู่ในร่างของผู้อมตะตระกูลหยางของภาคใต้เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่สอดคล้องกัน แต่ในการต่อสู้ฟางหยวนจะสร้างกายาแห่งความฝันเพื่อให้อิงอู๋เซี่ยใช้งาน

 

อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้นํา ท่านกดขี่สามผู้อมตะตระกูลฉีเรียบร้อยแล้วและส่งพวกเขาออกไป นั่นเป็นวิธีที่ดี แต่เหตุใดท่านไม่ทําเช่นเดียวกันกับไป่หนิงปิง? แม้นางจะมีประโยชน์ต่อท่านในเวลานี้ มันก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว หากกลืนกินนาง ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะของท่านจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ไป่หนิงปิงยังมีท่าไม้ตายอมตะไป่เซียง ที่ทรงพลัง แม้ไป่หนิงปิงจะเข้าร่วมกับนิกายเงา แต่ข้อตกลงพันธมิตรสามารถทําลายได้อย่างง่ายดาย ข้าอาจคิดมากเกินไป แต่ดูเหมือนท่านค่อนข้าง…ผ่อนปรนต่อไป่หนิงปิง”

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและส่ายศีรษะ

 

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เข้าใจนาง”

 

“นางเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวต่อความตาย นางยอมตายดีกว่ายอมจํานน

 

“แม้ข้าจะมีวิธีรักษาวิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของนาง แต่มันจะมีประโยชน์ใด?”

 

“ตอนนี้ข้าต้องการกําลังคนเพื่อหยุดยั้งวังสวรรค์ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้า ในปัจจุบันไม่มีผู้ใดสามารถช่วยข้าในเรื่องนี้”

 

“ไป่หนิงปิงมีท่าไม้ตายอมตะไป่เซียง นางมีประโยชน์

 

“ด้วยตัวตนและสถานการณ์ของนาง นางไม่สามารถหันไปหาวังสวรรค์ ในเวลาเดียวกันนางก็ต้องการวิญญาณอมตะกงล้อหยินหยางเพื่อฟื้นฟูร่างบุรุษของนาง”

 

“พวกเราไร้ประโยชน์เกินไป” อิงอู๋เชี่ยก้มศีรษะลง

 

ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า ข้าจะดูแลและเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับพวกเจ้า”

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องให้ความสําคัญกับตนเองเป็นอันดับแรก แต่หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแปด เขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆ

 

ในฐานะผู้อมตะระดับแปด แม้เขาจะอ่อนแอกว่าวังสวรรค์ แต่ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถสร้างปัญหาให้เขาอีกต่อไป ตราบเท่าที่เขาไม่เข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลา เขาจะปลอดภัย

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงมีเวลาเสริมกําลังให้กับคนอื่นๆอย่างใจเย็น

 

เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต

 

นอกจากนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ฟางหยวนสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเร่งความเร็วในมิติช่องว่างของทุกคน แม้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่รุนแรง ฟางหยวนก็ยังสามารถให้ความช่วยเหลือ

 

อิงอู๋เชี่ยรู้สึกมีความสุขเมื่อได้รับคําสัญญาจากฟางหยวน

 

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เรียกไห่ลั่วหลันเข้าพบ

 

“ข้าจะให้เจ้าดูบางสิ่ง” ฟางหยวนนําไห่เจิ้งออกมา

 

ดวงตาของไหลั่วหลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธและต้องการฉีกร่างไห่เจิ้งออกเป็นชิ้นๆทันที

 

แม้ไม่เจิ้งจะเป็นบิดาของนาง แต่พวกเขามีความเกลียดชังที่ฝังรากลึก

 

ไหลั่วหลันมองฟางหยวนที่เก็บไห่เจิ้งกลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิและกัดฟันกล่าว “ดังนั้นไห่เจิ้งก็อยู่ในมือเจ้ามาตลอด เจ้าต้องการรับเขาเข้าสู่นิกายเงางั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนหัวเราะ “อย่ากังวล หากเปรียบเทียบ เจ้ามีคุณค่ามากกว่า ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนอย่างหนักและมีผลงานบางอย่าง วันหนึ่งเจ้าจะสามารถแก้แค้นได้อย่างแน่นอน”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” ไป่หลั่วหลันมองฟางหยวนด้วยความรู้สึกหมดหนทาง